‘หน่อย’เผาเพื่อไทยแย่งอำนาจ


เพิ่มเพื่อน    

 วิปรัฐบาลกำชับ ส.ส.ห้ามเบี้ยวประชุมงบประมาณ เพราะต้องโหวตทั้ง 47 มาตรา “อนค.” เล็งสับงบ “กห.-ศาล” รัฐมนตรีที่ถูกจองกฐินยันความพร้อมไม่หนักใจ “ดร.เหลิม” โวมีทีเด็ดไม่ให้เสียชื่อพรรคแน่ เรื่องที่ดินแค่หนังตัวอย่าง “ปิยบุตร” ฟุ้งตามรอติดตามช่วงท้ายๆ มีเรื่องคุณสมบัติ รมต.ด้วย เด็กเพื่อไทยพาเหรดปัดข่าวหญิงหน่อยไขก๊อก จิรายุอ้างแค่ทีมงานสุดารัตน์ขนกระเช้าปีใหม่กลับบ้านเท่านั้น

ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2563 มีระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
    โดยที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้แถลงผลประชุม ส.ส. ว่าที่ประชุมได้กำชับให้ ส.ส.อยู่ร่วมการประชุมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณตลอดเวลา เพราะจะต้องโหวตถึง 47 ครั้ง 47 มาตรา 
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท วาระ 2 และ 3 ในวันที่ 8-9 ม.ค. ล่าสุดวิปรัฐบาลและฝ่ายค้านได้รับการประสานจาก นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงกำหนดเวลาในการอภิปราย เบื้องต้นกำหนดให้อภิปรายคนละไม่เกิน 5 นาที และขอความร่วมมือจาก ส.ส.ทุกคนอยู่ร่วมการประชุมตลอดเวลา เพราะจะโหวตทั้ง 47 มาตรา 
    ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค เพื่อชี้แจงกรอบการทำงานในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. ในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ประชุมได้ระบุว่าการประชุมในวันที่ 8-9 ม.ค. เป็นหน้าที่ของสมาชิกและ กมธ.ที่ต้องชี้แจงว่าจะปรับลด ปรับเพิ่มอย่างไรในแต่ละกระทรวง ตลอดเวลาของการประชุมต้องใช้องค์ประชุมให้ครบในทุกมาตรา รวมทั้งในวาระที่ 2 จะลงมติในทุกมาตรา ส่วนการลงมติจากสมาชิกว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในวาระที่ 3 คาดว่าอาจไปลงมติในวันศุกร์ที่ 10 ม.ค. ดังนั้นอาจทำให้การประชุมต้องใช้เวลา 3 วัน ที่จะเริ่มประชุมเวลา 09.30-0.00 น. มีการประชุม 15 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งสิ้น 45 ชั่วโมง 
    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านกำลังประสานไปยังประธานสภาฯ เรื่องเวลาของสมาชิกที่จะอภิปราย จากเดิมให้เวลา 5 นาทีต่อคน แต่วิปฝ่ายค้านมองว่าน้อยเกินไป อยากได้ไม่จำกัดเวลา แต่คงเป็นไปไม่ได้ เลยประสานไปขอ 15 นาทีต่อคน แต่คาดว่าน่าจะถูกปรับเหลือเพียง 10 นาทีต่อคน
จ้องสับงบ “กห.-ศาล”
    “การลงมติต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แต่ละพรรคขอดูการอภิปรายในสภาก่อน แล้วจึงประชุมหามติว่าจะว่าอย่างไร ซึ่งไม่จำเป็นต้องยึดตามประเพณีเดิม ว่าต้องโหวตสวนจำนวนเท่านั้นเท่านี้ แต่ให้ว่ากันไปตามหลักการ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหาข้อยุติก่อนโหวตในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี 9 ม.ค.” นายสุทินกล่าว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า เตรียมอภิปรายพุ่งเป้าไปที่งบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยมี ส.ส.ของพรรคที่จะอภิปรายทั้งเรื่องการจัดซื้ออาวุธ และการแก้ปัญหาภาคใต้ ส่วนตนเองได้แปรญัตติในเรื่องของสำนักงานงานศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระต่างๆ ไว้ก็จะอภิปรายเรื่องดังกล่าว
    สำหรับความเคลื่อนไหวในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรายชื่อจะถูกอภิปรายกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่มีอะไร
    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวเช่นกันว่า เราต้องชี้แจง ต้องเตรียมข้อมูลอธิบายว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร การดำเนินการทำอย่างไร เตรียมตอบข้อซักถามและวิเคราะห์การอภิปราย คิดว่าดีที่จะได้มีโอกาสชี้แจงในสภา
ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะทราบอยู่ว่าเป็นเรื่องการเมือง และในแง่เนื้อหาทุกอย่างถูกต้องหมด สิ่งที่เราทำเป็นการดูแลผลประโยชน์ของประเทศไทย
    “เรื่องฟิลลิป มอร์ริส ไม่ใช่เรื่องของ กต. เราเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในคณะทำงาน แต่เรามองภาพรวม 360 องศา ในเรื่องความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศ ยืนยันว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากรไม่เกี่ยวกับ กต. ซึ่งผมได้เตรียมข้อมูลทั้งหมดไว้หมดแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐมนตรีต้องไปรับรู้เรื่องราวที่ทำต่อเนื่องกันมานาน เพราะมีหลายกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องดูแลติดตามเรื่องนี้” นายดอนกล่าว และว่า หากถามมาก็ตอบไป สามารถชี้แจงได้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประเมินว่า ฝ่ายค้านยังคงไม่ตกผลึกในการหาประเด็นมาอภิปราย เพราะในส่วนของผู้บริหาร หรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็เก็บข้าวของออกจากที่ทำงานแล้ว แต่เชื่อมั่นว่าการอภิปรายจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.พ.
โอ่ซักฟอกไม่ผิดหวัง
    ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค พท. แถลงข่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่ารัฐบาลบริหารราชการมานาน มีตำหนิทุจริต สร้างความไม่เป็นธรรม อคติกับคนบางกลุ่ม และเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกตนเอง  จึงรวบรวมหลักฐานได้ง่ายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการอภิปรายครั้งนี้ไม่ใช่อภิปรายแก้บน เรามีข้อมูลอีกมาก เพราะถ้ามีแค่เล็กน้อยก็เสียชื่อพรรค เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ เราต้องหล่อหลอมความคิดและข้อมูลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รับรองสื่อมวลชนจะไม่ผิดหวังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แน่นอน และอีกไม่นานจะเปิดตัวแม่ทัพ ส่วนที่ไม่เสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกฯ เพราะกฎหมายใหม่ไม่จำเป็น แต่พรรคหาไม่ยากหรอก มีคนเยอะ เปิดประตูมาก็เจอแล้ว 
“ประเด็นเรื่องที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงหนังตัวอย่างเท่านั้น ยังมีข้อมูลที่จะเพิ่มเติมเข้ามาอีก แต่บอกไม่ได้เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น หวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำให้ศรัทธารัฐบาลตกต่ำจนอยู่ไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเล่นการเมืองมีสปิริต และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
    ขณะที่นายสมคิดกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ข้อมูลมีทุกเรื่องทั้งสังคม เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งหลายข้อมูลพบว่าการทำงานของรัฐมนตรีหลายท่านมีข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากล และหลายเรื่องส่อว่าจะไม่โปร่งใส ทางพรรคฝ่ายค้านมีการจัดเตรียมข้อมูลในอภิปรายครบทุกประเด็นอย่างแน่นอน และแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบ
    “ที่กระบอกเสียงรัฐบาลให้ความเห็นว่าฝ่ายค้านควรอภิปรายเฉพาะรัฐบาลนี้ ไม่ควรไปผูกโยงรัฐบาลที่ผ่านมา ถือเป็นการพูดแสดงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน การอภิปรายไม่ไว้วางใจจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะนายกฯ ก็คนเดียวกัน รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจก็คนเดิมๆ ดังนั้นไม่พูดถึงคงไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลอย่าร้อนตัวจนต้องแสดงออกมาประหนึ่งตีปลาหน้าไซ”นายสมคิดกล่าว
    นายสมคิดกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลจะตั้งองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง และคอยป่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านก็ว่ากันไป ให้ประชาชนเห็นเอง ฝ่ายค้านไม่กังวล ทางที่ดีรัฐบาลควรปล่อยให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ รัฐบาลก็ชี้แจงสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย รัฐบาลไม่ควรดิ้นหรือเดือดร้อนไปก่อน หากไม่ผิดจะเดือดร้อนไปก่อนทำไม ดังนั้นการออกมาดิ้นแสดงว่ายอมรับว่าผิดจริงอย่างนั้นหรือ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ และในวันที่ 18 ม.ค. ฝ่ายค้านจะแถลงผลงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
    ส่วนนายปิยบุตรระบุว่า การอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน ถ้าพูดไปก็คงไม่ตื่นเต้น บางทีหนังม้วนดีๆ ที่ตื่นเต้นๆ อาจต้องไปเปิดช่วงท้ายๆ แต่บอกใบ้ไว้นิดหนึ่งว่า มีรัฐมนตรี 4 ท่านที่เราจะอภิปราย ในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด การทุจริต และการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด และคุณสมบัติของรัฐมนตรี
งูเห่าดูแลชาวนา
    วันเดียวกัน ที่มูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เปิดโอกาสให้คณะบุคคลเข้าอวยพรปีใหม่ และแสดงความยินดีหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี โดยมีคณะต่างๆ เข้าอวยพร รวมถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ โดยนายมงคลกิตติ์ระบุว่า ตกใจเหมือนกันที่มี ส.ส.คนเดียวที่มา โดยได้รู้จัก พล.อ.สุรยุทธ์ตั้งแต่ปี 2549 ได้คุยกับท่านครั้งเดียว ตอนที่มายื่นหนังสือถึง พล.อ.เปรม ในเหตุการณ์ม็อบ รร.บดินทรเดชาฯ 
    จากนั้นเป็นคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ท่านให้พร ฝากบ้านฝากเมือง และให้ทำงานกันต่อไป ขณะนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวสั้นๆ ว่าให้กำลังใจ
    ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมคณะได้เปิดตัว พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.เขต 1 จันทบุรี ที่ถูกพรรค อนค.ขับออกจากพรรค และนายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น 
    พ.ต.ท.ฐนภัทรกล่าวถึงข้อกล่าวหาว่าเป็น ส.ส.งูเห่า ว่าการเมืองเหมือนเหรียญสองด้าน ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งถ้าเป็นงูเห่าในความหมายเหมือนนิทานอีสป ที่ดูแลชาวนา กตัญญูรู้คุณกับชาวนา ดูแลความปลอดภัยต่างๆ ให้ชาวนา ก็ยอมรับว่าส่วนตัวเป็นงูเห่าประเภทนั้น นอกจากนี้ยืนยันว่าตัดสินใจไม่ผิด เพราะถามประชาชนแล้ว 
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ฐนภัทรที่ย้ายมาอยู่กับพรรค พปชร. ว่าใครมาก็เวลคัมทุกคน เป็นสิทธิ์ของเขา
    ส่วน พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งว่า ไปถามคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้ชื่อสุดารัตน์ และเมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณหญิงสุดารัตน์จะมาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค พปชร. พล.อ.ประวิตรย้อนว่า “ใครบอก เรื่องนี้สื่อพูดกันไปเอง เขาจะมาได้อย่างไร เขาไม่มาหรอก” 
เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ เรื่องแบบนี้จะไปรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้สื่อต้องไปคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปทาบทามอะไรทั้งสิ้น จะต้องไปทาบทามทำไม
    “ใครจะอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้ประเทศชาติสงบ ใครจะอยู่อย่างไรก็ได้ให้ประเทศชาติสงบและเดินต่อไปข้างหน้าได้ มีความก้าวหน้าในประเทศชาติของเราให้ดี ให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความสามัคคีกัน ใครจะอยู่ที่ไหนได้เหมือนกันทั้งหมด” พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวในประเด็นนี้ว่า ไม่เคยรู้เรื่องนี้ว่าข่าวออกมาจากไหน ถ้าสื่อระแวงว่าเป็นตนเองที่ให้ข่าว ขอบอกเลยว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่เอา เพราะความสามารถไม่ถึง เลขาธิการพรรคก็ไม่เป็น ตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคก็ไม่เอา ต่อให้เอาปืนมาจี้หัวก็ไม่เป็น ขอเป็นแค่ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษเท่านั้น และอีกหน่อยจะตั้งศูนย์ข้อมูลสารสนเทศขึ้นมาทำงาน ยืนยันว่าเรื่องประธานยุทธศาสตร์พรรคจะเข้าจะออก ไม่รู้เห็นทั้งสิ้น ไม่อยากรู้เห็น เพราะไม่ใช่เรื่องของตนเอง บ้านคุณหญิงอยู่ลาดปลาเค้า บ้านตนเองอยู่บางบอน จะไปรู้ได้อย่างไร คุณหญิงจะออกทำไม อยู่ทำงานช่วยกันไปนี่แหละ ส่วนที่คุณหญิงจะจัดงานที่บ้านเย็นวันที่ 7 ม.ค. และได้โทรศัพท์มาเชิญนั้นไปไม่ได้เพราะติดงาน
แค่ขนกระเช้ากลับบ้าน
    นายสุทินกล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากคุณหญิงสุดารัตน์ว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านยังทำงานตามปกติ ยังอยู่ในสถานะเดิม และจากการพูดคุยผู้บริหารพรรค ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับการทำงาน เพราะการทำงานการบริหารงานยังมีประสิทธิภาพ โดย ส.ส.ทุกคนต่างตกใจที่เมื่อมีข่าวอย่างนี้ออกไป เพราะทำให้พรรคดูอ่อนแอ ทุกคนอยากเห็นการคงอยู่อย่างเป็นเอกภาพต่อไป 
    นายพงศกร อรรณนพพร อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น พรรค พท. กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์นัดหมายสมาชิกพรรคและ ส.ส.เข้าไปพูดคุยที่บ้านพัก ว่าหลังจากเลือกตั้งซ่อมขอนแก่นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ถือเป็นเรี่ยวแรงหลัก เมื่อเสร็จภารกิจจึงได้นัดหมาย เพื่อเลี้ยงขอบคุณทีมงานและคณะทั้งหมดที่แสดงน้ำใจช่วยรณรงค์หาเสียง ไม่ใช่การรวมพลังและไม่มีนัยทางการเมือง พวกที่พูดหรือคิดแบบนี้คือผู้ประสงค์ร้าย ไม่หวังดีต่อพรรค คนที่พูดและคิดเป็นพวกมองการเมืองแบบเก่า พวกการเมืองน้ำเน่า และไม่ประสงค์ดีต่อพรรคต้องหมดไป
    “ยืนยันว่า ส.ส.อีสานไม่มีใครที่ปฏิเสธคุณหญิงสุดารัตน์ โดยเฉพาะคนที่ร่วมก่อตั้งพรรคมา หรือ ส.ส. ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่มีใครปฏิเสธคุณหญิงสุดารัตน์ ต้องการเห็นคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ ส่วนพวกที่ไม่เห็นด้วย ก็ต้องถามว่ามีบทบาทสำคัญอย่างไรในพรรค หรือไม่มีบทบาท แต่ต้องการมีบทบาท และมีวัตถุประสงค์อย่างไร พวกที่พูดอาจจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพรรคหรือไม่”
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า คุณหญิงสุดารัตน์ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง ยังคงทำหน้าที่ให้กับพรรคตามปกติ ส่วนข่าวที่ออกมาว่ามีการเก็บของใช้ส่วนตัวเท่าที่ทราบเป็นทีมงานของคุณหญิงสุดารัตน์ทยอยขนกระเช้าและของขวัญปีใหม่ออกมาจากพรรคเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งของที่ได้รับมาจากบุคคลที่เข้ามาอวยพรปีใหม่
    ค่ำวันเดียวกัน ที่ย่านลาดปลาเค้า บ้านพักคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้นัด ส.ส.พรรคและทีมงานพรรคเพื่อไทย ที่มีส่วนช่วยลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่นมาทานข้าวเย็น เนื่องในเทศกาลปีใหม่และเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยงาน โดยมี ส.ส.ภาคอีสาน ภาคเหนือ และ ส.ส.กทม. ประมาณ 50 คน เข้าร่วมงาน อาทิ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค, นายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น, นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม, นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม, นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ, นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร, นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่, นายบุญฐิน ประทุมลี ส.ส.มุกดาหาร, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค เป็นต้น ซึ่งคณะ ส.ส.ที่มานอกจากพบปะสังสรรค์กันแล้ว ยังเป็นการเดินทางมาให้กำลังใจคุณหญิงสุดารัตน์ ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่าจะลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ของพรรค
      ภายในงานคุณหญิงสุดารัตน์ได้เดินทักทาย ส.ส.ที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง บางช่วงยังได้ไปร่วมฟ้อนรำกับคณะ ส.ส.หญิงภาคอีสานพรรคเพื่อไทยอย่างสนุกสนานด้วย
    จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวเปิดใจตอนหนึ่งว่า 2-3 วันนี้มีคนโทรศัพมาหาเยอะมาก อาจรับสายบ้างไม่ได้รับบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ได้ทุ่มเท เพราะหลังจากได้รับแต่งตั้งทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ได้ทุ่มเทกำลังนำพาพรรคสู้กับอำนาจรัฐ สู้กับเกม กฎกติกาที่ไม่เป็นธรรม ในการเลือกตั้งใหญ่รู้ทั้งรู้มีคะแนนติดลบกว่า 2 ล้านคะแนน หาเสียงอย่างไรก็ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว กลับมาในพรรคยังโดนต่อว่าออกไปช่วยเขามากเกินไปหรือเปล่า 
    "แต่หน้าที่หน่อยคือทำให้ทุกคนได้เป็น ส.ส.ให้ได้ ทุ่มเท อยู่ในการเมืองมานาน เคยโดนตัดสิทธิ์ ต่อมาเพื่อนๆ ได้โทร.ให้มาช่วยพรรคเพื่อไทย ก็ทำเต็มที่ เข้าใจดีในการเมืองมีความเห็นต่าง ไม่อยากให้ความชอบหรือไม่ชอบเป็นสิ่งที่มาทำลายกัน ข่าวออกมาแต่ละทีคนที่เสียหายคือพรรค ไม่ต้องห่วงหน่อย ให้ทำงานก็ทำงาน ไม่ให้ทำงานก็พร้อมเป็นผู้สนับสนุน จะอยู่ในสถานะไหนก็พร้อมช่วยทุกคน อาจมีบางคนอาจจะเพราะเรื่องอำนาจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ไม่ชอบหน่อย ก็ถือเป็นความผิดหน่อยก็ได้ที่มีคนไม่ชอบ แต่หน่อยยังเป็นสมาชิกพรรค จะใช้ไปทำอะไรตรงไหนก็ได้ ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ ซาบซึ้งในกำลังใจ ยังไม่รู้จะอยู่ตรงไหนในอนาคต แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นเพื่อน พี่น้องกัน จะรักกันอย่างนี้ตลอดไป"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์พูดจบ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูด สรุปได้ว่าจะไม่ไปไหน ขอให้มีกำลังใจ แต่ถ้าจะไปไหนก็จะไปด้วยกัน ส.ส.มางานกันมากในวันนี้ก็ถือเป็นความผูกพันและคำสัญญาว่าเราจะไม่ไปไหน ให้อยู่ที่นี่ อยู่ที่พรรค อยู่ที่สภา ให้อยู่ได้แค่สามที่นี้ จากวันนี้ไปจะยิ่งทำให้บารมีแม่ทัพเข้มแข็ง บารมีจะเกิดจากมารมาก่อน ถ้าไม่มีอย่างวันนั้นคงไม่มีวันนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"