คุมเข้มน้ำเมาปีใหม่ ขายเยาวชนติดคุก


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจวางมาตรการเข้มลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่หยุดยาว 5 วัน ไม่ตั้งด่านบนถนนสายหลัก แต่ตรวจถี่ยิบในถนนสายรอง ดวดไม่เป็นที่เป็นทางมีโทษ เอาผิดร้านค้าขายน้ำเมาให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 เมาแล้วขับเจอยึดรถ
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2563 ซึ่งเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2563 พี่น้องประชาชนต่างออกเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน หรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และร่วมกิจกรรมงานรื่นเริงเฉลิมฉลองการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือจัดงานเคาต์ดาวน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางสัญจร การใช้รถใช้ถนน รวมถึงในช่วงที่ผ่านมายังคงมีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุที่สูงกว่าปกติ มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้กำกับ ดูแล และกำชับ สั่งการไปยังทุกหน่วยในสังกัด เพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ลดอุบัติเหตุ โดยนำจิตอาสาเข้าร่วมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นความสำคัญของพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ให้มีความปลอดภัยมากที่สุด พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกและสร้างความตระหนักถึงความมีวินัยจราจร และความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อลดจำนวนการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน 
    ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน 10 ข้อหาหลัก คือ ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับขี่รถย้อนศร, ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ไม่มีใบขับขี่, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, แซงในที่คับขัน ขับขี่ในขณะเมาสุรา, ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ดัดแปลง, ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ
    มาตรการอำนวยความสะดวกด้านการจัดการจราจร ประชาสัมพันธ์เส้นทางลัด เส้นทางเลี่ยงในการเร่งระบายการจราจร เพื่อให้พี่น้องประชาชนถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วและปลอดภัย สำรวจเส้นทาง จุดซ่อมสร้างผิวการจราจร โดยให้มีการประสานงานเพื่อขอคืนพื้นที่ผิวการจราจรจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และประชาสัมพันธ์จุดซ่อมสร้างดังกล่าวให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ประสานงานขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดเตรียมกำลังพล ยานพาหนะ และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือประชาชน กรณีรถกีดขวางการจราจรจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือการเคลื่อนย้ายรถกรณีรถเสียฉุกเฉินออกจากช่องทางเดินรถ 
    ด้าน พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธันวาคม จะมีการคืนพื้นผิวการจราจรที่มีการก่อสร้างบนถนนสายหลักได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ตามถนนต่างๆ ที่เป็นจุดเสี่ยง เช่น จุดชะลอความเร็ว ก็จะวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแล
    "ยืนยันว่าบนถนนสายหลักวันที่ประชาชนเดินทางไปและกลับ จะไม่มีการตั้งด่าน แต่จะเน้นอำนวยความสะดวกจราจร เมื่อรถเริ่มมีความหนาแน่น อาทิ บนนถนนมิตรภาพ ถนน 304 ก็จะมีตำรวจทางหลวงที่คอยดูแลเปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่ง และตำรวจท้องที่คอยสนับสนุนการทำงานควบคุมสัญญาณไฟตามทางแยกต่างๆ รวมถึงดูแลถนนสายรองและกวดขันวินัยจราจรให้ดี"
    พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า การตั้งด่านตรวจในต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะร่วมกับอาสาสมัครตำรวจบ้านคอยช่วยอำนวยความสะดวก และประชาสัมพันธ์แนะนำเส้นทาง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27-28 ธันวาคม และวันที่ 1-2 มกราคม ในถนนสายรองบางจุด อาจจะต้องมีการตั้งด่านคอยกวดขันกรณีตรวจวัดแอลกอฮอล์ จุดชะลอความเร็วในเวลากลางคืน ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลการตั้งด่านทั่วประเทศในช่วง 7 วันอันตราย ว่าจะมีจุดตรวจ/จุดสกัดจำนวน 2,530 จุด ชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1,869 ชุด และจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 1,909 จุด โดยจุดต่างๆ อาจเพิ่มหรือลดตามความจำเป็นและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
    กรณีตรวจพบผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุรา หากปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมมีอำนาจยึดรถเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว ตาม ป.วิอาญา ม.85 และระเบียบการยึดของกลาง เพราะรถดังกล่าวถือว่าเป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
    "ในปีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเน้นหนักการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เป็นพิเศษ หากเป็นกรณีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ขับขี่เมาสุรา จะมีการขยายผลดำเนินคดีไปยังร้านจำหน่ายสุรา และหากเป็นกรณีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี จะเข้าข่ายความผิดจำหน่าย แลกเปลี่ยนหรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก และส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิด ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546" พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าว และว่า หากพื้นที่ใดจัดงานเลี้ยงรื่นเริงให้บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้กวดขันจับกุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม และสถานที่ห้ามจำหน่าย และตั้งจุดตรวจบริเวณใกล้ๆ สถานที่จัดงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ
    สำหรับมาตรการจัดการต่อร้านค้าที่จำหน่ายสุราให้กับผู้ขับขี่ มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ 1.การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม ตามมาตรา 28 (ขายได้ระหว่างเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.) (จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่น) 2.การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามตามมาตรา 27 เช่น ในวัด สถานพยาบาล สถานที่ราชการ หอพัก สถานศึกษา สถานีน้ำมันเชื้อเพลิง สวนสาธารณะ หรือสถานที่อื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เช่น บนทางตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก (จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่น) 3.การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ ตามมาตรา 29 (จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่น)
    4.การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้าม เช่น ในวัด สถานพยาบาล สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานีน้ำมันเชื้อเพลิง สวนสาธารณะ หรือสถานที่อื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เช่น บนทางในขณะขับขี่หรือโดยสารอยู่บนรถ หรือในรถ มาตรา 31 (จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท) และ 5.จำหน่าย แลกเปลี่ยนหรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก (จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"