เฮ!ลดค่ารถไฟฟ้า


เพิ่มเพื่อน    

        ข่าวดีของคนเมือง ที่ต้องพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าเดินทางในชีวิตประจำวัน เพราะล่าสุด คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีมติคลอดแพ็กเกจลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าในส่วนของสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน และสีน้ำเงิน สายเฉลิมรัชมงคล ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว

                โดยในแพ็กเกจจะแบ่งออกเป็น 3 มาตรการ ประกอบด้วย  1.ลดราคาค่าโดยสารแบบเหมาเที่ยว จำนวน 30 วัน หรือตั๋วเดือน รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (บางซื่อ-หัวลำโพง-บางแค) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) ถูกสุด 47 บาทต่อเที่ยว ในกรณีที่การเดินทางเชื่อมต่อ 2 สาย (บางใหญ่-บางแค) จากปัจจุบันค่าโดยสาร 70 บาท ลดลง 23 บาท คิดเป็น 32% โดยใช้ได้เฉพาะบัตรโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป บัตรโดยสารธุรกิจ และบัตรร่วมธุรกิจ ราคาเป็นดังนี้ จำนวน 15 เที่ยว ราคา 780 บาท เฉลี่ย 52 บาทต่อเที่ยว จำนวน 25 เที่ยว ราคา 1,250 บาท เฉลี่ย 50 บาทต่อเที่ยว จำนวน 40 เที่ยว ราคา 1,920 บาท เฉลี่ย 48 บาทต่อเที่ยว จำนวน 50 เที่ยว ราคา 2,350 บาท เฉลี่ย 47 บาทต่อเที่ยว

                2.การลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง เฉพาะช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (Off Peak) เหลือ 20 บาทตลอดสาย จากเดิมราคาสูงสุด 42 บาท ลดลง 22 บาท คิดเป็น 52% ช่วงเวลาดังนี้ 09.00-17.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และเวลา 06.00-24.00  น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยใช้ได้ทั้งบัตรโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป รวมถึงผู้ซื้อเหรียญโดยสาร (Token) อัตราค่าบริการเดินทางเข้าสถานีแรกคิดค่าแรกเข้า 14 บาท, เดินทาง 1 สถานี คิดค่าโดยสาร 17 บาท, เดินทาง 2 สถานีขึ้นไป 20 บาทตลอดสาย

                3.การลดค่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ) ลดราคาตั๋วเดือน 44 เที่ยว ราคา 1,100 บาท เฉลี่ย 25 บาทต่อเที่ยว จากเดิมค่าโดยสารสูงสุด 45 บาท ขณะนี้ต้องรอการแต่งตั้งบอร์ดแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อพิจารณาเห็นชอบและกำหนดกรอบเวลา

                อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการทดลองชั่วคราวเพื่อประเมินผลสำเร็จ โดย รฟม.วางเป้าไว้ที่ 3 เดือน ก่อนจะพิจารณาขยายเวลาออกไป

                นี่ถือเป็นเรื่องดี ที่ภาครัฐแสดงออกถึงความจริงใจในการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งไทยเราเองก็ต้องยอมรับว่า อัตราค่าใช้บริการรถไฟฟ้ามีอัตราที่สูงมาก เมื่อเทียบกับรายได้ของประชากร ซึ่งทางทีดีอาร์ไอมีการคำนวณโดยปรับตามฐานค่าครองชีพ พบว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าของประเทศไทย แพงกว่าลอนดอนเสียอีก

                ต่อจากนี้ชาวกรุงก็จะมีข่าวดีที่เราจะมีรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย เร็วๆ นี้อย่างรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็จะเพิ่มการเดินรถไปยังสถานีลาดพร้าว-สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพิ่มเติมอีก 4 สถานี ในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 โดยสถานีที่เพิ่มขึ้นมาคือสถานีพลโยธิน 24 สถานีรัชโยธิน สถานีเสนา และสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นจะทยอยเปิดบริการได้ครบทุกสถานีถึงคูคตภายในปี 2563 ส่วนต้นเดือน ธ.ค.นี้จะเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ท่าพระ ที่จะเปิดอย่างเป็นทางการ มี.ค.2563 และยังไม่นับรวมกับสายใหม่ที่จะทยอยเปิดอีก 1 ปี และที่น่าปวดหัวไปกว่านั้น ก็คือว่า ยิ่งต่อไปยิ่งมีรถให้บริการมาก ผู้ใช้บริการจะเจอเรื่องค่าบริการที่แพงขึ้น จากการเปลี่ยนสายที่ต้องเสียค่าแรกเข้าทุกสาย ซึ่งไม่แน่ราคารถไฟฟ้าอาจจะทะลุหลัก 100 บาทต่อเที่ยว

                เรื่องนี้คิดว่าควรจะมีการวางแผนแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้า ประชาชนไม่ควรให้ต้องเจอปัญหาเรื่องค่าโดยสารที่จะแพงขึ้นอีก รัฐบาลเองจะต้องมีหน้าที่ในการให้บริการประชาชนที่ดีที่สุด อันดับแรก การใช้ตั๋วร่วมต้องเกิดก่อน มิฉะนั้นผู้ใช้จะต้องพกบัตรหลายใบเป็นปัญหาไม่สะดวกเกิดคอขวดในการเปลี่ยนสาย ทำให้เบื่อและไม่กลับมาใช้บริการอีก ขณะเดียวกันถ้าเชื่อมระบบเป็นฐานข้อมูลเดียวกันแล้ว คิดว่าทั้งฝ่ายนโยบายและเอกชนจะเห็นข้อมูลการเดินทางทั้งหมด ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสามารถจะมาคุยกันว่า จะแบ่งส่วนแบ่งรายได้อย่างไร ซึ่งน่าจะเป็นทางออกในระยะยาวได้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"