จี้เอาให้ชัดมติกก.สารพิษของจริง


เพิ่มเพื่อน    


    "อนุทิน" ประสานเสียง "มนัญญา" จี้ คกก.วัตถุอันตราย ตีความใช้ผลการประชุมพิจารณาสารเคมีครั้งไหน หลังมติแบน 3 สารพิษวันที่ 22 ต.ค. จากกรรมการทั้งหมดยังไม่ถูกหักล้าง แต่วันที่ 27 พ.ย. "สุริยะ" อ้างมติเอกฉันท์เลื่อนแบนสารเคมี แต่กรรมการยันไม่ได้เป็นมติ เหตุ 1 ธ.ค. ประกาศแบน 3 สารจะมีผลบังคับใช้แล้ว 
    เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.วัตถุอัตราย) ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน แถลงผลการประชุมวันที่ 27 พ.ย. อ้างมีมติเอกฉันท์เลื่อนแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 2 สาร และจำกัดการใช้ 1 สาร ว่าได้ถามนายสุริยะแล้ว ได้คำตอบว่านายสุริยะเข้าใจว่าการที่ตนกล่าวในที่ประชุมแล้ว แต่ไม่มีคณะกรรมการท่านใดโต้แย้งนั้น ก็น่าจะเป็นมติได้ ซึ่งหากมองในความเป็นจริงแล้วกรณีนี้ไม่สามารถทำได้ และได้อธิบายกับนายสุริยะไปแล้วว่าจะต้องมีการเปิดลงมติเพื่อความชัดเจน ไม่ต้องเกรงใจคณะกรรมการฯ 
    “ท่านสุริยะก็เกรงใจ ท่านก็พูดในสิ่งที่ท่านอยากให้มันเป็นไป แล้วก็ไม่มีคนเถียง และคนที่ไม่เถียงก็อาจจะคิดว่าระดับรัฐมนตรีเป็นประธานอยู่ ก็ไม่เถียง ก็เลยไม่พูดอะไร ก็เลยต่างคนต่างเข้าใจผิด ก็ไม่เป็นไรหรอก พอถึงเวลาจริงๆ ก็อาจมีการโหวตอย่างชัดเจน ก็ใจเย็นๆ” นายอนุทินกล่าว
    รองนายกฯ และ รมว.สธ.กล่าวว่า ต้องไปตีความเรื่องที่มี คกก.วัตถุอันตราย 1 คนลาออก คือ รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม ออกมาระบุว่าไม่มีมติ กรณีนี้หากตนเป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ คงจะต้องทำบันทึกเรียนประธานในที่ประชุมว่าจะต้องตีความอย่างไร เนื่องจากหากมีการตีความว่าไม่มีมตินั้น ก็จะต้องยึดมติในที่ประชุมของวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องว่ากันตามกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายก็มีฝ่ายกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งอำนาจการตีความก็คงขึ้นอยู่กับประธานในที่ประชุม
    ถามว่า สธ.จะต้องยื่นหนังสือส่งเรื่องอย่างเป็นทางการ หรือจะต้องรอเลขานุการในที่ประชุมทำเรื่องโต้แย้งกับประธานในที่ประชุมเอง รองนายกฯ และ รมว.สธ.กล่าวว่า จะต้องดูรายละเอียดจากบันทึกการประชุม เราจะทำอะไรอย่าไปหักหน้ากัน แต่ละคนสามารถมีความเข้าใจอะไรที่ต่างกัน แต่ก็เป็นการทำงานร่วมกัน
    "การทำงาน ต้องร่วมงานกัน ต้องมุ่งถึงเป้าหมายร่วมกัน หากทุกคนต่างคนต่างคิดได้ ก็คงไม่ต้องมีอธิบดีกรม ไม่ต้องมีรัฐมนตรี ไม่ต้องมีสายงานบังคับบัญชา" นายอนุทินกล่าว
    ซักว่าจะปลดอธิบดีก่อนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่มีสิทธิ ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ นะ น่าดูเลย
    ถามถึงความสัมพันธ์ของรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง นายอนุทินกล่าวว่า ปกติดี เนื่องจากไม่ใช่ปัญหาระหว่างรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาระหว่าง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์กับกรมวิชาการเกษตร ซึ่ง น.ส.มนัญญาบอกมอบนโยบายอะไรไปให้ก็ไม่ทำ ถ้าไม่ทำก็ต้องดูว่าทำไมไม่ทำ เราก็ต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าไม่ทำ เพราะว่าจะไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็ปล่อยไปก่อน ของบางอย่างเร่งรัดไม่ได้ 
    "ส่วน สธ.บอกว่าไม่ได้มีการลงมติ ก็ไม่ต้องตีความอะไร การประกาศเป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ไม่เกี่ยวกับ สธ. และต้องดูว่าการประชุมครั้งต่อไปกรรมการจะมีการหยิบยกประเด็นนี้มาหรือไม่ เพราะในรายงานการประชุม หากเขียนว่ามีการลงมติเป็นเอกฉันท์ ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ต้องโต้แย้ง” นายอนุทินกล่าว
    ซักอีกว่า ที่ได้พูดคุยกับนายสุริยะแล้วได้แจ้งว่าจะต้องทบทวนมติหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่ก้าวก่ายกัน ใครจะไปกล้าถาม เพราะท่านก็ต้องไปสั่งการต่อ และพอเป็นประเด็นขึ้นมา ท่านคงต้องไปหารือกัน
     "อย่างที่ผมบอก หากวันที่ 1 ธ.ค.นี้ไม่ประกาศขึ้นมา แล้วไปอ้างว่าไม่ประกาศเพราะมีมติ เดี๋ยวมีคนไปร้องเรียน คราวนี้ก็ยุ่งอีก คณะกรรมการทุกคนต้องรักษาสิทธิตัวเอง ใครลงคะแนนไปก็ต้องรับผิดชอบ แต่ก็เป็นดุลพินิจของเขา ถ้าเขาไม่กลัว เขาก็อาจจะไม่ถาม แต่ถ้าเป็นผม ผมถามนะ ผมก็กลัว” นายอนุทินกล่าว
    ส่วน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นมติการยืดเวลาแบน 2 สาร พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไป 6 เดือนตามที่นายสุริยะในฐานะประธาน คกก.วัตถุอันตรายแถลง รวมทั้งการยกเลิกแบนไกลโฟเซต จากที่ประชุม คกก.วัตถุออกมาอย่างเป็นทางการ มีแต่แถลงผ่านโทรทัศน์ จึงไม่ทราบว่าจนถึงขณะนี้มติทางการคืออะไร ลงมติกันแบบไหนสมบูรณ์หรือไม่ บังคับใช้ได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนการใช้ดุลพินิจของตัวประธานเอง ขณะนี้จึงต้องขอมติที่เป็นทางการออกมา 
    "เรื่องนี้ไม่มีวางมือ จะเดินหน้าสู้เพื่อให้มีการแบน 3 สารต่อไป เพราะเรื่องสุขภาพคนกับการรวยขึ้นจากการทำธุรกิจวัดกันไม่ได้ ซึ่งได้สอบถามกรรมการในส่วนกระทรวงเกษตรฯ ทั้งกรมประมง กรมปศุสัตว์ ไม่ได้ลงมติ ไม่มีใครทราบเหตุทำไมนายสุริยะจึงรวบรัด ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้มีคำสั่งห้ามนำเข้า 3 สาร ไม่มีการนำเข้าแล้ว การที่จะยืดไปอีก 6 เดือนเพื่ออะไร" น.ส.มนัญญากล่าว
    รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีผลจากคำสั่งห้ามนำเข้า 3 สาร พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ตั้งแต่ 30 มิ.ย.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสารคงเหลือกว่า 2.3 หมื่นตัน และไม่ควรถูกใช้ต่อ เพราะอันตรายมาก แต่ถ้าคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยังปล่อยให้ใช้ต่อ จะอันตรายแค่ไหน ซึ่งกรรมการสัดส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นกรรมการ ยืนยันไม่มีการโหวตออกมติใดๆ และเสนอมติเดิมคือแบน 3 สาร ดังนั้นคนที่ต้องตอบคือนายสุริยะ กระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยปฏิบัติ ต้องยึดมติที่เป็นทางการ
    "เมื่อไม่มีอะไรที่ประกาศออกมา ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมติ 22 ต.ค.ออกมาเป็นมติจากกรรมการทั้งหมดเป็นรายบุคคล ยังไม่ถูกหักล้าง ขณะนี้มติวันที่ 27 พ.ย.เป็นมติจริงหรือไม่จริง เปลี่ยนแปลงจากมติ 22 ต.ค. แนวทางของผู้ปฏิบัติเป็นอย่างไร เพราะกรรมการที่นั่งอยู่ในที่ประชุมไม่ได้ลงมติ ดังนั้นกรรมการทั้งหมดในที่ประชุมต้องไปตกลงกันก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และให้ส่งหนังสือเป็นเอกสารมายังหน่วยงานปฏิบัติ" รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เชื่อว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะดูแลและบริหารจัดการปัญหาภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถทำงานกับ รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้ด้วยดี ในภาพรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร และเชื่อว่าไม่มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล 
    "ในส่วนของผมและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยังพบปะกันตามงานต่างๆ และยังพูดคุยกันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร และยืนยันว่าในรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร ทำงานด้วยกันได้ดี และไม่จำเป็นต้องเคลียร์อะไรกัน" หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"