ตร.ยันคดีฆ่าหั่นศพ หลักฐานชี้ลูกลงมือ


เพิ่มเพื่อน    

    ตำรวจสรุปคดีฆ่าหั่นศพยัดตู้เย็น ยันลูกชายลงมือร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังมีผู้ชี้ถึงความผิดปกติ ตั้งข้อสังเกตอาจมีมือที่สาม ทั้งญาติและคนใกล้ชิดไม่เชื่อน้องกายทำร้ายแม่ได้ลง รอผลตรวจทางนิติเวชยืนยัน พยานเข้าให้ปากคำพบพิรุธและผู้ต้องสงสัยพยายามหลบหนี ก่อนยิงตัวเอง ผลชัน สูตรระบุแม่เสียชีวิตเพราะถูกแทงทะลุปอด
    พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 ชี้แจงเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ คดีฆ่าหั่นศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี ขณะที่นายศิระ สมเดช อายุ 20 ปี บุตรชาย ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ว่า ตำรวจต้องอาศัยเวลาและพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ทราบว่าการเสียชีวิตของ น.ส.ยุรีย์เกิดจากผู้ใด ในเมื่อสังคมมองว่าน่าจะเป็นลูกหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีแม่กับลูกอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น โดยมีพยานอีก 2 คนเข้ามาแล้วพบเหตุการณ์จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพยาน 2 คนบอกว่าลูกชายใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง 
    ผบก.น.9 กล่าวว่า ในส่วนของกระแสสังคมอีกด้านหนึ่งที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทั้ง 2 คนหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานและรับฟังอยู่ โดยตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยได้ให้ฝ่ายสืบสวนสืบในเชิงเทคนิค ได้ความชัดเจนกระจ่างแล้วจะชี้แจงให้ทราบ ทั้งนี้ สาเหตุการตายของบุคคลทั้งสองต้องให้แพทย์รายงานผลการชันสูตร และจะเรียก 2 พยานที่พบศพมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ นอกจากนี้จะต้องไปสอบปากคำแพทย์ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ที่จ่ายยาให้นายศิระ ว่าอาการป่วยของผู้ตายถึงขั้นไหน ส่วนประเด็นผู้ก่อเหตุมีมากกว่าหนึ่งคนหรือไม่ ทางตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ยืนยันว่าตำรวจไม่กดดันในการทำงาน โดยจะต้องคลี่คลายข้อสงสัยในทุกประเด็นให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริง"
    ด้าน พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า กรณีที่ผู้เสียชีวิตถนัดมือซ้าย แต่ยิงตัวเองด้วยมือขวานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนอาวุธมีดนั้นไม่พบคราบเลือด แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมมีดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ทางแพทย์ยืนยันว่าได้ครบทุกส่วนแล้ว 
    มีรายงานต่อมาว่า พล.ต.ต.โชคชัยได้เรียก ด.ต.บุญคิด อธิราช ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ท่าข้าม ที่ไปถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก มาสอบถามข้อเท็จจริง ด.ต.บุญคิดระบุว่า รู้จักและคุ้นเคยกับ น.ส.ยุรีย์ จึงเดินทางไปดูในฐานะเพื่อน ซึ่งยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่ก่อนมีเสียงปืนเกิดขึ้น 
    ตำรวจยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของอพาร์ตเมนต์ใกล้เคียง บันทึกภาพหน้าบ้านที่เกิดเหตุ โดยมีบุคคลเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้าน 3 คน คือ ด.ต.บุญคิด ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบสวมเสื้อสีเหลือง กำลังโทรศัพท์แจ้งเหตุให้ตำรวจที่อยู่เวรมาตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว น.ส.วรนุช วงษ์ชัย เพื่อนผู้ตายที่มาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก และนายมนต์ชัย ฉิมเอี่ยม นายจ้างของ น.ส.ยุรีย์ กำลังยืนคุยกัน จากนั้นจึงมีเสียงปืนดังขึ้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านผู้ตายได้หอบเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เหตุเพราะกลัว ส่วนบ้านหลังอื่นก็จุดธูปไหว้พระ ศาลพระภูมิ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
    ที่สถาบันนิติเวช​ รพ.ศิริราช​ นายลอน เถาวัลย์ อายุ 63 ปี​ อาของ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ และนายวีระศักดิ์ เขียวมงคล อายุ​ 50​ ปี​ ลูกพี่ลูกน้องกับ น.ส.ยุรีย์ ได้เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย เพื่อรับศพ น.ส.ยุรีย์นำไปประกอบพิธีที่วัดบ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ส่วนศพนายศิระ หลานชาย ทางญาติฝั่งพ่อของนายศิระจะมารับไปประกอบพิธีที่วัดย่านดอนเมือง​ 
    นายลอนกล่าวว่า ช่วงหลานชายยังเด็กได้พบกันบ่อย กระทั่งมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ซึ่งตอนเด็กหลานเป็นคนเรียบเฉย ไม่ก้าวร้าว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าหลานเป็นคนทำ แต่จะเชื่อพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่มากกว่า 
    ในใบมรณบัตรของ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ ได้ระบุสาเหตุการตายไว้ว่า มีบาดแผลถูกแทงเข้าช่องอกถูกปอด​ทำให้เสียเลือดมาก 
    ส่วนที่ สน.ท่าข้าม นายมนต์ชัย ฉิมเอี่ยม พยานและเป็นนายจ้างของ น.ส.ยุรีย์ เปิดเผยว่า ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ในฐานะพยาน โดยตนเองรู้จักกับ น.ส.ยุรีย์มาประมาณ 9-10 ปี โดยสาเหตุที่ น.ส.ยุรีย์ต้องพกปืน เนื่องจาก น.ส.ยุรีย์ทำอาชีพด้านไฟแนนซ์ ต้องถือเงินจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย ก่อนเกิดเหตุค่ำวันอาทิตย์ ตนได้ติดต่อมาหาผู้ตายคุยกันเรื่องงาน น.ส.ยุรีย์ก็รับโทรศัพท์ตามปกติ แต่หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงโทรศัพท์หา น.ส.วรนุช เพื่อน น.ส.ยุรีย์ ให้เข้าไปตรวจสอบก่อน เมื่อตนเองเดินทางไปถึง ก็พบว่า น.ส.วรนุชนั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยมีตำรวจสายตรวจอยู่ด้วย
    มีรายงานว่า หลังพยานพบศพถูกหั่นยัดตู้เย็น นายศิระเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่ง และพยายามเดินหนีออกจากบ้าน แต่พบกับ ด.ต.บุญคิดพร้อมเพื่อนตำรวจอีก 2 นายยืนอยู่หน้าบ้าน นายศิระจึงเดินย้อนเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด
    นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า คดีสะเทือนขวัญดังกล่าวมีความซับซ้อนและยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการต้องใช้ข้อมูลอื่นๆ ประกอบต่อไป อย่างไรก็ตาม สถิติจากงานวิจัยในต่างประเทศที่มีการศึกษาคดีทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิตต่างๆ พบว่า มีเพียงร้อยละ 10-15 ของคดีเท่านั้นที่เกิดจากผู้ป่วยทีมีปัญหาด้านสุขภาพจิตระดับรุนแรง ได้แก่ โรคทางจิตที่มีอาการหูแว่ว ภาพหลอน หวาดระแวงอย่างรุนแรง โรคทางจิตเวชที่ซับซ้อนหลายโรคร่วมกัน รวมไปถึงภาวะการใช้สารเสพติดร่วมด้วย 
    "โดยส่วนมากแล้ว ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตทั่วไประดับที่ไม่รุนแรง เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล แม้มีความเสี่ยงในการทำร้ายตัวเองสูงกว่าคนทั่วไปก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการทำร้ายผู้อื่นมักไม่ต่างจากสถิติในประชากรโดยรวม การด่วนสรุปว่าคดีสะเทือนขวัญต่างๆ เกิดจากปัญหาสุขภาพจิตทั่วๆ ไปเพียงอย่างเดียวนั้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และอาจสร้างตราบาปต่อผู้ที่กำลังบำบัดรักษาด้านสุขภาพจิตอยู่ในสังคมได้" 
    ส่วน นพ.ธรณินทร์ กองสุข ผอ.สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า นายศิระเคยเข้ามารับการรักษาที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา 2 ครั้ง ครั้งแรกมากับแม่ ครั้งที่ 2 มาคนเดียวในเดือน พ.ย.นี้เอง แต่ยังไม่สามารถระบุว่าป่วยเป็นโรคจิตเวชประเภทใดอย่างชัดเจน เนื่องจากคนไข้เราเยอะ ครั้งแรกที่มาจึงมีการประเมินเพียงคร่าวๆ ครั้งต่อๆ ไปถึงจะมีการตรวจรายละเอียด แต่รายนี้เกิดเหตุก่อนที่จะได้ตรวจประเมินอย่างละเอียด เลยยังไม่สามารถระบุรายละเอียดของตัวโรคได้ แต่ก็ได้มีการจ่ายยาซึมเศร้าให้ไปก่อน เพราะเท่าที่ดูจากอาการเบื้องต้นในวันที่มาพบแพทย์ครั้งที่ 2 มีอาการเครียดและมีภาวะซึมเศร้าอยู่ แต่อาการนี้ถือว่าเป็นอาการทั่วไปเหมือนการเจ็บป่วย มีไข้ ปวดศีรษะ จึงต้องรักษาตามอาการ
    นพ.ธรณินทร์กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะทำร้ายตัวเองมากกว่า เพราะมีอาการมองตัวเองในแง่ลบ หดหู่ มีน้อยที่จะทำร้ายผู้อื่น อย่างไรก็ตาม การป่วยด้วยโรคจิตเวชไม่จำเป็นว่าใน 1 คนจะต้องป่วยเพียงโรคเดียว เขาอาจจะมีหลายโรคร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งเราไม่ทราบ แต่ข้อสรุปคือตัวโรคซึมเศร้านั้นน้อยมากที่จะไปทำร้ายผู้อื่น ส่วนโรคทางจิตเวชที่มีการทำร้ายผู้อื่นนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มจิตเวชรุนแรงที่ควบคุมอาการตัวเองไม่ได้ อาทิ หูแว่ว ประสาทหลอน มีเสียงสั่ง หรือร่วมกับการดื่มสุรา มีการใช้สารเสพติด ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือยับยั้งชั่งใจไม่ได้ หรืออีกกลุ่มคือกลุ่มบุคลิกต่อต้านสังคม เป็นต้น
    ด้านสังคมออนไลน์ ได้มีผู้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย เพื่อนนายศิระคนหนึ่งโพสต์ว่า ผู้ตายถนัดมือซ้าย แต่จับปืนยิงตัวเองด้วยมือขวาซึ่งเป็นไปได้ยาก และยังบอกอีกว่าลูกชายเป็นคนที่รักแม่มาก พูดจากับแม่ดี พูดจากันสนุกสนาน 
    นอกจากนี้ นายอานนท์ เชื้อสัตตบงกช ทนายความ ได้โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตว่า “คดีนี้ดูแปลกมาก! ทั้งสองคนฆ่ากันเองจริงเหรอ หรือมีคนทำให้ตายแน่ ทำไมจากคำให้การผู้พบศพคนแรกฟังดูแปลกๆ! บอกไปตามหาคนตาย เจอลูกชายบอกแม่ไม่อยู่ แถมใส่ชุดนักเรียน แล้วลูกเอาเวลาไหนลงมือฆ่าหั่นศพ ทั้งที่ใส่ชุดนักเรียน แถมมีการเก็บกวาดบ้านล้างรอยเลือด ล้างมีดสะอาดเรียบร้อยเหมือนปกปิด ทำไมต้องปกปิดทั้งที่อยู่คนเดียว บอกลูกขอเปลี่ยนชุดนักเรียนก่อนยิงตัวเอง แต่ขณะถูกยิงยังอยู่ในชุดนักเรียน ที่สำคัญตามข่าวว่าลูกชายถนัดมือซ้าย แต่นี่ยิงขมับขวายิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ แถมโรคซึมเศร้าปกติไม่ทำร้ายคนอื่น"
    อย่างไรก็ตาม เพื่อนของนายศิระ หรือกาย อีกคนโพสต์ว่า "ที่เห็น ที่มอ เขาเขียนขวาครับ มีเพื่อนร่วมหอเก่าเขาเคยบอกว่ากายอยากถนัดขวาเลยฝึกเขียนขวา ซึ่งปัจจุบันเขาเขียนขวาครับ"
    อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่ 17 ซอย 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งเป็นบ้านเกิดเหตุฆ่าหั่นศพ โดยฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น.ได้ประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้ารวบรวมพยานหลักฐานและทำการตรวจสอบวัตถุพยานเพิ่มเติม โดยมีการรื้อชักโครกภายในห้องน้ำจุดที่พบอวัยวะชิ้นเนื้อของผู้ตายซ้ำอีกครั้ง ใช้เวลานานประมาณ 30 นาที ก่อนเดินทางกลับ
    มีรายงานแนวทางการสืบสวนล่าสุดขณะพบพยานซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับผู้ตายและบุตรชาย ให้ข้อมูลว่า ในช่วงหัวค่ำวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปั๊มน้ำของบ้านที่เกิดเหตุดังตลอดเวลา คล้ายกับมีการเปิดน้ำทิ้งไว้จนกระทั่งเสียงปั๊มน้ำสงบลงในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 25 พ.ย. และมีผู้มาพบศพเจ้าของบ้านถูกฆ่าหั่นยัดตู้เย็นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พยานคนเดียวกันยังระบุแม่ลูกคู่นี้มักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งบ่นกันตามปกติ แต่ไม่เคยมีเหตุถึงขั้นรุนแรงแต่อย่างใด

    พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่าจากหลักฐานทั้ง หมดตอนนี้ยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีใครอื่นนอกจากลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะมีการทะเลาะกันก่อน เพราะ น.ส.ยุรีย์มีรอยแผลช้ำที่คิ้วขวาแต่ยังไม่ทราบสาเหตุการทะเลาะ นอกจากนี้จากการที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจที่เกิดเหตุโดยใช้น้ำยาหาคราบเลือดฉีดในห้องน้ำพบรอยเรืองแสงซึ่งเป็นรอยเลือดจำนวนมาก คาดว่าเป็นจุดที่ใช้หั่นศพ แต่มีการล้างทำลายหลักฐานจนสะอาด ทาง พฐ.ได้เก็บอาวุธมีด ค้อน ที่เชื่อว่าใช้เป็นอาวุธในการชำแหละอวัยวะไปตรวจสอบ เบื้องต้นมีพยานหลักฐานค่อนข้างแน่ชัดว่าลูกชายใช้อุปกรณ์ดังกล่่าวก่อเหตุ เพราะพบรอยตอกจากค้อนบนด้ามมีดและบนพื้น คาดว่าใช้มีดวางบนร่างก่อนใช้ค้อนตอกด้านบนให้ชิ้นส่วนขาดออกจากกัน จากนั้นล้างคราบเลือดในห้องน้ำแล้วเอาชิ้นส่วนใส่ถุงนำไปแช่ตู้เย็น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"