เทรนด์ใหม่ รถอีวี


เพิ่มเพื่อน    

                การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่นับวันยิ่งมีปัญหารุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นยุคใหม่ของวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้ เมื่อหลายๆ ค่าหันมาให้ความสนใจกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มากขึ้น แม้กระทั้งภาครัฐเองก็ให้การสนับสนุน เนื่องจากแนวโน้มในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและกระแสลดการใช้น้ำมันที่ก่อมลพิษ รวมไปถึงการส่งเสริมของรัฐบาล และการผลักดันการพัฒนาเมืองให้เป็นสมาร์ทซิตี หรือเมืองอัจฉริยะ

                ล่าสุด สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้ระบุว่า ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (2558-79) หรืออีอีพี 2015 ของกระทรวงพลังงานนั้น มีเป้าหมายส่งเสริมการใช้อีวีตลอดปลายแผน รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน ทั้งในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดและอีวี 100% ซึ่งในช่วง 9 เดือนของปี 2562 ที่ผ่านมานั้นมียอดการจดทะเบียนรถอีวีสูงถึง 24,380 คัน ขณะที่ในปี 2561 มีจำนวน 20,484 คัน และปี 2557 จำนวน 9,585 คัน

                จากปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้กระทรวงพลังงานเร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และสมาร์ทซิตีอย่างต่อเนื่อง โดยได้ระดมความร่วมมือทุกภาคส่วน   จัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอีวี ไม่ว่าจะเป็นสถานีให้บริการชาร์จไฟฟ้า และอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้า  หรือเอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ

                โดยตามเป้าหมายแล้ว ตั้งแต่ปี 2559-63 จะเน้นในด้านการสนับสนุนการลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับภาครัฐและเอกชน โดยนำร่องการใช้งานกลุ่มรถโดยสารสาธารณะไฟฟ้า  และเตรียมพร้อมสู่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล และในปี 2564 จะขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบ 

                ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างเร่งรัดยกระดับอุตสาหกรรมไฟฟ้า รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีเอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่ง บมจ.ปตท. โดยสถาบันวิทยสิริเมธี ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและลิเธียมซัลเฟอร์ กำลังผลิต 500 ก้อนต่อวัน และนำแบตเตอรี่ไปทดสอบกับอีวี ทั้งรถยนต์และเรือไฟฟ้า รถตุ๊กๆ ไฟฟ้าแล้ว

                อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนั้นมีค่ายรถยนต์หลายค่ายได้นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นค่ายนิสสัน ที่นำรถยนต์ไฟฟ้า นิสสันลีฟ รถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า AC SYNCHRONOUS ขนาด 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลสูงสุด 311 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ที่ 1.99 ล้านบาท แต่อาจเป็นด้วยราคาทำให้ผู้ซื้อคงต้องคิดหนัก

                ค่าย FOMM ONE รถขนาดเล็ก 4 ที่ การชาร์จในระบบไฟฟ้าภายในบ้านเพียง 6-8 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร ออดี้ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้ง 2 ตำแหน่งที่ด้านหน้าและด้านหลังซึ่งส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ให้กำลังสูงสุด 360 แรงม้า และ   Jaguar I-PACE ที่นำเข้าโดยอินช์เคป (ประเทศไทย) ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (2 ตัวแยกด้านหน้ากับด้านหลัง) พร้อมขนาดแบตเตอรี่ Lithium-ion ชนิด Pouch cells ที่มีน้ำหนักเบาและใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อย มีความจุ 90kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 470 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง

                และสุดท้าย รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน BYD E6 นำเข้ามาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดยบริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดที่ 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม. สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตร/การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง

                อย่างไรก็ตาม คงจะปฏิเสธกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่หันมาให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่ได้ แต่ก็ต้องตระหนักกันว่า เมื่อหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีกระแสไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องมีโรงไฟฟ้าที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอ กับความต้องการใช้ ในขณะนี้การก่อสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทใดก็มักจะถูกคัดค้านอยู่เสมอ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขยะเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพราะนอกจากจะได้พลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยกำจัดขยะที่มี ที่กำลังเป็นปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อมและสัตว์ทั้งบนบก ในน้ำและในทะเล

                ดังนั้น ต้องยอมรับกันเสียที่ว่า เมื่อต้องการความเจริญ ความทันสมัย ต้องมีการสูญเสีย แต่ที่สำคัญเราจะทำอย่างไรให้การสูญเสียเกิดขึ้นน้อยที่สุด แต่มีประโยชน์สูงสุด. 

บุญช่วย  ค้ายาดี


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"