อนค.เถียงพรบ.พรรคไม่ห้ามกู้เงิน ถามหาคุณธรรมทางกฎหมาย!


เพิ่มเพื่อน    

11 ธ.ค. 62 – ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเรื่องเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ว่า ตั้งแต่ต้นพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่เพิ่งเริ่มก่อสร้าง จึงมีเรื่องต้องให้ทุนจำนวนมาก ทั้งการตั้งสาขา ตั้งตัวแทนประจำจังหวัด รวมทั้งตั้งสำนักงานใหม่ ซึ่งต้องใช้งบประมาณทั้งหมด แต่ปัญหาคือเมื่อเริ่มตั้งพรรค ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ยอมยกเลิกประกาศให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ จึงทำให้พรรครับบริจาคและระดมทุนไม่ได้ แต่เราจำเป็นต้องใช้เงิน จึงคิดว่าจะทำอย่างไรเมื่อเปิดกฎหมายดูก็ไม่ได้ห้ามให้กู้เงิน และพรรคการเมืองก็เป็นนิติบุคคลเอกชน หมายความว่าพรรคมีเสรีภาพจะทำอะไรก็ได้ เว้นกฎหมายจะห้ามไว้ และการห้ามต้องห้ามอย่างชัดแจ้ง แต่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้ห้ามไว้ชัด ไม่มีบทบัญญัติไหนเขียนว่าห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน มีแต่เรื่องห้ามรับเงินต่างชาติและห้ามตั้งสาขาพรรคนอกประเทศ แต่เราไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียว ดังนั้นนายธนาธรจึงตัดสินใจให้พรรคกู้เงิน และถ้าพรรคเริ่มเปิดระดมทุนและรับบริจาคได้ก็จะทยอยคืนเงิน

 
ส่วนกรณีกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 62 ว่าด้วยที่มารายได้ของพรรคการเมือง ก็ไม่มีเรื่องเงินกู้ ตนยืนยันว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่อยู่ในสัดส่วนของหนี้สิน ถ้าหากคิดว่าเงินกู้เป็นรายได้เช่นนี้ก็ไม่ต้องบรรจุเงินกู้ในบัญชีหนี้ และตอนนี้เริ่มมีการอธิบายตามเอกสารที่ออกมา ในแนวทางเหมือนจะระบุว่าเงินกู้ดังกล่าวเป็นเงินบริจาค เป็นนิติกรรมอำพรางใช่หรือไม่ ต้องการบริจาคเงินเกิน 10 ล้าน ใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไปกันใหญ่ ยิ่งกว่าเดิม เป็นการจินตนาการล่วงหน้าว่าเขากู้เงิน แล้วกลายเป็นเงินบริจาค แต่เงินบริจาคคือให้แล้วไม่ได้คืน แต่เงินกู้เมื่อกู้แล้วเจ้าหนี้ต้องได้คืน ซึ่งเรามีหลักฐานการทยอยเงินกู้คืนนายธนาธรไปแล้วหลายครั้ง มีเช็คโอนไปแล้วชัดเจน ฉะนั้น จะกลายเป็นเงินบริจาคได้อย่างไร
 
“ถ้า กกต. จะตีความเพื่อให้สมเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่อยากให้มีใครครอบงำพรรคการเมือง ผมก็ต้องถามต่อว่ากฎหมายพรรคการเมืองที่บอกว่าใครบริจาคเงินเกิน 10 ล้าน มีโทษอาญาทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งกฎหมายใดที่กำหนดโทษอาญาต้องตีความอย่างเคร่งครัด จะเทียบเคียงกฎหมายเอาผิดลงโทษคนไม่ได้ เพราะการใช้กฎหมายต้องดูถึงคุณธรรมทางกฎหมาย จะตีความหรือขยายความไม่ได้ เพราะมันมีโทษอาญา” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุ
 
สำหรับการโยงว่าพรรครับเงินผิดกฎหมายมาหรือไม่นั้น ตามมาตรา 72 เขาออกแบบมาเพื่อสำหรับพรรคการเมืองที่รับเงินผิดกฎหมาย เช่น ซ่องโจร ฟอกเงิน ค้ายาเสพติด เป็นต้น มาใช้จ่ายในพรรค เมื่อตนสำรวจกฎหมายหมดแล้วไม่มีมาตราใดที่เอาผิดได้ แต่หากบอกว่าในอนาคตจะไม่ให้มีการกู้ ก็ต้องไปแก้กฎหมายพรรคการเมือง เพื่อให้ทุกพรรครู้ตัวล่วงหน้าว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ไม่ใช่พรรคอนาคตใหม่ทำแล้วเห็นเป็นช่องทางก็ริเริ่มโดยมีคนไปร้องต่อ กกต. และ กกต. ก็เริ่มดำเนินการจัดการ
 
“ขอถามอย่างตรงไปตรงมาว่าท้ายที่สุดประเทศไทยจะเอากันแบบนี้หรือ พรรคการเมืองที่จะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด พยายามแจกแจงที่มารายได้มากที่สุด พยายามไม่ต้องการให้นายทุนคนใดคนหนึ่งมาครอบงำพรรคมากที่สุด เราพยายามจะทำแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเรากลับโดนคดีความ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปประเทศไทยก็คือ แต่ละพรรคการเมืองถ้าต้องการหาเงินหาทองก็มุดลงดิน ไม่ต้องแจ้ง ใช้จ่ายอะไรไม่ต้องแจกแจงชัดเจน ประเทศไทยนี้สุดท้ายคือใครโปร่งใสโดนจับผิด หรือว่าประเทศนี้ใครที่ไม่อยากโดนจับผิดหรือโดนคดีความก็ต้องซุกทรัพย์สิน ไม่ต้องโปร่งใสมากก็จะรอดตัว สุดท้ายเจตนารมณ์ของกฎหมายอยู่ตรงไหนกันแน่ ซึ่งคิดว่ากระบวนการที่ริเริ่มซ้ำไปมา 13 ปี ก็วนอยู่แบบนี้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ท้ายที่สุดก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาของบ้านเมือง”นายปิยบุตร กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"