‘สุทิน’รับพท.จิบไวน์กับรัฐบาล


เพิ่มเพื่อน    

 สุทินรับผู้ใหญ่ในพรรคจิบไวน์ร่วมกับรัฐบาล แต่ต่างมีจุดยืนไม่ซูเอี๋ยแน่ ชี้จะอภิปราย “บิ๊กป้อม” ต้องมีข้อมูล ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกพ่นน้ำลายแบบจั่วลม เพราะตอนนี้ไม่มีหลักฐานน็อกได้ “บิ๊กตู่” ลั่นไม่มียุบสภาหนีอภิปรายแน่ “แรมโบ้” ดีดปากอนุสรณ์มีหัวไว้ให้แค่ผมงอก ปูดข่าวไม่รู้จักคิดทำลายการค้า-การลงทุนประเทศ กกต.คาดเลือกตั้งซ่อมแทนไวพจน์อาทิตย์ 23 ก.พ.

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม ยังคงมีความต่อเนื่องในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน โดยคงไม่ต่างจากเดิม แต่อาจมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายขึ้นมา 1-2 คน ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากข้อมูลไหลเข้ามาเรื่อยๆ บางอย่างมีเงื่อนเวลาต้องรอข้อมูล คาดว่าจะมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายประมาณ 5-7 คน 
“ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะถูกอภิปรายด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา และต้องแยกแยะว่าจะมีหลักฐานมัดตัวเอาผิดได้หรือเป็นแค่ความรู้สึก ถ้าพูดถึงความรู้สึกหลายคนอยากอภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่ถ้าดูหลักฐานอาจไม่เหมือนความรู้สึก ฝ่ายค้านไม่อยากให้การอภิปรายเป็นแบบจั่วลม จึงต้องให้มีหลักฐานมากที่สุด แม้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยอยากอภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่ต้องเอาข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่มีแต่ความรู้สึก แต่ไม่มีหลักฐาน ทั้งนี้ กรณี พล.อ.ประวิตรยังไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงขนาดที่จะน็อกได้ แต่เราก็พยายามหาข้อมูลกันอยู่”นายสุทินกล่าว
    สำหรับกระแสข่าวว่ามีการล็อบบี้ผู้ใหญ่ในพรรค พท.ไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตร นายสุทินกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มี เป็นแค่ข้อสันนิษฐาน และระแวงกันไปเอง เพราะผู้ใหญ่ของพรรคคุยกันได้ทุกฝ่าย แต่ทุกคนก็ต้องมีจุดยืนของตัวเอง ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเราก็คุย มีการดื่มไวน์ร่วมกัน แต่ไม่ใช่ว่ากินแล้วจะซูเอี๋ยกันทุกครั้ง
    “วันอภิปรายนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องกี่วัน แต่ฝ่ายค้านเห็นว่าอย่างน้อยต้อง 3 วัน ถ้าไม่จบก็ต่อไปจนจบ โดยในวันที่ 20 ม.ค. ฝ่ายค้านจะประชุมสรุปครั้งสุดท้ายว่าจะยื่นอภิปรายใครบ้าง โดยคาดว่าจะยื่นได้ในวันที่ 21-22 ม.ค.นี้ ซึ่งฝ่ายค้านอยากอภิปรายช่วงต้นเดือน ก.พ. แต่รัฐบาลบอกว่าสะดวกในช่วงหลังวันที่ 10 ก.พ.” นายสุทินระบุ
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจเข้าใจผิดว่าปัญหาวิกฤติศรัทธาของรัฐบาลมาจากการไม่สามารถสื่อสารนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชนได้ จนมีกระแสข่าวเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาล ซึ่งหากปลดจริงก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาไม่มีผลงานของรัฐบาลได้ แนวทางแก้ไขที่ควรเร่งดำเนินการคือ เร่งผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด 
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ความกลัวทำให้เสื่อม สัญญาณความเสื่อมถอยของรัฐบาลและพรรคร่วมเริ่มออกอาการเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ อาการเลือดไหลไม่หยุด สมาชิกพรรคทยอยลาออกแทบทุกวันเพื่อไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ รองรับการเลือกตั้งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปัญหาเกาเหลาระหว่างรัฐมนตรีต่างพรรค ต่างจองกฐินรอเวลาเอาคืนซึ่งกันและกัน การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป้าใหญ่อยู่ไม่ได้ เครือข่ายระบอบประยุทธ์ก็ต้องพ้นไปทั้งหมด นาทีนี้ พล.อ.ประวิตรไม่น่าจะมีบารมีพอในการไปล็อบบี้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เพราะแม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ยังไม่รู้ว่าสามารถคุยกับใครแล้วมีเครดิตน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ 
     “พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา แค่คิดว่าจะอยู่ได้อย่างไรถ้าประชาชนเห็นแผลทุจริตของรัฐบาลเต็มไปหมด" นายอนุสรณ์กล่าว
ลั่นไม่มียุบสภา
      ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามถึงกระแสข่าวยุบสภาเพื่อเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในช่วงบ่าย หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธสั้นๆ ว่า "ไม่มี ไม่มียุบเยิบอะไรทั้งนั้น ใครไปพูดล่ะ"
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งในงานวันครู ว่าการทำอะไรก็ตามต้องไม่เกิดผลกระทบกับคนอื่น นั่นคือกฎหมายที่สำคัญรองลงมาจากรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญใช้เพื่ออะไร ทำเพื่ออะไร ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญก็ทะเลาะขัดแย้งกัน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมากันอยู่อย่างนี้ ตนเองไม่ได้ขัดแย้ง ถ้าจะเปลี่ยนหรือจะแก้ ก็ไปว่ากัน แต่ถามว่าเราได้ทำตามกฎหมายที่รองลงมาแล้วหรือยัง นั่นคือประเด็นสำคัญ การทำอะไรก็ตามในระบอบประชาธิปไตยจะต้องไม่เดือดร้อนผู้อื่น เพราะมันทำลายโอกาสของคนอื่น เป็นสิ่งที่อยากจะเน้นย้ำให้ครูได้ถ่ายทอดด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหากระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน
    พล.อ.ประวิตรยิ้มและถามกลับถึงกระแสยุบสภาว่า ใครคิด ถ้าเขาคิดคนเดียวก็ว่าไปคนเดียว จะไปยุบสภาเรื่องอะไร ไม่มีหรอก และคนที่พูดเรื่องนี้เขาไม่มีอำนาจในการยุบสภาอยู่แล้ว คนยุบสภาคือนายกฯ คนเดียว”
    เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไร เราทำงานด้วยความโปร่งใส ตามกฎหมายทุกอย่าง ก็ตอบไปตามนั้น เราไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย
        นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นได้ข่าวอะไร ซึ่งข่าวลือขณะนี้เยอะมาก พรรคไม่ค่อยฟังข่าวลือ เราเอาสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ให้ออกมาเป็นข่าวดีกว่า เราไม่ถนัดเรื่องข่าวลือ ใครจะไปลืออย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับตนเองทำงานเหมือนกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีสภาอยู่ ดังนั้นจะยุบสภาหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ไม่สนใจ สนใจแค่ว่าวันนี้เหลือเวลาทำงานอะไรให้ได้มากเท่าไหร่  เวลาที่เหลืออยู่เราสามารถทำงานให้รัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากจะพะวงกันแค่เรื่องยุบสภา หรือจะปรับ ครม.หรือไม่นั้น  เชื่อว่ารัฐมนตรีแต่ละคนคงไม่มีกะจิตกะใจทำงาน สู้เอาเวลามาทำงานดีกว่า จะยุบก็ยุบไม่เป็นไร หรือถ้าไม่ยุบเราก็ทำงานต่อ ดังนั้นไม่เอามาเป็นประเด็นเพราะเห็นว่าเป็นข่าวลือ
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์อ้าง พล.อ.ประยุทธ์จะชิงยุบสภาเพื่อหนีการอภิปราย ว่าไม่เป็นความจริง นายกฯ ไม่มีความคิดเช่นนั้น และไม่เคยกลัวหรือคิดหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่อย่างใด เพราะตลอดเวลาของการเป็นผู้นำบริหารงานบ้านเมืองที่ผ่านมา นายกฯ ไม่มีประวัติด่างพร้อยในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการแผ่นดิน มีแต่นโยบายที่ดีๆ สู่พี่น้องประชาชน ปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน จึงมีภาพพจน์ประวัติมือขาวสะอาด ไม่ด่างพร้อยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเหมือนผู้นำบางคนบางพรรคในอดีต ที่คนไทยเรียกว่ากินมูมมามจนล้นปากหกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนจนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พี่น้องคนไทยทั้งประเทศทราบกันดี 
แรมโบ้โต้เดือดอนุสรณ์
    “การที่พรรคฝ่ายค้านสร้างวาทกรรมอ้างว่ายุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นสิ่งที่พูดไม่รู้จักคิดว่าจะเกิดความเสียหายตามมาต่อภาพพจน์การลงทุนและทำลายความเชื่อมั่นต่อภาวะการลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจลงทุนได้ ยิ่งซ้ำเติมทำความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น พฤติกรรมที่ให้ข่าวโดยไม่รักบ้านรักเมือง มีสมองไม่รู้จักคิดเช่นนี้ สุภาษิตบอกว่ามีสมองเอาไว้เพียงแค่ให้ผมงอก คิดเป็นอย่างเดียวว่าจะทำลายล้าง เตะตัดหน้าแข้งฝ่ายตรงข้ามอย่างไร บ้านเมือง เศรษฐกิจ ประเทศชาติ ประชาชนจะเดือดร้อน จะเสียหายพังพินาศย่อยยับอย่างไร ช่างหัวมันอย่างนั้นใช่ไหม” นายสุภรณ์กล่าว
นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า กว่า 10 ปีที่ผ่านมามีการชุมนุม มีพรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังเหล่านี้ก็เคยทำให้ประเทศชาติเศรษฐกิจพังย่อยยับมาแล้ว คิดได้อย่างเดียวประเทศไม่ใช่ของฝ่ายตนคนเดียว จะพังพินาศฉิบหายช่างมันอย่างนั้นไหม ดังนั้น ขอเตือนสติคนที่ไปกุข่าวปล่อยข่าวว่านายกฯ ชิงยุบสภาหนีการอภิปรายนั้น เอาสมองส่วนไหนมาคิด และนายกฯ ไม่มีความคิดเช่นนั้นแน่นอน เพราะเชื่อมั่นว่านายกฯ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้ทุ่มเททำงานรับใช้บ้านเมืองประเทศชาติประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
    ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว ที่ประชุมได้แจ้งถึงการสิ้นสภาพ ส.ส.ของนายกรณ์ จาติกวณิช ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ซึ่งศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท โดยไม่รอลงอาญา ทำให้ในขณะนี้มี ส.ส. 497 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งไม่น้อยกว่า 249 คน
    รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประสานไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้รัฐบาลเสนอทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้เลือกตั้งเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชรแทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งคาดว่าจะเข้าพิจารณาในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า โดยเมื่อ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใช้บังคับแล้ว ภายใน 5 วัน กกต.จะประชุมและประกาศวันเลือกตั้ง วันสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดเปิดรับสมัครในวันที่ 29 ม.ค.-2 ก.พ. และกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ.เป็นวันเลือกตั้ง
    ด้าน พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรค พปชร.เตรียมบุคคลที่จะลงสมัครแล้ว โดยเป็นนายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ลูกของ พ.ต.ท.ไวพจน์ ซึ่งคิดว่าจะเก็บเสียงกลับมาเป็นของพรรค พปชร.ได้
“ทั่นโรม”สุดยิ่งใหญ่
        วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แถลงถึงกรณี กมธ.ได้ออกหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มาให้ข้อมูลกรณีละเมิดสิทธินักศึกษาและนักกิจกรรมการเมือง แต่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ทำหนังสือเพื่อให้ ผบ.ทบ.ชี้แจงแทน และได้ส่งเป็นหนังสือ ว่าทำโดยถูกต้องตามกฎหมายและทำตามหน้าที่ กมธ.เห็นว่าเอกสารที่ส่งมาไม่เพียงพอต่อการชี้แจง เพราะส่งมาเพียง 1 หน้ากระดาษเท่านั้น กมธ.จึงสรุปว่าในคราวต่อไปจะเชิญทั้ง 4 มาชี้แจงอีกครั้ง และหากไม่มา กมธ.จำเป็นที่จะต้องใช้พระราชบัญญัติคำสั่งเรียก เราหวังว่าจะไม่ต้องถึงขั้นนั้น
        นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงกรณีกิจกรรมวิ่งไล่ลุงว่า กมธ.พบว่ามีการคุกคามนักศึกษาและประชาชนทั่วประเทศ กมธ.จึงมีความเห็นว่าต้องมีการสอบสวนและซักถามเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.พะเยาและ จ.นครศรีธรรมราช โดยมี 3 คนที่จะเชิญมาซักถาม คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ ผกก.เมืองพะเยา โดยจะเชิญมาซักถามในวันที่ 22 ม.ค.เวลา 09.30 น.
    ส่วนที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญานัดฟังคำสั่งคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และพวก ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช. และคดีที่พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน บก.ปอท. นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค อนค.พิจารณาสั่งฟ้องในความผิดฐานดูหมิ่นศาล กรณีวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญหลังมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยมีนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายธนาธรและนายปิยบุตร เดินทางมารับทราบคำสั่งคดี ซึ่งอัยการได้เลื่อนการฟังคำสั่งออกไปก่อนทั้ง 2 คดี และนัดฟังคำสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 20 ก.พ.2563 เวลา 10.00 น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"