คู่มือฉบับ 'คุกและยุบพรรค"


เพิ่มเพื่อน    

          บ่าย ๒ วันนี้ (๒๐ พ.ย.๖๒)

                เดี๋ยวก็รู้.....

                ว่าธนาธรจะหมู่หรือจ่า?

                ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำพิจารณาวินิจฉัยให้ทราบกัน ว่า

                ขณะธนาธรลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

                โดยถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่นั้น

                เข้า "ลักษณะต้องห้าม".....

                ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ธนาธรต้องสิ้นสุดลง

                ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา ๙๘(๗) หรือไม่?

                ก็อย่าเพิ่งต้องให้คาดเดาเปะปะว่า "หลุด-ไม่หลุด" จาก ส.ส.ล่วงหน้าไปเลย อดใจรอฟังศาลฯ เป็นมรรยาทงามที่สุด

                ประเด็น หลังศาลฯ ตัดสินแล้วนั่นแหละ ควรคุยกันว่า

                ........แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป?

                ถ้าศาลฯ บอก "ไม่เข้าลักษณะต้องห้าม" ทุกอย่างจบ ธนาธรพ้นข้อหา เข้าสภาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ทันที

                แต่ถ้าพ้นสภาพ .......

                คือการถือหุ้นสื่อเข้าลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

                อันนี้ยาว "ถึงคุก" เลยธนาธรเอ๋ย!

                เดี๋ยวค่อยคุยกันประเด็นนี้ ขอคั่นด้วยเรื่องธรฟ้อง กกต.ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางก่อน ในข้อหา กกต.ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

                ฐานรวบรัดส่งคดีหุ้นสื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยคณะอนุฯ ไต่สวนยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น นั้น

                ภาษาจิ๊กโก๋เขาว่า no water medicine ทำเป็น doctor head ไปงั้น ลูกศิษย์ปี ๑ อาจารย์วรเจตน์ ยังยิ้มหยัน

                เห็นเอกสารที่ กกต.ตอกหน้าแงธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เมื่อวาน (๑๙ พ.ย.) กันแล้วใช่มั้ย?

                ฉบับแรก ชี้แจงเป็นวิทยาทานแก่ ธร ประมาณว่า ถ้าไม่แกล้งโง่ ก็โง่จริง

                ที่ไปฟ้อง กกต.ว่ารวบรัดส่งคดีหุ้นสื่อให้ศาลฯ วินิจฉัย โดยอนุฯ ไต่สวน ยังสอบสวนไม่เสร็จ

                ฉบับที่สอง น่าจะเรียก "ดาบสอง" จาก กกต.มากกว่า ช่างมาถูกที่-ถูกเวลาจริงๆ

                เรื่องเสี่ยธรออกเงินกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ ๑๙๑ ล้าน นั่นแหละ

                อนุฯ ไต่สวน สอบสวนแล้ว ส่งเรื่องให้ กกต.แล้ว และ กกต.พิจารณาแล้ว มีคำสั่งเมื่อวาน

                "ปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ชัดเจน"

                เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง

                มาตรา ๖๖ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐

                โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกินกว่า ๑๐ ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี

                จึงมีมติเป็นเอกฉันท์.......

                ให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม

                คือ เรื่องเอกสารหลักฐานนั้น ทางอนุฯ ไต่สวน เคยเรียกแล้ว แต่ทางพรรค, หัวหน้าพรรค คือนายธนาธร ก็มินำพา

                เมื่อวาน กกต. "ชุดใหญ่" เรียกซ้ำอีกที!

                ตรงนี้ สัญญาณอันตรายนะธร ขอบอกด้วยหวังดี

                พรรคหรือธนาธรจะทำแอคคอร์เดียน ไม่ส่งก็ได้ กกต.ก็ไม่ว่าอะไร

                เพราะเรื่องนี้ ประจักษ์ด้วยหลักฐาน อวดเอง โม้เอง ทั้งเจ้าตัว ทั้งเลขาฯ ปิยบุตรสุดหล่อ ทั้งโฆษก พรรณิการ์สุดสวย

                แถลงอวยเป็นหลักฐานรับกันเป็นทอดผ้าบังสุกุลบนเชิงตะกอน

                ถ้าผิดจริง โทษถึงยุบพรรค!

                เรียกว่าเอกสารหลักฐาน เรื่องธรออกเงินกู้ให้พรรคเท่าที่อยู่ในมือก็เหลือเฟือ

                ที่ กกต.เรียกให้ส่ง ใช่ว่าเอกสารในมือไม่สมบูรณ์ หากแต่ให้โอกาส ให้ความเป็นธรรม แก่พรรคและธนาธรตะหาก

                จะส่งหรือไม่ส่ง เรื่องของธร...

                แต่เป็น "ผลบวก-ผลลบ" กับพรรคและธรเองโดยตรง จะเที่ยวไปร้องลิเก ผมถูกความอยุติธรรมเฆี่ยนตีทีหลังไม่ได้นะ

                อย่าไปนึกว่า กกต.จะหาหลักฐานที่ไหนไม่ได้

                เอกสารบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ธรยื่นไว้กับ ป.ป.ช.นั่นน่ะ กกต.ขอจาก ป.ป.ช.ได้อยู่แล้ว

                ตรงนี้ ถ้าไม่พบแจ้งรายการทั้งเงินกู้และรายได้ดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕/ปี ด้วยละก็

                บอกได้คำเดียว......

                "ซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อน" ช่อตาขวางออกจอก็ช่วยไม่ได้!

                เอาล่ะ มาถึงเรื่องหุ้นสื่อที่ตัดสินวันนี้ มันมีประเด็นและขั้นตอนต่อเนื่องที่ควรศึกษาเล็กน้อย

                คือ ถ้าศาลฯ ตัดสินว่า ........

                "การถือครองหุ้นสื่อของธร เข้าลักษณะต้องห้ามให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ต้องพ้นสภาพ ส.ส."

                ก็ค่อยๆ ไล่เลียงทีละขั้น เพื่อความเข้าใจไปตามลำดับ

                ที่ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และธรไปฟ้อง กกต.ว่ารวบรัด เร่งรีบส่งศาลฯ นั้น

                สรุป ไม่เกี่ยวกับเร่งรีบหรืออ้อยอิ่ง เพราะเรื่องลักษณะต้องห้ามและคุณสมบัติ เป็นเรื่องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคสี่ เป็นการเฉพาะ

                ให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

                ประเด็นนี้ กกต.เป็นเพียงแมสเซนเจอร์เท่านั้น!

                คือรับเรื่อง ตรวจสอบแล้ว ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานเดียว

                กรณีธนาธร หลักฐานปรากฏต่อ กกต.ว่า.....

                สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.๕) มีชื่อธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อ

                เป็นลักษณะต้องห้ามผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา ๙๘(๗)

                กกต.จึงส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

                มันก็เท่านั้น!

                ส่วน "จะผิด-จะถูก" อยู่ที่ศาลฯ จะวินิจฉัยชี้ขาดวันนี้

                ศาลฯ ก็ให้โอกาสธรแก้ต่างแล้วมิใช่หรือ?

                เห็นศาลฯ ถามอะไร ธรก็เอาแต่ ผมจำไม่ได้..ผมจำไม่ได้

                แล้วยังต่อรองศาลฯ.......

                ถ้าตัดสินเป็นคุณกับผม จะไปทำ Blind Trust!?

                โธ่...เวร ตาลาย!

                ประเด็นต่อมา ที่ผมบอกถึง "ขั้นตอนตามกฎหมาย"

                คือเรื่องผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา ๙๘(๗) อันเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์ลงรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ที่ตัดสินวันนี้ นั้น

                เป็นขั้นตอนเฉพาะว่า ขณะนี้ ธนาธรยังคงเป็น ส.ส.หรือพ้นสภาพ ส.ส.เท่านั้น

                ยังมีขั้นตอนที่สอง ที่ กกต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งรออยู่อีกหนึ่งขั้นตอน

                แต่.....

                ต้องรอผลจากคำพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ก่อน

                ถ้าธรไม่สิ้นสภาพ ส.ส.ก็จบไปอย่างว่า

                แต่ถ้าตัดสินพ้นสภาพ ส.ส. "ธรเจอดาบสอง" ที่ กกต.เงื้อรออยู่ทันที

                นั่นคือ ข้อหา........

                ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง  มาตรา ๑๕๑

                ที่กำหนดห้าม.......

                ผู้ที่รู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือมีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แล้วดันทุรังลงสมัคร          

                ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา ๙๘(๓)

                มาตรา ๑๕๑ บอกว่า........

                "ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

                ต้องระวางโทษจําคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนดยี่สิบปี

                ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย"

                พระเจ้าช่วยกล้วยทอดละตานี้..ธร!

                ที่ซุบซิบกันว่า กกต.ดีแต่เงื้อง่าราคาถูก ไม่จามโพละซักที เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้

                คืออนุฯ ไต่สวน กกต.เขาต้องรอผลตัดสินของศาลฯ วันนี้ก่อน ถ้าตัดสินพ้นสภาพ

                ก็จะเข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑ อนุฯ ไต่สวน กกต.จะสรุปผลส่งคณะ กกต.ชุดใหญ่

                เพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกา ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินทันที

                เข้าใจตรงกันแล้วกระมัง?

                คดีหุ้นสื่อ ไม่เพียงธร "พ้น-ไม่พ้น" สภาพ ส.ส.ยังงอกไปถึงคุก ถึงปรับ ถึงคืนเงิน ถึงเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ๒๐ ปีด้วย

                แล้วยังมีคดี ธรปล่อยเงินกู้พรรคเป็นกิโยตินรออีก ๑ คดี

                ถ้า กกต.เห็นว่า....

                เข้าข่ายมาตรา ๗๒ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง

                "ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

                มาตรา ๙๒(๓) บอกว่า......

                เมื่อคณะกรรมการมี หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง นั้น

                โทษตามมาตรานี้ มีว่า......

                "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดําเนินการไต่สวนแล้ว มี หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองกระทําการตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง

                และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น"

                เอวังก็มี ด้วยประการฉะนี้ แล! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"