คนจนเฮ!ลงทะเบียนอีกรอบ


เพิ่มเพื่อน    

  คลังเตรียมเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ต้นปี 63 ปรับเกณฑ์ให้ผู้มีรายได้น้อยตัวจริง จ่อเพิ่มสวัสดิการด้านสุขภาพ-อาชีพ ลดค่าครองชีพ พร้อมคลอดแจกของขวัญปีใหม่อีกเพียบ 

      เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ในต้นปี 2563 ส่วนผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ปัจจุบัน จำนวน 14.6 ล้านคน ยังได้สิทธิ์อยู่เหมือนเดิม แต่จะมีการกำหนดเกณฑ์ใหม่ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าคนที่ถือบัตรคนจนอยู่สิทธิ์ที่ได้รับจะลดลงอย่างไร ซึ่งจะมีการวัดเกณฑ์รายได้แบบครอบครัว แต่สวัสดิการที่ได้ยังให้เป็นรายบุคคลเหมือนเดิม
        "การลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ จะอยู่บนหลักการจะมีการทบทวนว่าผู้ที่เป็นเป้าหมายคือผู้มีรายได้น้อย ต้องได้รับการดูแลอย่างตรงเป้าหมาย รอบแรกอาจจะมีบางคนที่ไม่อยู่ในข่าย ก็จะทบทวนในส่วนนี้ เพราะมีงบประมาณอยู่จำนวนหนึ่งต้องเอาไปดูแลกลุ่มนี้จริงๆ ส่วนคนใหม่ที่จะเข้ามา จะใช้เกณฑ์เดียวกันว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยตามเกณฑ์ และต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ซึ่งสวัสดิการเดิมที่รับอยู่ยังได้เหมือนเดิม แต่จะเน้นเรื่องการดูแลสวัสดิการด้านสุขภาพ สวัสดิการด้านอาชีพ และสวัสดิการที่จะช่วยลดภาระเพิ่มเติม" นายอุตตมระบุ
         ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะมีการจัดระบบการดูแลผู้ได้รับสวัสดิการเพื่อการพัฒนาให้พ้นจากการเป็นผู้มีรายได้น้อย การพัฒนาจะทำได้เต็มรูปแบบมากขึ้น โดยจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในเดือน ม.ค.2563 และเปิดลงทะเบียนเป็นบุคคล โดยการลงทะเบียนรอบใหม่จะเป็นการเสริม และยืนยันว่าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ได้เพิ่มคนจน เพราะคนจนในประเทศมีอยู่แล้ว เพียงแค่เรามาดูแลให้ถูกต้องเท่านั้น
    รมว.การคลังกล่าวว่า ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลังได้จัดทำของขวัญปีใหม่ปี 2563 สำหรับประชาชนทั่วไป ผู้เสียภาษี เกษตรกรรายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เริ่มดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือตามโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 แก่เกษตรกรที่ลงทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ในอัตราไร่ละ 500 บาท ตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริง แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ วงเงิน 25,793 ล้านบาท 
         ธนาคารออมสิน จัดทำ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคืนดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ลูกค้ารายย่อย คืนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ธนาคารได้รับในรอบ 12 เดือนตั้งแต่เดือน พ.ย. 2561 ถึงเดือน ต.ค.2562 สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมทุกสัญญาไม่เกิน 200,000 บาท และโครงการมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าเงินฝากประจำ โดยเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยตามประกาศเดิมอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี สำหรับเงินฝากไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท
         ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คืนเงิน (Cash Back) จำนวน 1,000 บาท ให้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีย้อนหลัง 48 เดือน สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยผู้ที่สนใจสามารถแสดงความจำนงที่ ธอส.ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ และธนาคารจะโอนเงินผ่านทางบัญชีเงินฝากที่ผูกกับแอปพลิเคชัน GHB ALL ของทางธนาคารภายในเดือน ธ.ค.2562 ถึงเดือน ม.ค. 2563
        ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จัดทำ 2 โครงการคือ โครงการเสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็นผู้ส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าเพื่อการส่งออก เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียน หรือปรับปรุงเครื่องจักร โรงงาน วงเงินอนุมัติสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 ร้อยละ 3.99 ต่อปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 4 ปี และโครงการการลดภาระในการชำระหนี้ สำหรับลูกค้า SMEs ของธนาคารที่ไม่ต้องการวงเงินเพิ่ม แต่ต้องการลดภาระในการผ่อนชำระหนี้ 
         ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ยกเว้นค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเรียกเก็บทุกประเภท ได้แก่ ค่าประเมินหลักประกัน ค่าธรรมเนียมนิติกรรมสัญญา สำหรับลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบ้านแลกเงินที่ทำสัญญาสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -31 มี.ค.2563 
    กรมสรรพากร จัดทำ 2 โครงการ ดังนี้ SME โปรดีบัญชีเดียว เป็นมาตรการที่กรมสรรพากรร่วมมือกับสถาบันการเงินทั้ง 19 แห่ง ในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนแจ้งใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. ยกเว้นเบี้ยปรับฯ พ.ศ.2562 โดยให้สิทธิประโยชน์พิเศษทางการเงินในรูปแบบสินเชื่ออัตราพิเศษหรือรูปแบบอื่นๆ อันจะช่วยสร้างรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงให้กับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 7 ม.ค.2563
         กรมธนารักษ์ จัดทำโครงการตลาดประชารัฐตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร โดยจัดพื้นที่ในที่ราชพัสดุเพื่อจำหน่ายสินค้าที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของวิถีชุมชน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2562 ถึงเดือน ก.ย.2563.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"