'ช่อ' ชี้เปรี้ยงประเทศไทยตกเป็นเป็นโจมตีในฐานะรู้เห็นเป็นใจกับสหรัฐ


เพิ่มเพื่อน    

8 ม.ค.63 - นางสาวพรรณิการ์​ วานิช  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคต โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้

กรณีไทย-อิหร่าน สะท้อนรัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบต่อความมั่นคงของประชาชน

อ่านข่าวที่คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ออกมายอมรับกับสื่อมวลชนว่าสหรัฐฯแจ้งไทยล่วงหน้า 1 วันก่อนจะปฏิบัติการสังหารผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่าน ก็ตกใจและผิดหวังในระดับหนึ่งแล้วว่าคนระดับอดีตทูตหลายประเทศ เป็นรัฐมนตรีมาหลายปีอย่างคุณดอน มาตกหลุมตกร่องที่ตื้นเขินขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะอย่าว่าแต่นักเรียนรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้แต่คนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารการเมืองต่างประเทศอยู่เสมอ ก็ย่อมคิดได้ว่าการพูดแบบนี้ คือการเอาไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่กำลังร้อนระอุระหว่างมหาอำนาจโลกกับมหาอำนาจตะวันออกกลาง และคือการเอาคอคนไทย 70 ล้านคนไปขึ้นเขียง ตกอยู่ในความเสี่ยงว่าจะกลายเป็นเป้าของการโจมตีแก้แค้น ในฐานะ “รู้เห็นเป็นใจ” ทั้งที่ไทยกับอิหร่านมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด

หากจะให้ลองคิดเล่นๆว่าคุณดอนพูดไปทำไม เหตุผลเดียวที่ดูพอเป็นไปได้ อาจเป็นเพราะรัฐบาลไทยในยุคที่คุณดอนเป็นเจ้ากระทรวงต่างประเทศ ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าเอียงข้างจีนมากเกินไป คุณดอนจึงพยายามจะแสดงออกว่าสนิทสนมกับทางอเมริกาไม่แพ้กันเพื่อรักษาดุลอำนาจความสัมพันธ์กับมหาอำนาจสองฝั่ง แต่กลับกลายเป็น “สนิทผิดเวลา” ไปอย่างมหันต์

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ใหญ่และน่าตกใจกว่าคำพูดที่ผิดพลาดของคุณดอน คือคำพูดของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ที่บอกนักข่าวว่าเรื่องนี้ “ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศ” และมั่นใจว่าคำพูดของคุณดอน “ไม่กระทบความมั่นคง”

ท่าทีของพลเอกประวิตร ย้ำชัดว่ารัฐบาลนี้ ไม่เคยมอง “ความมั่นคง” ในฐานะความมั่นคงของประชาชน เป็นเรื่องของความมั่นคงของ 3ป. และเครือบริวารแวดล้อมเท่านั้น ตั้งแต่ยุคคสช. มาจนถึงยุครัฐบาลประยุทธ์ที่ผ่านการชุบย้อมตัวในการเลือกตั้ง เราจึงเห็นว่า การกินแซนด์วิช การอ่านหนังสือ 1984 การเสวนาวิชาการเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ไปจนถึงการจัดงานวิ่ง เป็นกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับตามอง ใช้ภาษีประชาชนไปกับการส่งตำรวจทหารไปติดตามสอดส่องนักการเมืองที่เดินทางไปทำกิจกรรมกับประชาชน จดชื่อ ถ่ายรูปผู้ร่วมกิจกรรม หรือส่งคนไปตามถึงบ้านผู้จัดงาน โดยอ้างว่าคนเหล่านี้ มีพฤติกรรม “กระทบต่อความมั่นคง”

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่บุคคลระดับรัฐมนตรีไปพูดจาเสี่ยงต่อการเอาไทยเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระดับโลก เอาคนไทย 70 ล้านคนและผลประโยชน์ของไทยในต่างแดนไปอยู่ในความเสี่ยงของการตกเป็นเป้าการถูกโจมตี รองนายกฯ กลับยืนยันว่า “ไม่กระทบต่อความมั่นคง”

น่าเศร้าสำหรับประเทศไทย ตกลงเรามีรัฐบาลไว้ทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของเราประชาชน ไม่เคยได้รับความสำคัญเท่าความมั่นคงของรัฐบาล?


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"