จับพ่อค้าเสื้อผ้าส่งออกชาวไต้หวัน ฆ่าบีบคอเมียชาวจีนยัดศพใส่กระเป๋าเดินทางนำไปโยนทิ้งชายทะเลบางแสน  สาเหตุทะเลาะกันเรื่องจะให้ลูกที่เพิ่งคลอดถือสัญชาติอะไร
    เมื่อวันที่ 12 มกราคมนี้ พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี สั่งการให้ตำรวจ บก.ภ.ชลบุรี สนธิกำลังร่วมกับ สภ.ศรีราชา เข้าปิดล้อมคอนโดราชาแลนด์แอนด์เฮาส์ หมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ก่อนเข้าตรวจค้นที่ห้องเช่าหมายเลข 301 ชั้น 3 จับกุมนายลู่ จื่อหยาง อายุ 38 ปี สัญชาติไต้หวัน ดำเนินคดีข้อหาฆ่า น.ส.เลี่ยว ลี่ลี่ อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ผู้เป็นภรรยา ก่อนควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สภ.ศรีราชา
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา มีผู้พบศพหญิงสาว สัญชาติจีน อายุไม่เกิน 30 ปี สวมเสื้อลายทหาร นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าเอซิค สีขาว สภาพถูกมัดมือมัดเท้ามัดศีรษะ ยัดอยู่ในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน เหตุเกิดที่ชายหาดบางพระ หมู่ 3 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยกระเป๋ายัดศพดังกล่าว ถูกนำไปทิ้งทะเล ก่อนที่จะลอยขึ้นมา
    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุลงมือฆ่าหญิงสาวในครั้งนี้ คือ นายลู่ จื่อหยาง สามีของเธอเอง โดยหลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ มาจากการซื้อของ 3 สิ่งพร้อมกัน คือ เทปกาวสีเหลือง เชือกสีขาว สีเขียว และถุงดำ ที่ร้านขายอุปกรณ์ช่าง ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงวางแผนจับกุมได้ในที่สุด
    ภายหลังการสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด ในที่สุดนายลู่ จื่อหยาง ก็ให้การรับสารภาพว่า ฆาตกรรมภรรยาจริง สาเหตุมาจากปัญหาการทำธุรกิจขายเสื้อผ้าส่งออกที่ทำกันในครอบครัวและเพื่อนสาวของภรรยา จนเกิดทะเลาะกันบ่อยครั้ง ขณะเดียวกันยังมีปากเสียงเรื่องการถือสัญชาติของลูกน้อย วัย 3 เดือน ด้วยว่าจะเป็นสัญชาติใด 
    กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ก็เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงอีกในเรื่องสัญชาติลูก ซึ่งนายลู่ จื่อหยาง อยากให้ลูกถือสัญชาติไต้หวัน แต่ภรรยาต้องการให้ถือสัญชาติจีน จนกลายเป็นเหตุรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ ซึ่งนายลู่ได้บีบคอ น.ส.เลี่ยว จนเสียชีวิต จากนั้นได้ไปซื้อเทปกาวสีเหลือง เชือกสีขาว เชือกสีเขียว และถุงดำ ที่ร้านขายอุปกรณ์ช่างภายในห้างพื้นที่ ต.ศรีราชา ก่อนจะนำศพยัดใส่กระเป๋าแล้วนำขึ้นท้ายรถเก๋งฮอนด้า สีขาว นำไปโยนทิ้งชายทะเลบางแสน ซึ่งนายลู่เชื่อมั่นว่าตัวเองจะพ้นผิด จึงยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จนกระทั่งถูกจับในที่สุด.