ดีเดย์2ธ.ค.ฟันปารีณาแน่ ฟาร์มไก่รุกป่าสงวน46ไร่


เพิ่มเพื่อน    


    ป่าไม้ฟันแล้ว! ยันมีหลักฐานมัด "ปารีณา" รุกป่าสงวน 46 ไร่ แจ้งความเอาผิด 2 ธ.ค. ลั่นไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่ ขณะที่ ป.ป.ช.ส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว เจ้าตัวปัดรุกป่า อ้างรอกระบวนการศาล ดอดแจ้งความเจ้าหน้าที่ป่าไม้ข้อหาบุกรุก
    เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความต่อ สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ที่เข้ามาตรวจและทำรังวัดในพื้นที่ฟาร์มไก่ "เขาสนฟาร์ม" หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยไม่ทราบว่ามีหมายศาลหรือไม่ การแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบ โดยมีหมายเลขทะเบียนรถ คลิปวิดีโอ และภาพถ่าย เพื่อให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้หรือไม่ และบุคคลที่เข้ามาในฟาร์มเป็นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่ามีหมายศาลหรือไม่ เพราะไม่ได้ติดต่อก่อนว่าจะมาทำรังวัดที่ดิน ซึ่งต้องมีหมายศาลเหมือนกับครั้งแรกที่มา ทั้งนี้ หากพบว่าไม่มีหมายศาลในการเข้ามาในพื้นที่ จะดำเนินคดีข้อหาบุกรุกให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนไม่ได้บุกรุกป่าสงวน ตอนนี้รอกระบวนการของศาล 
    ทางด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเขาสนฟาร์ม ที่มีนายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการของกรมป่าไม้ เป็นประธาน ว่า รวบรวมพยานหลักฐานและพร้อมจะดำเนินคดี น.ส.ปารีณา ซึ่งตรวจสอบพบว่าบริเวณฟาร์มที่ใช้ชื่อเขาสนฟาร์ม 2 เป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
    สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินคดีมีทั้งหมด 46-1-40 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เนื้อที่ 41-1-59 ไร่ และอยู่ในเขตป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ เนื้อที่ 4-3-81 ไร่ ซึ่งวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. จะแถลงข่าวที่กรมป่าไม้ จากนั้นจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่ตั้งฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไม่พบเอกสารที่ทางราชการออกให้ เพื่อเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามระเบียบและกฎหมาย ซึ่งโทษตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 31 (6) กรณียึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนเกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท สำหรับโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ตามมาตรา 72 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวด้วยว่า ได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ทราบว่ายังไม่ได้เข้าพื้นที่ฟาร์มไก่ เป็นเพียงการลงพื้นที่ตรวจสอบแนวแผนที่และปักหมุดในเขตป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี โดยเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งไม่กังวลว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบากมากขึ้น
    นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า หนึ่งในคณะทำงานตรวจสอบการครอบครองพื้นที่ป่าของ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ทราบเรื่องการแจ้งความแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ โดยภาพที่ น.ส.ปารีณามาแสดงเป็นรถของเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร และอีกคันหนึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่รังวัดของกรมป่าไม้ ซึ่งไปเก็บข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่ม ทั้งนี้ บริเวณที่เจ้าหน้าที่เข้าไปนั้นไม่ได้เข้าไปในฟาร์มไก่ที่ น.ส.ปารีณายึดถือครอบครอง จึงไม่จำเป็นต้องใช้หมายศาล 
    "ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเข้าตรวจสอบได้มีคณะทำงานร่วมเข้าไปตรวจสอบ โดยการใช้แผนที่แนวเขตของกรมป่าไม้ที่ถูกต้องและมีตัวแทนระดับชุมชนมาเป็นผู้ชี้แนวเขต เนื่องจาก น.ส.ปารีณาไม่ได้มาชี้แนวเขตด้วยตัวเอง เมื่อเจ้าของที่อ้างว่าแผนที่ตรวจสอบทั้ง 2 ฉบับ คือของกรมป่าไม้และของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีมาตราส่วนต่างกัน ก็ให้ความเป็นธรรม โดยการตรวจสอบรังวัดใหม่และวิเคราะห์ร่วมกันจนได้แนวเขตที่ชัดเจน กระทั่งหลักฐานพร้อมที่จะแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นลบล้างไม่ได้ ที่มีข้อกังขาว่าการเข้าตรวจสอบใหม่เป็นความพยายามช่วยเหลือ น.ส.ปารีณานั้นเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กรณีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน" นายชีวะภาพระบุ
    วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 7 คน ได้เดินทางออกจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว (อบต.รางบัว) อ.จอมบึง ภายหลังจากที่ได้ตรวจสอบเอกสารทรัพย์สินและการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ที่ น.ส.ปารีณาได้ยื่นชำระต่อส่วนการคลังของ อบต.รางบัว เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ น.ส.ปารีณายื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. โดยมีนางพเยาว์ ศรีปิ่น รักษาการแทนปลัด อบต.รางบัว เป็นผู้รวบรวมเอกสารเสียภาษีบำรุงท้องที่และอื่นๆ ของ น.ส.ปารีณาให้แก่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกหรือสื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์หรือบันทึกภาพภายในห้องได้ 
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้เดินทางไปตรวจสอบวัวภายในคอกเลี้ยงวัวพื้นที่เขาสนฟาร์ม โดย น.ส.ปารีณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ให้คนงานภายในฟาร์มเป็นคนนำพาเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.เข้าตรวจสถานที่เลี้ยงวัว ซึ่งมีทั้งหมด 400 ตัว จากนั้นได้ตรวจสอบทรัพย์สินที่อยู่ภายในเขาสนฟาร์ม
    ขณะที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเดินทางมาสังเกตการณ์การลงพื้นที่ตรวจสอบของ ป.ป.ช. ได้ถามหาหลักฐานการครอบครองที่ดินเขาสนฟาร์มจาก น.ส.ปารีณา หลังส่งตัวแทนไปแจ้งความข้อหาบุกรุกกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ สภ.จอมบึง พร้อมระบุว่าหากมีเพียงใบ ภ.บ.ท.5 ไม่สามารถทำได้ อาจเป็นการแจ้งความเท็จ พร้อมกับท้าว่า ถ้าในกรณีนี้ น.ส.ปารีณาไม่ติดคุกหรือมีความผิด จะยอมติดคุกเอง และถ้าคดีนี้จบลงอาจจะมี 2 รัฐมนตรีช่วยบางกระทรวงครอบครองที่ดินผิดกฎหมายเช่นกัน
    ขณะเดียวกัน สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ได้มาออกหน่วยตั้งโต๊ะรับยื่นเอกสารการครอบครองที่ดินทำกินบนพื้นที่ของ ส.ป.ก. หลังจากเจ้าหน้าที่นำป้ายแสดงที่ดินของ ส.ป.ก.ไปปักไว้ตามพื้นที่ต่างๆ ทำให้ชาวบ้านที่ถือครองอยู่ต่างตกใจ รีบนำเอกสารสิทธิต่างๆ มายื่นให้กับทางเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. โดยมีนายปกรณ์เกียรติ บัณฑิตชวลิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 30 หลังคาเรือนที่อยู่บริเวณด้านหลังเขาสนติดต่อกับที่ดินของ น.ส.ปารีณา พากันมายื่นเอกสารสิทธิ์เพื่อขอรังวัดที่ดิน เพราะหวั่นได้รับผลกระทบไปด้วย
    ที่ศาลปกครองเพชรบุรี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้นำชาวตำบลรางบัว เดินทางมายื่นฟ้องนายก อบต.รางบัว และปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ เหตุเนื่องจากมีนายทุนใหญ่เข้ามาดำเนินการตั้งฟาร์มเลี้ยงไก่ในพื้นที่ โดยที่ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 11 หมู่ 12 ต.รางบัว และหมู่ 10 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ไม่เห็นชอบด้วย ในการจัดประชุมประชาคม และก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหาย จึงถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยชัดแจ้ง ดังนั้นจึงขอให้ศาลสั่งระงับและเพิกถอนฟาร์มเลี้ยงไก่ดังกล่าวต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"