ประเดิม7วันอันตราย เซ่น43ศพเจ็บ466คน


เพิ่มเพื่อน    

  เซ่น 7 วันอันตรายน่าวิตก วันแรกดับแล้ว 43 ราย สถิติอุบัติเหตุถึง 464 ครั้ง เพิ่ม 11% ไม่เกินคาดเมาแล้วขับครองแชมป์ตามเคย “เชียงราย-ประจวบฯ” ยอดตายมากสุด ศาลแขวงเชียงใหม่พิจารณาคดีตามกฎหมายจราจรสูงสุด “กฤษณะ” เปิดตัวเลขฝากบ้านไว้ตำรวจ ยอดลดวูบถึง 66% ประชาชนยังแห่กลับบ้าน ถ.มิตรภาพแน่น

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 หรือ 7 วันอันตราย เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 27 ธ.ค.2562 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจรเกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 466 คน
         นายอนุทินแถลงอีกว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ 30.39% ขับรถเร็ว 24.78% โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 80.08% ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง 39.22% ถนนใน อบต./หมู่บ้าน 30.60% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. 30.39% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป 29.27% ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,026 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 63,961 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 731,933 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 158,453 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 42,912 ราย ไม่มีใบขับขี่ 39,584 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 20 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 4 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 22 คน
         “วันนี้เป็นวันแรกของช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2563 ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศปถ.ได้เน้นย้ำจังหวัดให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลักและสายรอง พร้อมดูแลเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท โดยกำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เน้นการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และคุมเข้มการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์กรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บรุนแรงทุกราย” นายอนุทินระบุ และว่า หากประชาชนพบเห็นหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1669 ซึ่งมีทีมแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือฉุกเฉินพร้อมให้บริการอย่างทันท่วงที 
ฝากบ้านไว้ตำรวจลดวูบ
         นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า ศปถ.ได้เน้นย้ำให้จังหวัดและอำเภอบูรณาการตามแผนปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน จิตอาสาในการป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเพิ่มความเข้มข้นในการจัดตั้งด่านชุมชน ด่านครอบครัว ในการเรียกตรวจยานพาหนะ และความพร้อมของผู้ขับขี่ รวมถึงประสานเคลื่อนย้ายรถที่เกิดอุบัติเหตุออกจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และให้การจราจรมีความคล่องตัว นอกจากนี้ ให้ดูแลความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ พนักงานต้องมีสภาพร่างกาย ที่พร้อมขับรถอย่างปลอดภัยและมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง
        นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการ ศปถ.ระบุว่า ขอฝากเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนยึดหลัก 3 ร. รักตัวเอง รักครอบครัว และรักผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น เป็นปฏิญญาร่วมกันในการสร้างความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วน 1669 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
      ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากข้อมูลจาก ศปถ.ได้สรุปอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันที่ 27 ธ.ค. มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง เพิ่มขึ้น 45 ครั้ง เพิ่มขึ้น 10.74% จากช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2562 ในขณะที่ผู้บาดเจ็บมี 466 คน เพิ่มขึ้น 38 คน คิดเป็น 8.88% จากในช่วงเดียวกันของเทศกาลปี 2562 แต่มีผู้เสียชีวิต 43 คน ลดลง 2 คน หรือลดลง 4.44% จากช่วงเดียวกันของเทศกาลปี 2562 ซึ่งสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นเรื่องขับรถในขณะเมาสุรา และขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกพื้นที่จะกวดขันวินัยจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ตาม 10 ข้อหาหลักที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญคือ ขับรถขณะเมาสุรา, ขับรถย้อนศร, ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร, ไม่แซงในที่คับขัน, ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น
“โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ หรือฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ระหว่างวันที่ 24-27 ธ.ค.2562 มีประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจทั่วประเทศ 3,091 หลัง น้อยกว่าช่วงปีใหม่ 2562 จำนวน 6,174 หลัง หรือลดลง 66.64% โดยผู้ที่ประสงค์จะร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่านตลอด 24 ชั่วโมง”พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
ส่วนนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงปริมาณคดีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักรในช่วง 7 วันอันตราย ว่าในวันที่ 27 ธ.ค. มีสถิติความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกของกลุ่มศาลอาญา, กลุ่มศาลจังหวัด และกลุ่มศาลแขวง โดยจำนวนคดีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มีจำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณารวมทั้งสิ้น 1,865 คดี โดยพิพากษาแล้วเสร็จทั้งสิ้น 1,528 คดี หรือ 81.93% ซึ่งจังหวัดที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 159 คดี, ชลบุรี 158 คดี, เชียงใหม่ 112 คดี, ระยอง  111 คดี และนครราชสีมา 86 คดี 
ศาลเชียงใหม่คดีอื้อซ่า
สำหรับศาลที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ศาลแขวงเชียงใหม่ 104 คดี, ศาลแขวงพัทยา 79 คดี, ศาลแขวงนนทบุรี  74 คดี, ศาลจังหวัดระยอง 64 คดี และศาลแขวงชลบุรี 62 คดี และข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา 1,369 คน ขับรถขณะเสพยาเสพติด 257 คน ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 224 คน ส่วนสถิติความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกของกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว มีคำร้องที่เข้าสู่การตรวจสอบการจับรวมทั้งสิ้น 14 คำร้อง ซึ่งข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบการจับประกอบด้วย ขับรถขณะเมาสุรา 9 คน และขับรถขณะเสพยาเสพติด 5 คน  
“สถิติที่พบว่าพื้นที่ กทม.มีคดีสู่การพิจารณามากเป็นอันดับที่ 1 แต่ศาลที่มีคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุดเป็นศาลแขวงเชียงใหม่นั้น เนื่องจากในพื้นที่ กทม.ประกอบด้วยศาลแขวงหลายแห่ง อาทิ ศาลแขวงพระนครเหนือ, ศาลแขวงดุสิต, ศาลแขวงพระโขนง, ศาลแขวงปทุมวัน, ศาลแขวงดอนเมือง, ศาลแขวงธนบุรี โดยคดีกระจายในศาลแขวงหลายแห่งนี้ ดังนั้นเมื่อรวบรวมสถิติคดีจากทุกศาลแขวงเฉพาะในพื้นที่ กทม. จึงพบว่ามีปริมาณคดีเข้าสู่ศาลสูงสุด แต่หากพิจารณาสถิติคดีโดยแยกเป็นศาลนั้นจะพบว่าศาลแขวงเชียงใหม่จะมีปริมาณคดีสู่การพิจารณาสูงสุดเป็นอันดับ 1”นายสุริยัณห์กล่าว
สำหรับการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนนั้น สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานสรุปจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 104,315 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาออก 57,429 คน ผู้โดยสารขาเข้า 46,886 คน และผู้โดยสารขบวนรถเสริมพิเศษอีก 2,709 คน ซึ่งเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด คือ สายใต้มีจำนวน 32,592 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 29,283 คน, สายเหนือ 21,204 คน, สายตะวันออก 12,418 คน และสายแม่กลอง 11,427 คน
         ทั้งนี้ ยังคงมีผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขบวนรถระยะใกล้ เช่น ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี บ้านภาชี ตะพานหิน สภาพการโดยสารปกติ ซึ่งการรถไฟฯ คาดว่าสามารถจัดส่งผู้โดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนาได้หมดโดยไม่มีตกค้างทุกสถานี 
ขณะเดียวกัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมคณะเดินทางตรวจสภาพการจราจร อำนวยการเส้นทาง และป้องกันปัญหาอุบัติเหตุในเส้นทางถนนสายหลักช่วงการเดินทางขาออกของประชาชนเพื่อกลับภูมิลำเนาในเทศกาลปีใหม่ โดยคณะ รมว.คมนาคมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา ตรวจการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนมิตรภาพ บริเวณเนินมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และบริเวณเนินคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และบริเวณจุดบริการประชาชนเทศบาลตำบลคลองไผ่ รวมทั้งได้รับฟังการบรรยายสรุปแผนการป้องกันอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่ 2563 จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมให้กำลังใจ และมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการอำนวยการดูแลประชาชนในตลอดเทศกาล
    นายศักดิ์สยามกล่าวถึงนโยบายในการอำนวยการเดินทางปีใหม่นี้ ว่าอยู่ภายใต้แนวคิดใส่ใจกำลังสาม เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยตลอดปีใหม่ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนด้านต่างๆ อาทิ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัย โดยตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสาร ณ จุดตรวจความพร้อมเข้มข้น ทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอและปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ด้านถนนปลอดภัยให้ปรับปรุงถนน ผิวทาง สะพานให้พร้อม ติดป้ายรณรงค์แนะนำตักเตือนเรื่องความปลอดภัย พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกด้าน เพื่อให้ได้รับความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางทุกมิติ
        ส่วนที่ด่านตรวจหนองสองห้อง ถ.มิตรภาพ อ.เมืองหนองคาย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทยได้นำคณะตรวจเยี่ยมจุดตรวจความปลอดภัยทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2563 ซึ่งนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ตั้งจุดบูรณาการทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ให้บริการประชาชน อำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
ถ.มิตรภาพยังเนืองแน่น
     สำหรับสภาพการจราจรบน ถ.มิตรภาพ ช่วงผ่าน จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดทางภาคอีสานนั้น ปริมาณรถยนต์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงค่ำคืนวันที่ 27 ธ.ค.ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าวันที่ 28 ธ.ค. ส่งผลให้การจราจรชะลอตัวสลับกับหยุดนิ่งในหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้นเขาเขต ต.กลางดง จุดที่มีการก่อสร้างสะพานเกือบม้าหรือสะพานกลับรถ อ.ปากช่อง และบริเวณที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์เกิดการชะลอตัว รถยนต์สามารถเคลื่อนตัวไปได้ช้าๆ มีการเปิดช่องจราจรพิเศษระยะทาง 10 กม. ในพื้นที่ อ.ปากช่อง เพื่อเร่งระบายรถ  ขณะที่บริเวณตามแยกสัญญาณไฟจราจรในเขตชุมชนก็เริ่มมีปริมาณรถสะสมมากเช่นเดียวกัน 
    ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายและเย็นสภาพการจราจรบน ถ.มิตรภาพยังคงมีปริมาณรถยนต์เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสายเช่นเดียวกับช่วงเช้า โดยเฉพาะช่วงทางต่างระดับสามแยกปักธงชัย มาบรรจบกับถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา เข้าสู่ถนนบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ทำให้ปริมาณรถแน่นหนาเคลื่อนตัวไปได้ช้า โดยจุดนี้มีการก่อสร้างทางลงและขึ้นมอเตอร์เวย์อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประกอบกับมีปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊สหลายแห่ง รวมถึงปัญหาพ่อค้า-แม่ค้าตั้งแผงจำหน่ายอาหารริมทางรถจอดแวะพักทำให้เกิดการสะสมของปริมาณรถจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประชาชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ขยับไกลออกจากริมถนน และจากจุดนี้ไปสามารถใช้ความเร็วได้ปกติ จนไปถึงเขต ต.จอหอช่วงตั้ง ต.จอหอ-บ้านหนองกระดังงา กม.8-9 ปริมาณรถชะลอตัวทอดยาวเหยียดข้ามสะพานข้ามทางรถไฟรางคู่ถึงหน้าโรงเรียนมหิศราธิบดี กม.11-17 ปริมาณรถมาก
โดยเจ้าหน้าที่เปิดช่องทางพิเศษ-แยกบ้านโพธิ์ ระยะทาง 3 กม.-ตู้ยามบ้านหนองงูเหลือม อ.เฉลิมพระเกียรติอีก 3-4 กม. และทอดยาวไปถึงแยกบ้านดอนชมพู อ.โนนสูง ปริมาณรถมากเคลื่อนตัวช้า ไม่สามารถทำความเร็วได้ ส่วนถนนสาย 24 สีคิ้ว-โชคชัย- เดชอุดม เป็นถนนที่ทางตรงยาวไกลปริมาณรถมากมีการปิดจุดกลับรถเพื่อให้ปริมาณรถคล่องตัว ส่วนถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ช่วงทางขึ้นเขาบ้านบุพราหม์-อ.วังน้ำเขียว ระยะทางกว่า 10 กม. ปริมาณรถมากติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนัก บรรยากาศตึงเครียดมาก มีการเปิดช่องทางพิเศษเร่งระบายรถจำนวนมาก ประกอบกับเส้นทางนี้มีอุโมงค์บรรยากาศสวยงามมีการเปิดใช้แล้วทำให้มีรถสัญจรผ่านมามากกว่าปกติ โดยคาดว่าในช่วงเย็นและค่ำปริมาณรถบนถนนมิตรภาพอีกละลอกใหญ่จะมาถึงตัว จ.นครราชสีมา.

    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"