อย่าเอาอย่าง 'ดีทรอยต์'


เพิ่มเพื่อน    

                เห็นข่าวโรงงานหลายแห่งทยอยปิดกิจการแล้วรู้สึกใจหายไม่ใช่น้อย เพราะทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ขึ้น ย่อมจะหมายความว่า จะต้องมีคนงานจำนวนไม่น้อยที่ต้องเคว้งคว้าง และต้องตกงานอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าโรงงานที่ได้รับผลกระทบที่มีการปิดโรงงาน หรือมีสั่งเบรกการทำงาน ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์แทบทั้งสิ้น สาเหตุหลักการมาจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และกระทบการส่งออก ซึ่งหากได้ติดตามข่าวจะพบว่า บรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างก็ประสบปัญหายอดขายลด เกือบทุกค่าย

                และในประเทศไทยเองก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไป ส่งผลให้มีข่าวว่า บรรดาผู้ผลิตค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นหลายค่ายเริ่มมองหาการย้ายฐานการผลิตบ้างแล้ว

                อย่างสำนักข่าว Nikkei รายงานว่า บริษัทมาสด้า มอเตอร์ (Mazda Motor) จะพิจารณาย้ายฐานการประกอบรถยนต์บางรุ่นจากประเทศไทยกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น เพราะเจอปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า จนกระทั่งกับการส่งออก และทำให้กำไรหายไปเป็นจำนวนมาก แถมตลาดในประเทศก็ยังโตลดลง

                และแว่วๆ ว่าจะมีอีกหลายค่ายที่คิดจะย้ายฐานการผลิต ตามมาสด้าออกไป เพราะในปัจจุบันไทยเราถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในภูมิภาค โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ทั้งโตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสัน, มาสด้า, อีซูซุ หรืออย่าง เอ็มจีของจีน เป็นต้น

                เรื่องนี้กำลังสะเทือนคำว่า 'ดีทรอยต์ ออฟ เอเชีย' ซึ่งไทยเคยประกาศว่าเราจะเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ของภูมิภาค  ซึ่งสถานการณ์ไม่สู้ดี แบบนี้ก็เป็นห่วงเหลือเกินว่า 'ดีทรอยต์ ออฟ เอเชีย' จะล่มสลาย เหมือนกับเมืองดีทรอยต์ต้นฉบับในอเมริกา ที่ตอนนี้กลายเป็นเมืองล้มละลายไปแล้ว

                และบทเรียนของดีทรอยต์ ไทยก็ควรจะนำมาคิด และป้องกันไม่ให้สถานการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น ซึ่งไทยเราเองตอนนี้ก็พึ่งพากับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำในตลาดโลก หลังเจอการแข่งขันที่สูงจากกลุ่มผู้ผลิตจากเกาหลีใต้และจีน ที่ตอนนี้สามารถทำตลาดได้สูสี และที่สำคัญคุณภาพเริ่มไม่ต่างกัน 

                โดยที่สำคัญเทรนด์ของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไป นั้นก็คือการเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมของอุตสาหกรรมอย่างมาก หากไม่ปรับตัวก็จะค่อยๆ เห็น โรงงานผลิตชิ้นส่วน ซึ่งเป็นชัพพลายให้กับผู้ผลิตรถ จะต้องทยอยปิดตัวลง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า 1 คันจะใช้ชิ้นส่วนอะไหล่เหลือเพียง 1,500-3,000 ชิ้น ลดลงเกือบ 10 เท่า จากเดิมจะต้องใช้อะไหล่กว่า 30,000 ชิ้นต่อคัน เห็นตัวเลขนี้ค่อนข้างชัดแล้วว่า จะมีโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนอาจจะต้องล้มหายไปอีกเยอะพอสมควร

                ดังนั้น เพื่อไม่ให้ไทยเดินตามรอยดีทรอยต์สิ่งสำคัญ คือ ไทย โดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องรีบวางแผน สร้างการปรับตัวให้เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่จะต้องรีบส่งเสริม ให้เกิดการเรียนรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สถาบันการศึกษาจะต้องช่วยในการ Re-sKill แรงงานให้ต้องทำความเข้าใจกับอุตสาหกรรมแนวใหม่ให้เกิดขึ้น รวมถึงการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ ให้ตรงกับเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน รัฐต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัว ทั้งในแง่เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือการเทรนนิ่ง รวมไปถึงการส่งเสริมวิจัย และพัฒนาให้เกิดขึ้นมากกว่านี้ และการสนับสนุนบริษัทข้ามชาติที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยได้ง่ายที่สุด และจูงใจที่สุด

                ไทยจะต้องพยายามปรับตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ชื่อ  'ดีทรอยต์ ออฟ เอเชีย' ต้องล่มสลายไปในที่สุด.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"