'สนธิรัตน์'เรียกประชุมด่วน รับมือวิกฤติ'สหรัฐ-อิหร่าน'


เพิ่มเพื่อน    


    "สนธิรัตน์" เรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องรับมือวิกฤติความขัดแย้งสหรัฐ-อิหร่าน ยันยังไม่กระทบราคาน้ำมันมากนัก ขณะที่ ผอ.สนค.ยอมรับระยะสั้นราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าปรับตัวขึ้นอีกหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย 
    เมื่อวันที่ 5 มกราคม นายสนธิรัตน์ สนธิจรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาเปิดโจมตีอิหร่าน และคาดว่าสถานการณ์จะบานปลาย ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสถานการณ์น้ำมันโลกว่า นี่เป็นเรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยในวันที่เกิดเหตุส่งผลให้ราคาน้ำมันขึ้นไปร้อยละ 4 เรื่องนี้ตนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าหากเรื่องนี้ลุกลามต่อไป ก็มีแนวโน้มที่จะกระทบต่อราคาน้ำมัน 
    เขากล่าวว่า ขอติดตามและจะเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องในวันที่ 6 ม.ค.นี้ เพื่อดูสถานการณ์ แล้วจะแจ้งให้ประชาชนอีกครั้งว่าสถานการณ์จะไปในทิศทางใด แต่ในขณะนี้ยังเป็นสถานการณ์เบื้องต้น ที่ยังไม่สามารถเห็นภาพชัดได้นัก คงต้องติดตามต่อไป
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันแต่อย่างใด จะมีการประเมินต่อไป ซึ่งถ้าหากกระทบ ร้อยละ  4 หรือไม่เกิน 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็ยังไม่กระทบอะไรมาก เพราะเรายังมีความสามารถภายในของเราในการที่จะสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมันของเราอยู่
    ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกล่าสุดเกิดจากความขัดแย้งทางการทหารระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน และการขยายวงของวิกฤตการณ์สงครามและความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ปัจจัยดังกล่าวจะกดดันให้ราคาน้ำมันและพลังงานเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นไปแล้วกว่า 4% แตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว หากอิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน หรือโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ จะทำให้มีผลกระทบต่ออุปทานของน้ำมันดิบในเอเชีย
    เนื่องจาก 80% ผ่านช่องทางนี้เพื่อขนส่งมายังเอเชีย มีน้ำมันดิบประมาณ 22.5 ล้านบาร์เรลต่อวันผ่านช่องแคบนี้ ทางด้านผู้นำสหรัฐประกาศพร้อมโจมตีตอบโต้ 52 เป้าหมายสำคัญในอิหร่าน ปัจจัยดังกล่าวย่อมส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 20% จากระดับราคาปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ จะสูงกว่าที่คาดการณ์โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความจำเป็นในการต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและทางการคลังเพิ่มขึ้น   
    นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงกรณีสหรัฐอเมริกาเปิดโจมตีอิหร่าน ว่าทางการสหรัฐให้เหตุผลการโจมตีดังกล่าวว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อปิดความเสี่ยงและรักษาความปลอดภัย ภายหลังมีรายงานความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นภัยต่อทูตและพลเมืองอเมริกันในพื้นที่ ขณะที่อิหร่านประกาศพร้อมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
    ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค และสร้างความผันผวนแก่ตลาดเงินและตลาดทุน โดยประเมินว่าในระยะสั้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าปรับตัวขึ้นอีกหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น ซึ่งในระยะกลาง-ยาว สนค.ประเมินว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุน และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย 
    ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบ เช่น ความคืบหน้าการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และมาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ ขณะที่หากเกิดการตอบโต้ระหว่างกันและมีการปิดเส้นทางเดินเรือ ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก เพราะน้ำมันจากตะวันออกกลางส่วนใหญ่ผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซ โดยอิหร่านเป็นประเทศที่มีบทบาทหลักในการควบคุมเส้นทางดังกล่าว
    นอกจากนี้ การขนส่งสินค้าก็มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยการเดินเรือกว่า 20% ของโลกใช้เส้นทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ หากมีการปิดเส้นทาง เรือบรรทุกน้ำมัน และสินค้า จะไม่สามารถใช้ช่องแคบเพื่อเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้ ในประเด็นด้านการค้าและการส่งออกของไทย 
    นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าชธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว) มูลค่า 22,873.66 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11% ของการส่งออกรวม 11 เดือนแรก ปี 62 อาจได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบจะเพิ่มความท้าทายในการฟื้นฟูตลาดส่งออกในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิรักและอิหร่าน และตลาดแอฟริกาที่มีประเทศในตะวันออกกลางเป็นช่องทางการค้า ให้สินค้าไทยแต่เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่สามารถหาแนวทางขยายการค้าได้ โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมนำทัพภาคเอกชนเดินทางไปรุกตลาดอย่างน้อย 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางในปี 63 นี้
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากเรื่องตลาดทุนตลาดเงินและราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูง แต่ สนค.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังและเตรียมแนวทางรับมือในระยะต่อไป โดยเฉพาะหากมีการตอบโต้กันในวงกว้างขึ้น ในระยะ 11 เดือนแรกปี 62 การค้าระหว่างไทยและตะวันออกกลาง มีมูลค่ารวม 25,683 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.8% ของการค้ารวม) โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 7,649 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 18,034 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การค้าระหว่างไทยและแอฟริกา มูลค่ารวม 9,373 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.1% ของการค้ารวม) โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 6,288 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 3,085 ล้านเหรียญสหรัฐ
  ปตท.และบางจากปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน รวมถึงแก๊สโซฮอล์ และดีเซลทุกชนิดขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร โดยมีผล 6 ม.ค.2563 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
    สำหรับราคาขายปลีกปรับขึ้นเช้าวันอาทิตย์  ไฮพรีเมียม ดีเซล S ราคา 31.26 บาทต่อลิตร, ไฮดีเซล S ราคา 27.39 บาทต่อลิตร, ไฮดีเซล S B10 ราคา 25.39 บาทต่อลิตร, ไฮดีเซล B20 S ราคา 24.39 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E85 S ราคา 19.04 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E20 S ราคา 23.44 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 S ราคา 26.18 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 26.45 บาทต่อลิตร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"