ครึ่งทาง7วันอันตรายดับ208 อึ้ง!กทม.โผล่ครองแชมป์ตาย


เพิ่มเพื่อน    

 

 

ผ่านครึ่งทาง 7 วันอันตราย อุบัติเหตุสะสมใกล้แตะ 2 พันครั้ง เสียชีวิตแล้ว 208 ศพ บาดเจ็บ 2,031 ราย "กทม." ยังแชมป์เสียชีวิตเยอะสุด "ศปถ." ปรับแผนตั้งด่านชุมชนสกัดขี้เมาขับรถ  "อธิบดีขนส่งทางบก" เผย ปชช.ร้องเรียนบริการรถโดยสารช่วงปีใหม่ 241 ราย สั่ง จนท.เร่งติดตามมาลงโทษ 
    เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.62 นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 แถลงว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค.62 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" หรือช่วง 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 485 ครั้ง ผู้เสียชีวิต  48 ราย ผู้บาดเจ็บ 484 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.20 ขับรถเร็ว  ร้อยละ 28.66 
    นายวิตถวัลย์กล่าวว่า ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.76 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 60.41 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.14 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.46  ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 26.19 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.70 โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,044 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,757 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 998,559 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 221,435 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 59,953 ราย ไม่มีใบขับขี่ 52,650 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด  ได้แก่ เชียงใหม่ 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด  ได้แก่ เชียงใหม่ และเลย จังหวัดละ 19 คน 
    "สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ วันที่ 27-30 ธ.ค.62 เกิดอุบัติเหตุรวม  1,988 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 208 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,031 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์ มี 16 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 61 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 11 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 66 คน" นายวิตถวัลย์กล่าว
    อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่และมีการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงหลายพื้นที่มีการจัดงานรื่นเริง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้สั่งการให้จังหวัดดำเนินมาตรการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยให้ปรับแผนการตั้งด่านชุมชนบนเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อเข้าสู่ถนนสายหลัก เน้นการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ กวดขันตาม 10 มาตรการหลัก คุมเข้มบริเวณสถานบันเทิง พื้นที่จัดงาน และบริเวณเส้นทางโดยรอบที่มีการจัดงานรื่นเริง (Countdown) และจุดที่มีประชาชนมารวมกันเป็นจำนวนมาก
ปรับแผนตั้งด่านชุมชน
    "ได้กำชับให้ดำเนินมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด  โดยเฉพาะการจำหน่ายแก่กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่ถึง 20 ปี รวมถึงการจำหน่ายสุราในลักษณะเร่ขาย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด่านครอบครัว ด่านชุมชน เพื่อป้องปรามและเตือนให้ผู้ขับขี่ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาท เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และร่วมกันมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน" อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าว
    นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า เพื่อเป็นการเน้นย้ำมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการขับเคลื่อนมาตรการทางกฎหมายควบคู่กับมาตรการทางสังคมเชิงรุกอย่างเข้มข้น เน้นการปฏิบัติการของด่านครอบครัวและด่านชุมชน เพื่อป้องปรามและควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยเป็นพิเศษ 
    "โดยให้กวดขันผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ให้ขับรถโดยเด็ดขาด เน้นดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านและชุมชนเป็นพิเศษ นอกจากนี้ให้บูรณาการการทำงานร่วมกับจิตอาสาในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนแก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ" รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าว
    นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดี ปภ.และเลขานุการ ศปถ.กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ขับรถไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎจราจร และในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทุกจังหวัดได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว รวมถึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ 
    "ขอฝากเตือนประชาชนเฉลิมฉลองอย่างมีสติ ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ 2563 เป็นไปด้วยความปลอดภัย" อธิบดี ปภ.กล่าว
    ขณะที่นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงผลการปฏิบัติการของศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ทั้งทางสายด่วน 1584 และศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ (ชั่วคราว) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ และร่วมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ดูแลความปลอดภัย พร้อมให้คำแนะนำในการเดินทาง ซึ่งมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เฉพาะวันที่ 26-29 ธ.ค.62 ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะ จำนวน 241 ราย ความผิดส่วนใหญ่ได้แก่ ขับรถประมาทหวาดเสียว ทิ้งผู้โดยสาร ไม่จอดรับผู้โดยสาร  ผู้ประจำรถแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ แต่งกายไม่เรียบร้อย
     "กรมการขนส่งทางบกเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายทุกราย ในทุกกรณีความผิด พร้อมกำชับผู้ประกอบการและพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคน นำประเด็นร้องเรียนต่างๆ ไปปรับปรุง แก้ไขปัญหาการให้บริการอย่างทันที" นายจิรุตม์กล่าว
ขนส่งคุมเข้มรถโดยสาร
    อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า หากประชาชนหรือผู้โดยสารพบปัญหาจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ พบการกระทำความผิด เรียกเก็บค่าโดยสารเกินกำหนด หรือมีพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 (ชั่วคราว) ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ หรือโทร.1584 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทุกปัญหาการร้องเรียน กรมฯ จะเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยทันที พร้อมทั้งแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบโดยตรงทาง SMS ภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ขอให้ผู้ร้องเรียนระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด  เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ ซึ่งจะทำให้กระบวนการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
     "กรมฯ มีมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายขั้นสูงสุดทุกกรณี พร้อมส่งตัวเข้ารับการอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกการให้บริการ และบันทึกประวัติการกระทำผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ หากตรวจสอบพบการกระทำความผิดซ้ำซากจะพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป และถ้าความผิดอาญาหรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง เช่น การขู่กรรโชก ทำร้ายร่างกายผู้โดยสาร กระทำอนาจาร ดัดแปลงมาตรค่าโดยสาร ส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที" อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าว
    ที่ จ.หนองคาย พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ห้องศูนย์เฝ้าระวังกล้องวงจรปิดตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และห้องศูนย์ 191 ชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย โดยมี พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จว.หนองคาย พาตรวจเยี่ยมชมห้อง cctv จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยพุทธศาสนิกชนที่จะมาร่วมสวดมนต์ข้ามปีที่วัดโพธิ์ชัยพระอารามหลวง 
    จากนั้นได้เดินทางไปที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ซึ่งได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดและไม่ประมาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะออกเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่ด่านตรวจหนองสองห้อง พร้อมกับแจกข้าวจี่ให้ผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาได้รับประทานกันอีกด้วย
    พล.ต.ท.เพิ่มพูนกล่าวว่า ได้ลงมาดูการเตรียมความพร้อมของการดูแลรักษาความปลอดภัย และการจัดการจราจรในพื้นที่บริเวณวัดโพธิ์ชัยในงานพิธีสวดมนตร์ข้ามปีอาเซียน และในช่วงเทศกาลปีใหม่ และบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่มีผู้เดินทางผ่านเข้าออกเป็นจำนวนมาก อาจจะมีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศ โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 มีความเข้มงวดในการตรวจตราและไม่ประมาท.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"