ถกงบฯวาระ2โหวตฉลุย! เฉ่งการเมืองอีแอบวิ่งไล่ลุง


เพิ่มเพื่อน    

 “ชวน” ย้ำ 10 ม.ค. ถกงบปี 63 จบแน่ เพราะตกลงไว้แล้ว ชี้เป็นครั้งแรกที่ กมธ.พ่นน้ำลายมากกว่าทั่นผู้แทนฯ เผยใครข้องใจเรื่องขัดรัฐธรรมนูญส่งตีความได้ แต่อาจจบที่ยกคำร้องเพราะมีบทเรียนมาแล้ว “ประยุทธ์” เล็งไปสภาเพื่อขอบคุณหลังโหวตจบ “ศรีสุวรรณ” เตือนนักการเมืองอย่าเป็นอีแอบหนุนวิ่งไล่ลุง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรยังคงมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท รายมาตรา ในวาระ 2 เป็นวันที่ 2 โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า คงประชุมไปเรื่อยๆ แต่ช่วงปลายอาจเร็วขึ้น เพราะเป็นข้อตกลงและเป็นคำมั่นสัญญาของผู้ควบคุมเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าจะให้เสร็จในวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งปกติแล้วการพิจารณางบประมาณ ส.ส.จะใช้เวลาอภิปรายมาก แต่ว่าครั้งนี้กลายเป็นฝ่ายคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่อภิปรายมาก เพราะภายใน กมธ. ประกอบด้วยหลายฝ่าย
         “คาดว่าจะไม่แล้วเสร็จภายในวันนี้ และคงจะเลิกดึก ส่วนในวันที่ 10 ม.ค. หากเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ก็น่าจะเสร็จ เพียงแต่ว่าจะเสร็จช่วงกลางวันหรือช่วงดึกก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่น่ายืดเยื้อจนทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบมีปัญหา เพราะมีการตกลงกันแล้ว” นายชวนกล่าว
        เมื่อถามอีกว่า มี ส.ส.บางคนเกรงว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯ อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น นายชวนแจงว่า เป็นเรื่องของ กมธ.และรัฐบาลก็ดูแลอยู่ ส่วนจะมีผลกระทบต่อการตรากฎหมายหรือไม่นั้น ตอนนี้ก็เป็นไปโดยปกติ ไม่มีอะไรขัดระเบียบหรือกฎหมาย แต่ว่าความเห็นเรื่องขัดหรือไม่ขัด ก็แล้วแต่แต่ละท่าน ส่วนจะมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความนั้น ก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น บางคนยื่นอะไรบ่อยๆ แต่มักจบโดยยกคำร้อง
    มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปขอบคุณ ส.ส.หลังจากที่ประชุมสภาได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบเสร็จสิ้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังอยากให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
    ขณะเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายร่างงบประมาณ ในส่วนการจัดสรรงบลับในกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้นายวิษณุ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เดือนละ 1 ล้านบาท ว่าไม่มี ไม่เคยมีด้วย งบแบบนี้ไม่เคยมี นอกจากงบที่จัดให้รองนายกฯ ทุกท่านที่ไปดูแลพื้นที่ที่กำกับดูแล ซึ่งเรียกว่างบภูมิภาคพื้นที่ และไม่ได้มอบให้ตัวบุคคล เป็นงบที่ตั้งไว้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เพียงแต่ในพื้นที่ต้องการก็จะแจ้งมา จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการ 
    “ยืนยันที่ระบุว่าให้เป็นเงินเดือน เดือนละ 1 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีตั้งแต่ไหนแต่ไร รัฐบาลไหนก็ไม่เคยมี สักบาทนึงก็ไม่มี” นายวิษณุกล่าว และว่า ไม่ไปชี้แจง เพราะชี้แจงไม่ได้อยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องของ กมธ. เพราะเป็นหน้าที่ของเขา ส่วนเรื่องร่าง พ.ร.บ.ส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น กมธ.เขาคงตอบได้ แต่ในแง่กฎหมายเห็นว่าไม่ขัด ซึ่ง กมธ.คงตอบเรื่องนี้เอง
โหวตฉลุยไม่มีพลิก
    ทั้งนี้ ในการประชุมสภา ได้เริ่มต้นในมาตรา 10 งบกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 4,940,473,000 บาท ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการติติงการทำหน้าที่ของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กต. จนกระทั่งเวลา 12.15 น. ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 248 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 200 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง 
    ต่อมาได้มีการพิจารณามาตรา 11 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงิน 3,551 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งข้อสังเกตของ กมธ.กันเองมากกว่า ส.ส. แต่สุดท้ายที่ประชุมก็มีมติ 244 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 210 เสียง เห็นชอบมาตรา 11 
ส่วนมาตรา 12 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วงเงิน 17,898 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซักถามในเรื่องเบี้ยยังชีพ ก่อนที่ที่ประชุมมีมติ 246 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 219 เสียง เห็นด้วย กมธ.เสียงข้างมาก
มาตรา 13 งบรายจ่ายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วงเงิน 47,890,344,600 บาท ได้มีการสอบถามถึงงบวิจัยจำนวนมาก ซึ่งน่าสังเกตว่าเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เวลา 17.40 น. หลังที่ประชุมสภาได้อภิปรายครบถ้วน ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 249 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 218 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ในช่วงค่ำ เริ่มมีการพิจารณามาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับวงเงิน 32,577,767,300 บาท ซึ่งมีทั้ง กมธ.และ ส.ส.ที่อภิปรายจำนวนมาก ก่อนที่ประชุมจะลงมติเห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมากไม่มีการพลิกแต่อย่างใด ก่อนที่ประชุมจะมีการพิจารณามาตรา 15 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงคมนาคม วงเงิน 54,622,962,200 บาท และมาตรา 16 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงาน วงเงิน 4,567,618,800 บาท
      ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงภาพรวมการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านถือว่าทำหน้าที่ได้ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดยชี้ให้เห็นถึงการจัดทำงบประมาณแบบรัฐราชการรวมศูนย์ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม รวมทั้งงบยังมีลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จัดอีเวนต์ นิทรรศการสร้างภาระ แต่งหน้าทาปาก ไม่มีความยั่งยืน บางโครงการมีลักษณะเหมือนตีเช็คเปล่า ตอบแทนรางวัลเป็นโบนัสให้กับกลุ่มผู้ร่วมสนับสนุนการทำรัฐประหาร    
สำหรับความเคลื่อนไหวของกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนั้น ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ผ่านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง โดยนายธนวัฒน์ระบุว่า อยากมาเชิญฝ่ายค้านเข้าร่วม เพื่อให้ตัวแทนของประชาชนได้ไปรับฟังเสียงของประชาชนที่งานนั้น ซึ่งมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่โดนสกัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาไม่ให้เข้ามาด้านใน โดยต้องการให้เปลี่ยนเสื้อวิ่งไล่ลุงตัวที่ใส่มาก่อน จึงเข้าไปได้ ซึ่งได้ยืนยันว่าเสื้อตัวนี้ใส่แล้วไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีข้อใดห้ามใส่เสื้อวิ่งไล่ลุง เรายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนเสื้อ 
    นายสุทินกล่าวว่า ขอบใจน้องๆ คณะผู้จัดงานที่ได้มาเชิญถึงสภา ซึ่งเรามองว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ และกระทำโดยเปิดเผย อยู่ภายใต้ข้อกฎหมายที่รองรับสิทธิขั้นพื้นฐานไว้ จึงจะไปเชิญชวนสมาชิกฝ่ายค้านให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน ส่วนตนเองติดภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัดอาจร่วมในพื้นที่แทน 
พี่ศรีเตือนพวกอีแอบ
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงประเด็นตำรวจสภาให้เปลี่ยนเสื้อกิจกรรมวิ่งไล่ลุงก่อนเข้าสภา ว่ารัฐสภาเป็นพื้นที่ของประชาชน โดยทั่วไปไม่มีประชาชนคนไหนใส่สูทผูกไทเข้ามา แต่เหตุใดผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงจึงไม่ได้รับอนุญาต หากปล่อยให้สภาใช้อำนาจโดยไร้การอ้างอิงแบบนี้ ส.ส.คงไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชน 
“เราไม่รู้ว่าวันที่ 12 ม.ค.จะเกิดอะไรขึ้น เพราะหลายพื้นที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามจัดกิจกรรม ดังนั้นเราขอยืนยันต่อประชาชนว่าจะทำเต็มความสามารถ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ หากใครถูกคุกคาม หรือสั่งห้ามเข้าร่วมกิจกรรมสามารถมาร้องเรียนกับ กมธ.ได้” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
         ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุงจำเป็นต้องแจ้งหรือขออนุญาตในการจัดงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นกิจกรรมทางการเมือง ไม่ใช่กิจกรรมทางการกีฬา ส่วนพวกที่อ้างว่าเป็นเพียงแค่กีฬานั้น เป็นพวกศรีธนญชัย 
“นักการเมืองและหรือพรรคการเมืองที่หนุนหลังไม่ควรทำตัวเป็นอีแอบคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ต้องกล้าเปิดเผยให้ประชาชนทราบ เพราะการจัดกิจกรรมทางการเมืองไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพียงแต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดเสียก่อน ไม่ใช่อ้างสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองไว้แล้วจะกระทำการอย่างใดก็ได้นั้น เป็นความคิดที่ผิด หากนักการเมืองผู้ใดพูดและส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น อาจเข้าข่ายขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษหนัก จึงขอเตือนไว้ก่อน”นายศรีสุวรรณกล่าว
    วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีการเตรียมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจว่า รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เตรียมรับมือแล้ว โดยมีการตั้งทีมขึ้นมารับมือ แต่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งไม่ใช่ตนเองแน่นอน รวมถึงไม่ใช่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ด้วย เพราะไม่ได้ถูกอภิปราย แต่ไม่ต้องห่วง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"