เวียดนามในวันที่ศก.เบ่งบาน


เพิ่มเพื่อน    


    ในขณะที่ไทยเรายังต้องลุ้นแล้วลุ้นอีกว่า อัตราการขยายตัวของไทยในปี 2562 จะถึง 3% หรือไม่ แต่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามกลับกลายเป็นกระทิงเปลี่ยว เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจพุ่งทะยานมาอย่างต่อเนื่องหลายปี 
    อย่างในปีนี้ผ่านมา 3 ไตรมาสจีดีพีของเวียดนามมากถึง 6.98% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี, ทางด้านการลงทุนเพื่อการพัฒนาขยับสูงขึ้น 1.3% โดยเฉพาะภาคเอกชนได้มีการใช้จ่ายทุนเพื่อการลงทุนจากต่างประเทศโดยตรงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 14.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, ขณะที่การค้าต่างประเทศ เวียดนามมีความได้เปรียบเกินดุลประมาณว่าอยู่ในระดับ 6 พันล้านสหรัฐ ภาคการแปรรูปและการผลิตสินค้าขยายตัวถึง 11.3% และมีการจดทะเบียนเปิดบริษัทใหม่มากถึง 102,000 แห่ง
    ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างมีจุดหมายปลายทางใหม่ของการลงทุน คือ ประเทศเวียดนาม ซึ่งในระหว่างที่โลกกำลังระส่ำ จากสงครามการค้า ของสหรัฐ-จีน บรรดาธุรกิจของสหรัฐต่างก็ย้ายฐานจากจีนการผลิตมาที่เวียดนาม โดยเฉพาะธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ กูเกิล และแอปเปิลต่างก็ย้ายฐานผลิตโทรศัพท์ไปที่นั้น หรืออย่างเกาหลีใต้ เวียดนาม กลายเป็นบ้านหลังที่สองของคนเกาหลีใต้เลย เพราะเกาหลีใต้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม อย่างซัมซุงก็ขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศนี้
    อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้นักลงทุนสนใจเวียดนาม อันดับ 1.ทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล ได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน บอกไซต์ แร่เหล็ก ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทะเล ป่าไม้ ที่ยังมีมหาศาล 2.แรงงานหนุ่มสาวจำนวนมากราคาค่าแรงถูก มีการศึกษาและรับการฝึกอบรมวิชาชีพ มีวินัยและจงรักภักดี จากประชากรทั้งสิ้น 98 ล้านคน จำนวน 2/3 อยู่ในวัยทำงาน คืออายุ 35 ปีลงมา 3.เสถียรภาพทางการเมืองสูง เพราะมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนามเป็นองค์กรหลักในการกำหนดแนวทางและนโยบายของประเทศ 4.การปฏิรูปเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ 5.การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่อง ลดพึ่งพาเงินดอลลาร์ ซึ่งช่วยลดอัตราเงินเฟ้อลง 6.มีการตกลงเปิดเสรีการค้ากับหลายประเทศ
    ลักษณะของเศรษฐกิจของเวียดนามจะคล้ายๆ กับไทย สมัยเปิดตัวเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ NICS ของรัฐบาลสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่สุดท้ายไทยกลับติดกับดักและไม่สามารถพัฒนาขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว คงต้องจับตาว่าเวียดนามจะประสบปัญหาคล้ายๆ ไทยหรือไม่ ซึ่งตอนนี้รายได้ประชากรของเวียดนามก็ดีขึ้นอย่างมาก และเราได้เห็นคนเวียดนามหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น
    ถึงแม้เศรษฐกิจจะขยายตัวสูง ช่องว่างของรายได้ก็ยังมีสูงเช่นกัน โดยเฉพาะราคาของที่ดิน ที่มีราคาแพงมาก มนุษย์เงินเดือนไม่สามารถที่จะหาซื้อไปเป็นเจ้าของได้
    แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลเวียดนามก็พยายามจะลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วย โดยทางเวียดนามก็มีนโยบายเวียดนาม 4.0 เช่นเดียวกับประเทศไทย และในปีหน้าก็จะเริ่มทดสอบ 5 จี ด้วยเช่นเดียวกัน แถมในปีหน้าจะมีการนำร่องฟรีไวไฟทั้งเมือง ซึ่งจะเริ่มต้นนำร่องใน 5 เมืองหลัก คือ ฮานอย, โฮจิมินห์ ซิตี, ดานัง, เกิ่นเทอ และไฮฟอง ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ
    รวมถึงการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักลงทุน 
    จากนี้ไทยเราต้องจับดูเวียดนามทุกฝีเก้า เพราะทางนั้นก็เมืองไทยเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งหากไทยยังอยากจะเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคก็จะต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เร็วขึ้นมากกว่านี้.  
       ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"