ชาวขอนแก่นกว่า 200 คน นัดรวมตัว 'วิ่งไล่ลุง' ชู 3 นิ้ว ไล่ "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม"


เพิ่มเพื่อน    

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ม.ค.2563 ที่บริเวณภายในสวนร่มเกล้า กัลปพฤษ์ หรือสระพลาสติก ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.ได้มีกลุ่มนักศึกษา และประชาชนรวมกว่า 200 คน ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรม RAN ไล่พุง ไร้ลุง ไร้โรค ด้วยการวิ่งออกรอบสระพลาสติก รวมระยะทาง 3.2 กม. โดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมาก อาทิ นางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน,นายอลงกรณ์  ศิลปดอนบม และนายชัชวาลย์  อภิรักษ์มั่นคง อดีต ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงคณาจารย์ และนักศึกษารวมไปถึงผู้ที่ทราบข่าวการจัดกิจกรรมร่วมวิ่งและเดินจำนวนมาก ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของ รปภ.มข.,ตำรวจ,ทหารรวมทั้งฝ่ายปกครอง ที่ประจำอยู่โดยรอบสระพลาสติกและสถานที่ขอฝการจัดกิจกรรมจำนวนมาก

ทั้งนี้ก่อนเริ่มจัดกิจกรรมนักวิ่งทุกคยได้มีการรวมตัวกันบริเวณศาลาเอนกประสงค์ เพื่อรับทราบถึงกฎ ระเบียบในการจัดกิจกรรม รวมทั้งการรับหมายเลขประจำตัวการวิ่ง หรือ BIB และการร่วมกิจกรรมไม่ว่าการชู 3 นิ้ว เพื่อบันทึกภาพ การพร้อมใจตะโกน ว่า ประยุทธ์ ออกไป และประวิทย์ ออหไป รวมทั้งการร่วมกระทืบเท้า 3 ครั้ง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์  จันโอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชานิ ให้ออกจากตำแหน่ง ก่อนที่จะพร้อมใจกันวิ่งระยะทาง  3.2  กม. เพือตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.

นางพรรณวดี  ตันติศิรินทร์ อดีต แกนนำกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวนี้เป็นการรวมตัวกันขอกลุ่มที่รักประชาธิปไตย โดยไม่ได้เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือฝักใฝ่พรรคการเมืองใด แต่เป็นการพลังของคนที่รักประชาธิปไตยและคนที่ทนไม่ได้ต่อการบริหารประเทศ ที่มี พล.อ ประยุทธ เป็นผู้บริหารสูงสุดที่นับวันมีแต่ปัญหาและไม่สามารถที่จะบริหารงานหรือแก้ปัญหาให้กับประเทศได้

"เราได้มีการตั้งกลุ่ม แลน ไล่ บักวือ ขึ้นมาด้วยเพื่อแสดงออกถึงคนที่ทนไม่ได้กับกาทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญห่ปากท้องให้กับคนทั้งประเทศได้ เพราะทุกวันนี้ทุกคนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าปัญหาภาพรวมทางเศรษฐกิจหนือปัญหาของประชาชนโดยทั่วไปนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบักวือ เป็นภาษาอีสานที่หมายถึงคนที่ฉุรเฉียว กร้าวร้าว พูดไม่ฟัง ดื้อด้าน พูดมิรู้ความและไม่ฟังใคร ซึ่งวันนี้มีการทำเสื้อ กลุ่ม แลน ไล่ บักวือ ที่ทำขึ้นจำหน่ายเฉพาะงานนี้เท่านั้น"

นางพรรณวดี กล่าวต่ออีกว่า การพร้อมใจกันของคนขอนแก่นที่มาวิ่งไล่ลุง ครั้งนี้ทุกคนมาด้วยใจ ไม่เหมือนบางกลุ่มที่ออกมาวิ่งเชียร์ลุง ที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นการจัดฉาก และใครเป็นคนทำ จึงขอยอกเลยว่าอย่าทำเพราะมันตลก ใครดูใครเห็นก็ดูออกว่าใครทำและทำไปทำไม

12 มกราคม 2563 เวลา 17.00 น.ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา (สวนใหม่) อบจ.สุรินทร์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมงาน “วิ่งไล่ลุง”  กว่า 50 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุรินทร์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ กว่า 100 นาย ตั้งด่านเข้ม ทางเข้า-ออก คอยอำนวยความสะดวก และ รปภ. เข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันการก่อเหตุความรุนแรง จี้ตามประกอบทุกฝีก้าว เพื่อรายงานความเคลื่อนไหวผู้บังคับบัญชาระดับสูง ขณะที่ยังมีประชาชนทั่วไป นำน้ำเปล่า มอบแจกให้กำลังใจ ผู้ร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” เพื่อประชาธิปไตยในครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจาก้ป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองครั้งแรก หลังมีการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่มาร่วมงาน มีทั้ง ประชาชน คนหนุ่ม คนสาว นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตมวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.สุรินทร์ อดีต ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ พรรคอนาคตใหม่(อนค.) และสมาชิกกลุ่มอนาคตใหม่สุรินทร์ พร้อมครอบครัว แกนนำนักเคลื่อนไหว หรือ NGOs เป็นต้น โดยทุกคนสวมใส่เสื้อยืดสีขาว และสีส้ม มีรูปการ์ตูน นายพล พร้อมข้อความระบุว่า “ไล่ TO ทิ้ง”

 น.ส.พักตร์วิไล สหุนาฬุ ในนามประชาชนคนสุรินทร์ผู้รักประชาธิปไตย กล่าวว่า ประชาชนทุกคนย่อมมีสิทธิในการแสดงออก อย่างวันนี้ที่นี่ก็เป็นสถานที่วิ่งออกกำลังกายกันอยู่แล้ว เราจึงใช้การออกกำลังกายแสดงออกทางการเมือง เป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ เป็นไปตามกฎหมายแน่นอน แล้วที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาบอกว่า แจ้งความให้ทราบ มันเป็นแค่การแจ้งให้ทราบ ไม่ใช้เฉพาะคนเราเท่านั้นที่วิ่งในวันนี้ มีการวิ่งไล่ลุงทั้งประเทศ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"