กลับตจว.ถนนทุกสายแน่น


เพิ่มเพื่อน    

 เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่ 27 ธ.ค.-2 ม.ค.63 ร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนสร้างการสัญจรปลอดภัย เน้นขับรถมีน้ำใจรักษาวินัยจราจร "มท.1" สั่งคุมเข้มจุดพลุ ดอกไม้ไฟฉลองเคาต์ดาวน์หวั่นเกิดเพลิงไหม้ "ทอ." ส่ง UAV สำรวจจราจรช่วยแก้รถติด สาย "เหนือ-อีสาน" ปริมาณรถเริ่มคับคั่ง 

    ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วันที่ 27 ธ.ค. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมช.มหาดไทย) เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 โดยมีนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง, นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และเลขาฯ ศปถ.ร่วมในพิธี
    นายนิพนธ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน มีความห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 จึงได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเต็มกำลัง โดยยึดพื้นที่เป็นตัวตั้งในช่วงการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2562-2 ม.ค.2563 โดยมุ่งดำเนินมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนอย่างรอบด้าน ทั้งคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน 
    รมช.มหาดไทยกล่าวว่า ภายใต้หลัก 3 ร. ของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ รักตัวเอง รักครอบครัว และรักผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น รวมถึงดำเนินการตามแผนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น เน้นการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสิ่งแวดล้อม โดยปรับปรุงถนนและสภาพแวดล้อมริมทาง แสงสว่างป้ายเตือน สัญญาณไฟ และไฟส่องสว่าง พร้อมปฏิบัติการเชิงป้องกันด้วยการจัดตั้งจุดตรวจในเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งเส้นทางสายหลัก สายรอง และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตำบล/หมู่บ้าน รวมถึงเสริมประสิทธิภาพการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ผ่านกลไกพลังชุมชนและจิตอาสา
    "โดยเฉพาะการป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย อีกทั้งตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและกวดขันความพร้อมของพนักงานขับรถ เข้มงวดการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ จัดเตรียมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้พร้อมช่วยเหลือและส่งต่อผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่ ตลอดจนรณรงค์สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนนในรูปแบบการสร้างการรับรู้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย สถานการณ์อุบัติเหตุ การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และการส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกิจกรรมทางศาสนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร ขับรถอย่างมีวินัย และมีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ถึงจุดหมายด้วยความสุขและความปลอดภัย" รมช.มหาดไทยกล่าว
เริ่ม 7 วันอันตรายปีใหม่
    ส่วนนายพรพจน์กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ผ่านกลไกของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด อำเภอ และองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน มุ่งเป้าลดปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่สถิติอุบัติเหตุสูง ผ่านกลไกการทำงานของพลังชุมชน ด่านครอบครัวเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุในระดับพื้นที่ และจิตอาสาจำนวนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งจะเข้ามามีส่วนสนับสนุนปฏิบัติการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนในการเดินทาง ทั้งในส่วนของการจัดตั้งด่านชุมชน การจัดตั้งจุดบริการ การดูแลความปลอดภัยเส้นทางสัญจรทางน้ำ สถานที่จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างความปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน 
    นายมณฑลเสริมว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2563 ภายใต้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนตลอดทั้งปี จะเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการสั่งการ และเชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนกับศูนย์ปฏิบัติการฯ ระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการหลัก รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร 
    "ในช่วงรณรงค์ 7 วันแห่งความปลอดภัยทางถนน ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.62-2 ม.ค.63 จะมีการประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฯ ในระดับพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการและปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างการสัญจรอย่างปลอดภัยและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด" เลขาฯ ศปถ.กล่าว
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.)  กล่าวว่า ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.ของทุกปี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วประเทศ จะจัดกิจกรรมเนื่องในวันส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ ซึ่งมักจะมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง รวมทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวสภาพอากาศแห้งและหนาวเย็น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้โดยง่าย นอกจากนี้ ประชาชนยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนยังสถานที่ต่างๆ อย่างคับคั่ง ส่งผลให้อาจเกิดอุบัติภัยสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
    "เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยและอุบัติภัยจากการสัญจรของประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวและจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ บก.ปภ.ช.จึงได้สั่งการไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการ 3 ด้าน ดังนี้ 1.ด้านการเตรียมความพร้อม ให้กำชับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่จะจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ และมีการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง หรือการแสดงโดยใช้เทคนิคพิเศษ ให้เตรียมการป้องกันและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และห้ามเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิงภายในสถานบันเทิงอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากอัคคีภัย 2.ด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชน และ 3.ด้านการปฏิบัติการ ให้จัดชุดเจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.), อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเชิญชวนประชาชนจิตอาสา เฝ้าระวังสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย อุบัติภัย และความปลอดภัยอื่นๆ" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ทอ.ส่งUAVสำรวจจราจร
    รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ได้กำชับให้เข้มงวดกวดขันการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน โดยให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวดตามมาตรการเน้นหนักเรื่องความปลอดภัยทางถนน 10 มาตรการ ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย, มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย, เมาสุรา, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ไม่มีใบขับขี่, ความเร็วเกินกำหนด, ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร, ขับรถย้อนศร, แซงในที่คับขัน และใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ รวมถึงการแบ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถิติการสูญเสียชีวิตสูงย้อนหลัง 5 ปี ต้องเพิ่มมาตรการเป็นพิเศษ และหากเกิดอัคคีภัย อุบัติภัย หรือสาธารณภัยอื่นที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และรายงานให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางทราบทันที
    ด้าน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. สั่งการให้ทุกกองบินและโรงเรียนการบิน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชน โดยจัดอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ทางทหาร ทำการบินสำรวจสภาพการจราจรในเส้นทางคมนาคมสายหลักทั่วประเทศ พร้อมส่งข้อมูลภาพแบบเรียลไทม์ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ในการวางแผนการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน อาทิ ปภ. กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม พร้อมตั้งจุดดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามความคืบหน้าของคดีความมั่นคงที่สำคัญในพื้นที่ รวมทั้งให้นโยบายตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่  
    "ช่วงปีใหม่ได้มอบนโยบายไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับมา 6 ข้อ ก็ได้เน้นย้ำไปแล้ว รวมทั้งพื้นที่เฝ้าระวัง พื้นที่สุ่มเสี่ยงต่างๆ ก็ให้เน้นย้ำเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนเองได้สั่งการไปแล้วว่า หัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจห้ามลาในช่วงปีใหม่นี้” ผบ.ตร.กล่าว 
    ผู้สื่อข่าวรายงานการจราจรตั้งแต่ช่วงบ่ายและค่ำวันที่ 27 ธ.ค.ว่า การจราจรบนถนนสายเอเชีย ช่วงผ่าน จ.ชัยนาท ฝั่งขาขึ้นภาคเหนือ เริ่มมีรถจำนวนมาก แต่ยังใช้ความเร็วได้ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีชะลอตัวเล็กน้อย ช่วงรอสัญญาณไฟจราจร บริเวณแยกหางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชัยนาท ได้ทำการปิดจุดกลับรถ บนถนนสายเอเชีย ที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและทำให้รถชะลอตัว จำนวน 4 จุดแล้ว ประกอบด้วย จุดกลับรถวัดสมอ กิโลเมตรที่ 113+800, จุดกลับรถวัดมะปราง กิโลเมตร 115+325, จุดกลับรถโรงสีแก้วสว่าง กิโลเมตร 136+300 และ จุดกลับรถบางตาลาย กิโลเมตร 141+500  
    นอกจากนี้ ผู้พิการเหยื่อเมาแล้วขับ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกรณรงค์เมาไม่ขับ บริเวณจุดพักรถ ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์     
    นายสมนึก เพชรหัวบัว ผู้พิการเหยื่อเมาแล้วขับ ในฐานะประธานศูนย์ประสานงานเครือข่ายเมาไม่ขับ จ.ชัยนาท กล่าวว่า ฝากถึงผู้ที่เมาแล้วขับขอให้เปลี่ยนพฤติกรรม หากดื่มแอลกอฮอล์แล้วไม่ควรขับรถ เพราะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผลกระทบและความสูญเสียที่ตามมา มีมากมายมหาศาล โดยเฉพาะกับเหยื่อเมาแล้วขับ ที่ต้องสูญเสียชีวิตคนในครอบครัว สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง  และต้องกลายเป็นคนพิการ อยู่อย่างยากลำบากไปตลอดชีวิตจากความประมาทของคนที่เมาแล้วยังขับรถ
    "ผมได้รับผลกระทบจากคนเมาแล้วขับ ทำให้สูญเสียบิดาและกลายเป็นคนพิการนั่งอยู่บนรถวีลแชร์มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตอนนี้อายุ 44 ปีแล้ว ชีวิตลำบากต้องฟื้นฟูทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ ครอบครัวต้องมาดูแลเหมือนกับเป็นเด็กตัวเล็กใหม่คนหนึ่ง กว่าจะใช้ชีวิตได้จนถึงทุกวันนี้ยากลำบาก อยากฝากถึงคนที่เมาแล้วขับ ให้เปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าเกิดคุณเมาแล้วขับ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตัวอย่างที่ผมเคยไปเยี่ยมเคสติดเตียง น้องคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุจากคนเมาแล้วขับ ทำให้เขาสูญเสียสามีและลูก ทำให้ครอบครัวลำบาก เสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง และให้กรณีผู้พิการบางคนขับถ่ายไม่รู้สึกตัว ก็ต้องซื้อแพมเพิร์ส เป็นเงินมหาศาลที่ต้องนำมาใช้ตรงนี้ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจลำบากมาก จึงอยากให้ผู้ที่ขับรถแล้วดื่ม อยากให้เปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าขับรถแล้วอย่าไปดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าดื่มแล้วควรเปลี่ยนให้คนที่ไม่ดื่มไปขับรถแทน" ผู้พิการเหยื่อเมาแล้วขับกล่าว   
การจราจรเริ่มชะลอตัว
    ในส่วนสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ ช่วงผ่าน จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดทางภาคอีสาน เริ่มมีปริมาณรถยนต์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การจราจรบนถนนมิตรภาพชะลอตัวบางจุด โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้นเขา เขตตำบลกลางดง จุดที่มีการก่อสร้างสะพานเกือบม้าหรือสะพานกลับรถ อำเภอปากช่อง และบริเวณที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์เกิดการชะลอตัว แต่รถยนต์ยังสามารถเคลื่อนตัวไปได้ 
    พล.ต.ต.สุจินต์ นิลพานิจ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา นำกำลังตำรวจจราจร สภ.กลางดง ไปคอยอำนวยความสะดวกจราจรบริเวณตามแยกสัญญาณไฟจราจรในเขตชุมชน ซึ่งเริ่มมีปริมาณรถสะสมมาก เช่นเดียวกัน ตำรวจทางหลวงได้เตรียมเปิดช่องทางพิเศษหากปริมาณรถสะสมเพิ่มมากขึ้น โดยช่วงค่ำสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพมีปริมาณรถหนาแน่นมากกว่าเดิม ขณะที่ถนนมิตรภาพช่วงบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ กม.ที่ 1- 5 ปริมาณรถหนาแน่น แต่เคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ ลักษณะเดียวกับ อ.ปากช่อง ที่มีการก่อสร้างจุดลงและขึ้นทางหลวงมอเตอร์เวย์  
    "คาดว่าในวันที่ 28 ธ.ค. การจราจรน่าจะติดขัดหลายจุด ซึ่งมีการเตรียมเปิดช่องทางพิเศษไว้เกือบ 10 จุด โดยทาง พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 จะเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามจุดบริการประชาชนพื้นที่ อ.เมืองฯ ต.โพธิ์กลาง, อ.สูงเนิน, ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว, ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง และ ต.กลางดง และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพการจราจรมุมสูงในการแก้ปัญหาเร่งด่วน" ผบก.ภ.จว.นครราชสีมากล่าว
    จ.เชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกำลังจิตอาสา ในการสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนนในรูปแบบการสร้างการรับรู้ การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และมีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง ทำให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ถึงจุดหมายด้วยความสุขและความปลอดภัย พร้อมวางมาตรการและปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างการสัญจรอย่างปลอดภัยและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด
    จ.นครพนม มีพิธีเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยเทศกาลปีใหม่ 2563 โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัย คือ 1.ศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัย ทางหลวงหมายเลข 22 หน้าหมวดทางหลวงนครพนม บ้านดอนยานาง  2.หน่วยบริการเคลื่อนที่ ตั้งอยู่บริเวณหมวดทางหลวงในสังกัด จำนวน 5 ชุด ได้แก่ หมวดทางหลวงนครพนม หมวดทางหลวงท่าอุเทน หมวดทางหลวงศรีสงคราม หมวดทางหลวงปลาปาก และหมวดทางหลวงนาแก และ 3.ศูนย์ปฏิบัติการ/อำนวยการข้อมูลเพื่อประสานงาน ตรวจสอบข้อมูลและสถานการณ์ ทางหลวงหมายเลข 212 (ชยางกูร) หน้าสำนักงานแขวงทางหลวงนครพนม บ้านน้อยใต้ เขตเทศบาลเมืองนครพนม 
    จ.กระบี่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ เปิดจุดให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัย เปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลบปีใหม่ 2563 จังหวัดกระบี่ และกิจกรรมรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ซึ่งจังหวัดกระบี่ได้ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลและช่วงปกติมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว จากปัญหาอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ได้คุมเข้มข้นภายใต้ชื่อการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจรักษาวินัยจราจร 
    พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดีกล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งสร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติ รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงประกาศให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนของประเทศ ภายใต้กรอบปฏิญญามอสโก เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งจังหวัดกระบี่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เดินทางเข้ามาและเป็นทางผ่านจำนวนมาก ทำให้ปริมาณคนและปริมาณรถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ทำให้อุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดกระบี่มีมากขึ้นเช่นกัน กิจกรรมวันนี้เป็นพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนภาคีเครือข่าย ร่วมกันรับผิดชอบความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"