ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

            "ป๋าเปรม" อายุ ๙๗ แล้ว

            อีก ๓ ปีครบร้อย

            แต่ความห่วงใยบ้านเมือง เกินร้อยไปนานแล้ว

            วานนี้ "ป๋าเปรม" เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้ รัฐบาล แม่ทัพนายกอง ข้าราชการ ตบเท้าเข้าอวยพร และรับพรปีใหม่

            และปีนี้พรที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับไปถือว่าไม่ธรรมดา

          "....คนไทยทุกคนทราบ ได้ยิน ได้อ่านว่า รัฐบาลของตู่ กองทัพต่างๆ ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำลังทำอะไรกันอยู่เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา

          ตู่ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยเท่าที่สามารถจะทำได้ ดังนั้นตู่จะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ไว้ให้ได้ว่าเราจะทำทุกอย่างขอให้คนไทยมีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะคนยากคนจน

            ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนก็จะมาเอง

          เพราะฉะนั้นขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้ พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่

          อย่างไรก็ตาม ข้อสำคัญที่สุดก็คือ ขอให้ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับชาวไทย ว่า คนไทยที่ดีคืออย่างไร ก็ขอแสดงความชมเชยและภูมิใจในการกระทำของคณะรัฐบาลตู่

          และขอย้ำอีกทีว่า ที่ตู่พูดว่าจะนำความสุขมาให้คนไทย จะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ให้ได้ แม้จะเหนื่อยยากก็ตาม

          โอกาสวันปีใหม่นี้ ผมขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พวกเราเคารพนับถือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามุ่งมั่นปรารถนา ขอให้ประสบความสำเร็จ

          ในส่วนตัวผมขอให้ทุกคนมีความสุข ครอบครัวมีความสุข ประเทศชาติจะได้มีความสุขไปด้วย และขอให้ตู่มีความสำเร็จ นำพาชาติบ้านเมืองมอบความสุขให้คนไทยให้จงได้นะตู่นะ ขอบคุณมาก....."

            ฟังแล้วต้องคิดตาม

            "ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว"

            คำพูด "ป๋าเปรม" ท่อนนี้หมายความว่าอย่างไร?

            ใครคือกองหนุนของรัฐบาล คสช.

            พลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทย ยุคที่ "ป๋าเปรม" เป็นนายกรัฐมนตรี กองหนุนที่สำคัญของรัฐบาลป๋าคือ.....

            พรรคประชาธิปัตย์!

            แล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นกองหนุนรัฐบาล คสช.ด้วยหรือเปล่า?

            ตอบได้ทั้ง "ใช่"

            และ..."ไม่ใช่"

            เพราะในภาพรวมกองหนุนรัฐบาลลุงตู่คือ คนไม่เอาทักษิณ

            โดยมากจะเป็นชนชั้นกลางในเมือง

            ปี ๒๕๓๕ มีการเลือกตั้งทั่วไป ๒ ครั้ง

            ครั้งแรกคือวันที่ ๒๒ มีนาคม ส่วนครั้งที่สอง วันที่ ๑๓ กันยายน

            เลือกตั้งทั้งสองครั้งนี้คร่อมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

            ในการเลือกตั้งครั้งแรกนั้น กระแสพรรคเทพ พรรคมาร มาอย่างกับพายุ การต่อต้านทหารเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น....แรงมาก

            เมื่อ ณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม พรรคอันดับหนึ่ง ถูกใบแดงจากอเมริกา ขึ้นบัญชีดำเพราะใกล้ชิดกับพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้

            วาทกรรม "เสียสัตย์เพื่อชาติ" กำเนิดขึ้น

            พลเอกสุจินดา คราประยูร ถุยน้ำลายรดหน้าตัวเอง ฝ่าเสียงต้านจากประชาชน พาตัวเองไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

            และนั่นคือที่มาของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

            พรรคเทพ พรรคมาร คือใคร

            สองขั้วการเมืองในสมัยนั้นฐานมวลชนแทบไม่ต่างไปจากปัจจุบัน

            พรรคเทพมี พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม และพรรคเอกภาพ

            ฐานเสียงส่วนใหญ่คือคนในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่

            ส่วนพรรคมาร มีพรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร เป็นฐานจากประชาชนในชนบทเสียส่วนใหญ่

            คงจำ "ม็อบมือถือ" กันได้ นั่นแหละครับคือฐานคะแนนของพรรคเทพ

            ๒๕ ปีให้หลัง ม็อบมือถือพัฒนาเป็นม็อบพันธมิตรฯ ม็อบ กปปส. ตามลำดับ

            ในแง่ของตัวนักการเมืองเอง ส่วนใหญ่สลัดไม่พ้นค่ายเดิม นักการเมืองพรรคมาร และลูกหลานนักการเมืองกลุ่มนี้ บางส่วนคืออดีต ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย

            เพราะสืบสาวแล้วจะพบว่า อดีตนักการเมืองในพรรคสามัคคีธรรม ชาติไทย กิจสังคม ถูกดูดเข้าพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ เรื่อยมาจนเป็นพรรคพลังประชาชน และเพื่อไทยในปัจจุบัน

            ที่ร่ายมาทั้งหมด ก็พอจะมองเห็นว่า กองหนุนรัฐบาล คสช.คือใคร

            เมื่อ "ป๋าเปรม" ถึงกับเอ่ยปากว่า "ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว" ก็นับเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับ คสช.

            เพราะท่านไม่สามารถหากองหนุนที่อื่นเพิ่มเติมได้อีก

            "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ไม่อาจสร้างความนิยมโดยใช้กองหนุนจากพรรคมารเดิมได้

            หรือถ้าจะทำ...เท่ากับช็อกวงการ

            ถึงวันนี้ไม่ต้องถามว่า "ลุงตู่" จะเล่นการเมืองหรือไม่

            เพราะ "ประยุทธ์ จันทร์ส้มซ่า" ได้เผยตัวตนแล้ว

            ที่เหลือก็แค่วิธีการเข้าสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้น

            ในแง่กฎหมาย รัฐธรรมนูญรองรับไว้เสร็จสรรพ

            ส่วนวิถีทางการเมือง....นั่นคือประเด็นหลัก

            อยู่ที่ "บิ๊กตู่" จะเลือกเอาแบบไหน

            ที่ "ป๋าเปรม" พูดถึง "กองหนุน" จุดโฟกัสอาจไม่ได้ให้ไปไล่ตามดูว่า กองหนุนอยู่ไหน เป็นใคร

            แต่สาระสำคัญอยู่ที่...."ป๋าเปรม" เห็นอะไร

            และต้องการสื่อสารให้ "บิ๊กตู่" ทำอะไร?

            ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟางเส้นสุดท้ายระหว่างประชาธิปัตย์กับรัฐบาล คสช.มันขาดไปแล้ว หลังมีคำสั่งตาม ม.๔๔ ปลดล็อกพรรคการเมืองออกมา

            ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มองว่า ตัวเองตกเป็นเป้าถูกรีเซตโดยตรง

            ถ้าพูดให้ชัดคือ ถูกขโมยสมาชิกพรรค

            เป็นความพยายามจาก คสช.ที่จะแย่งฐานคะแนน ไปให้พรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้

            ทำไม คสช.ต้องทำแบบนั้น?

            การเมืองต้องมีหลักประกัน เส้นทางสู่การเป็นนายกรัฐมนตรี จะผิดพลาดไม่ได้

            ก็อย่างที่รับรู้กันมาตลอดว่า ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มีวุฒิสมาชิก ๒๕๐ คน เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ 

            เป็นกองหนุน ที่รออุ้ม "ลุงตู่" ขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว

            ตอกเสาเข็ม หล่อเสา ขึ้นมาแล้ว 

            เหลือแค่มุงหลังคา 

            จะปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร!

            ฉะนั้นสิ่งที่ "ป๋าเปรม" มองเห็นคือ "บิ๊กตู่" กำลังทำลายมิตร ซึ่งก็คือประชาธิปัตย์

            ตลอด ๘ ปีบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์คือ กองหนุนหลักของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 

            จึงไม่แปลกที่ "ป๋า" จะมองแบบนั้น

            แต่..."ลุงตู่" อาจมีมุมมองของตัวเองที่ต่างออกไป 

            และอาจต่างจนน่าตกใจ!

            การที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" พูดถึงการใช้อำนาจปลดล็อกซ่อนรูปว่า

           “.....ถ้าคิดใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ในทางการเมือง ก็เดินกลับสู่ยุคระบอบทักษิณ จะหวังอะไรกับการปฏิรูปและธรรมาภิบาล ถ้ามีปัญหาพรรคใหม่ก็หาทางแก้ไป

          แต่ถ้าเมื่อไหร่ใช้อำนาจรัฐที่เบ็ดเสร็จพิเศษ ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ บ้านเมืองเสียหาย ส่วนรวมเสียหาย บรรทัดฐานสำหรับอนาคตก็เสียหาย คนทำต้องรับผิดชอบ

          หากยึดหลักธรรมาภิบาลต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา รับผิดชอบ ก็ขอให้ลองไปคิดว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเข้าเกณฑ์เหล่านี้หรือไม่

          การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรทำในเรื่องใหญ่ๆ ทำแล้วไม่ต้องเปลี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล เพราะสู้ในสถานการณ์เสียเปรียบมาหลายรูปแบบ จึงไม่โวยวายหรือร้องขอ

          แต่ที่พูดเพราะต้องการรักษาหลักการบ้านเมือง ถ้าเสียเปรียบจากหลักการที่ถูกต้อง พรรคยินดี แต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องคัดค้าน.....”

            ถ้าคิดว่าแค่เสียงลมพัดผ่าน คสช.ก็ไม่ต้องไปสนใจ

            ปล่อยให้ผ่านไป

            ก็แค่คำพูดของนักการเมือง

            แต่เมื่อควบคู่ไปกับคำพูด "ป๋าเปรม" มันมีสิ่งที่ต้องปรับ

            อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทย ก็มีเกมที่ตัวเองต้องเล่น 

            วันนี้เขาเริ่มเล่นแล้ว!

            และอย่าลืม คำพูด "ป๋าเปรม" ที่บอกว่า "ตู่ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยเท่าที่สามารถจะทำได้"

            ไม่มีกองหนุนเหลืออีกแล้ว

            ที่เหลือ อยู่ที่ตัว "ลุงตู่" เท่านั้นจริงๆ.

                                                                                                ผักกาดหอม             


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"