10ม.ค.เรียกตัว ‘โบว์-เพนกวิน’ พันแฟลชม็อบ


เพิ่มเพื่อน    

 

  หลังปีใหม่ ลุ้นคดีปารีณา-จาตุรนต์-บ.ก.ลายจุด โอนจากศาลทหารขึ้นศาลยุติธรรม สน.ปทุมวันออกหมายเรียกคดีชุมนุมสกายวอล์ก-แฟลชม็อบเพิ่มเติม ถึงคิวโบว์-เพนกวิน 

    เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการโอนสำนวนคดีความมั่นคง และความผิดจากศาลทหาร กลับมาสู่การพิจารณาในศาลยุติธรรม ภายหลังจากมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 9/2562 ว่าประเด็นการโอนสำนวนคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร มาให้ศาลยุติธรรมดำเนินการสืบเนื่องจากมีคำสั่งของ คสช.ฉบับที่ 9/2562 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาก่อนมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคำสั่งนั้นให้ยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 37/2557 , 38/2557, 43/2557, 50/2557 และคำสั่ง หน.คสช.ฉบับที่ 55/259 ซึ่งสาระสำคัญหลักๆ คือให้บรรดาการกระทำความผิดตามประกาศและคำสั่ง คสช. ไม่ว่าจะกระทำก่อนหรือหลังคำสั่งที่ใช้บังคับอยู่ให้โอนมาอยู่ในการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม จึงเป็นผลให้คดีที่ค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารก็จะโอนมาศาลยุติธรรม และคดีอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการของอัยการศาลทหาร ก็จะมาโอนมายังสำนักงานอัยการสูงสุด โดยหลังจากที่มีประกาศคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 9/2562 แล้ว ก็มีคดีที่โอนจากอัยการทหารมายังสำนักงานอัยการคดีอาญาที่จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญา รวมทั้งสิ้น 43 เรื่อง โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม
    นายประยุทธกล่าวต่อไปว่า ประกอบด้วย 1.คดีที่อัยการศาลทหารได้ยื่นฟ้องเป็นคดีในศาลทหารไว้จนสืบพยานเสร็จแล้ว เพียงแต่รอฟังคำพิพากษา โดยกลุ่มนี้เมื่อโอนคดีไปยังศาลยุติธรรม ศาลก็จะทำคำพิพากษาไปแล้วเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์-ฎีกาตามกฎหมายศาลยุติธรรมตามปกติ 2.คดีที่อัยการศาลทหารสั่งฟ้องแล้ว แต่ยังจับตัวมาฟ้องไม่ได้โดยมีหมายจับของศาลทหารอยู่ กรณีนี้ก็ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่นั้นดำเนินการขอเพิกถอนหมายจับเดิมของศาลทหารก่อน จากนั้นไปขอหมายจับใหม่กับศาลยุติธรรมแล้วส่งมาให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบคดีนั้นๆ เพื่อจะแจ้งสั่งตามกระบวนการให้ติดตามตัวบุคคลนั้นมาฟ้องศาลภายในอายุความ 3.คดีที่ฟ้องแล้วในศาลทหาร และอัยการศาลทหารได้สืบพยานไปแล้วบางส่วน ยังเหลือพยานที่ต้องสืบต่ออีก ก็จะเป็นภารกิจของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดต้องพยานที่เหลือนั้นมาสืบต่อให้เสร็จในศาลยุติธรรม เพื่อคดีจะมีคำพิพากษาโดยศาลยุติธรรมต่อไป 4.คดีที่อัยการศาลทหารฟ้องคดีแล้ว แต่ยังไม่เริ่มสืบพยานใดๆ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ก็ต้องดำเนินการสืบพยานตามบัญชีที่อัยการศาลทหารเคยระบุไว้ต่อไปให้จบ 
    เมื่อถามว่า หากคดีโอนจากศาลทหารมายังศาลยุติธรรม ฝ่ายจำเลยสามารถโต้แย้งกระบวนการสืบพยานที่เคยดำเนินไปแล้วในศาลทหารได้หรือไม่ หากเห็นดำเนินไม่ได้เต็มที่ นายประยุทธชี้แจงว่า จะย้อนให้สืบพยานเดิมที่เคยดำเนินการไปแล้วไม่ได้ โดยเมื่อโอนคดีมาก็ต้องดำเนินการส่วนที่เหลือตามกระบวนการในศาลยุติธรรมต่อไป เพราะถือว่ากระบวนพิจารณาที่เคยดำเนินการมาแล้วในศาลทหารก็เป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น จะไปรื้อใหม่ไม่ได้ แต่ในเรื่องของการประกันตัว หากเคยได้ประกันตัวในศาลทหารมาแล้วก็เป็นการโอนมาทั้งสำนวนและตัวก็เพียงแค่มาทราบนัดใหม่ในศาลยุติธรรม ส่วนจำเลยที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำเพราะไม่ได้ประกันในศาลทหาร หากโอนคดีมาศาลยุติธรรมก็สามารถยื่นประกันตัวใหม่ได้
    ทั้งนี้ คดีอื่นๆ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และความผิดต่อความมั่นคง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่มีบุคคลในสังคมและนักการเมืองตกเป็นจำเลยนั้น อาทิ คดีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกฟ้องร่วมกับนายสัชญา หรือขวัญ สถิรพงษะสุทธิ ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 371 กรณีวันที่ 29 พ.ค.-15 ก.ค.2557 ร่วมกันมีปืนเล็กกลและเครื่องกระสุน เสื้อเกราะ-หมวกกันกระสุน ซึ่งโอนคดีมายังศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2562 โดยศาลนัดพร้อมครั้งแรกในวันที่ 27 ม.ค.2563 เวลา 09.00 น.
    คดีที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ฉายา บ.ก.ลายจุด นักกิจกรรมการเมือง ถูกฟ้องตามมาตรา 116 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 กรณีวันที่ 31 พ.ค.- 4 มิ.ย.2557 ได้ส่งข้อความลงในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ทำนองว่าประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับเผด็จการทหาร และเสนอกิจกรรมล้ม คสช.เชิญชวนให้ผู้คนใส่หน้ากากเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งโอนคดีมายังศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2562 โดยศาลนัดพร้อมครั้งแรกในวันที่ 28 ม.ค.2563 เวลา 09.00 น.
    คดีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ถูกฟ้องตามมาตรา 116, 368 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) กรณีแถลงข่าวหลังจากที่มีการรัฐประหารเดือน พ.ค.2557 ในลักษณะต่อต้านการควบคุมอำนาจของ คสช. ซึ่งโอนคดีมายังศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2562 เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3055/2562 โดยศาลนัดพร้อมครั้งแรกในวันที่ 29 ม.ค.2563  
    ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า สน.ปทุมวันได้ออกหมายเรียก น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล ให้มาพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ในวันที่ 10 มกราคม 2563 เวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นแกนนำกิจกรรมแฟลชม็อบเพิ่มเติม โดยทั้ง 3 คนถูกตั้งข้อหาว่า “ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
    ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” โพสต์ภาพหมายเรียก พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “เพิ่งได้รับหมายเรียกคดีชุมนุม skywalk เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้ไปรายงานตัว 10 ม.ค. (สองวันก่อนงาน “วิ่งไล่ลุง”) เจอกันค่ะ คดีที่ 6 แล้วที่สร้างภาระไร้สาระให้กระบวนการยุติธรรม ข้อหาเล็กขนาดนี้จะว่าความเอง ไม่รบกวนทนาย-รู้สึกขำขัน”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"