๒๑ มกรา 'มีใครจะลาบวช?'


เพิ่มเพื่อน    

    วันนี้...จันทร์ที่ ๒๐ มกรา ๖๓
    ผมว่า......
    คนฉีกปฏิทินไปรอพรุ่งนี้ "อังคารที่ ๒๑ มกรา" กันหมดแล้ว 
    เพราะตอนเวลา ๑๑.๓๐ น.
    ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัยคำร้องที่ "นายณฐพร โตประยูร" ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่
    และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ กก.บห.พรรคอนาคตใหม่
    คดีนี้ นายณฐพร ยื่นคำร้องศาลฯ เมื่อ ๑๕ พ.ค.๖๒
    พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้ถูกร้อง ที่ ๑
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ ๒
    นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ ๓ 
    คณะ กก.บห.พรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ ๔
    ๑๘ มิ.ย.๖๒ นายณฐพร ยื่นคำร้องเพิ่มเติม 
    ระบุ "พรรณิการ์ วานิช" โฆษกพรรค........
    มีพฤติกรรม แสดงออกต่อต้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย 
    แต่ละคำร้อง นายณฐพร ได้นำพยานหลักฐาน เอกสารต่างๆ ยื่นประกอบด้วย รวมแล้วกว่าร้อยหน้า
    พูดกันตรงๆ...........
    สังคมชนทั่วไป ไม่ค่อยทราบหรอกว่า ในคำร้องนั้น มีเนื้อหาด้วยหลักฐาน "ขนลุก-ขนพอง" อย่างใดบ้าง? 
    ขยำรวมแต่ว่า "ธนาธร-ปิยบุตร" ถูกฟ้อง..........
    มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    โทษถึงขั้น "ยุบพรรค"!
    บวกกับธนาธร-ปิยบุตร ฉลาดที่จะใช้ช่องว่างในความไม่รู้เนื้อหาของชาวบ้าน นั้น
    เลือกหยิบผักชีมาชี้ทำนองว่า "มีแต่ผัก...ไม่มีเนื้อ" มาฟ้อง เช่น หยิบแค่คำ "อิลลูมิเนติ" ปั้นเป็นวาทกรรมลากจูงให้คนเข้าใจว่า
    เนี่ย....แค่เนี้ย ไม่เห็นมีอะไร จะเอากันถึงยุบพรรคเลยหรือ?
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายปิยบุตรยังสร้างกระแสสรุป ทั้งปลุกเร้า ทั้งข่มขู่สังคม
    -นายณฐพรเอาเรื่องราวต่างๆ ผูกเข้ามา แล้วตีขลุมว่าธนาธรและผม มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง บ้าง
    -ที่นายณฐพรดำเนินการมาทั้งหมด เท็จทั้งสิ้น บ้าง
    -ฆ่าตัดตอนพรรคอนาคตใหม่ด้วยวิธีการยุบพรรค บ้าง
    ฉะนั้น วันนี้............
    จะสรุปเนื้อหาในคำร้องบางช่วงมาให้ทราบกัน เพื่อจะได้ฟังคำตัดสินพรุ่งนี้แบบ "คนมีภูมิ" คุ้มกัน
    จะได้ไม่ถูกพวก "คดในข้อ-งอในชาติ" บิดประเด็น ลากจูงไปผสมโรง "ชังชาติ"
    นายณฐพร ยื่นคำร้องให้ศาลฯ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ด้วยข้อเท็จจริง ๕ ข้อ สรุปจากบางประเด็น ดังนี้
    ข้อที่ ๑ เหตุผลที่ร้อง เพื่อป้องกันมิให้กลุ่มบุคคลใด ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้
    ประกอบได้ติดตามพฤติกรรมกลุ่มนิติราษฎร์ ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จนมารวมตัวกันตั้งเป็นพรรคการเมือง ก็ได้ข้อสรุปว่า
    กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ยังมีแนวความคิด วัตถุประสงค์ ที่จะล้มล้างระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยสั่งการ 
    ให้ผู้ถูกร้องทั้งสี่หยุดกระทำการดังกล่าว และมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ 
    โดยมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พยานหลักฐาน ประกอบคำร้อง สรุปดังต่อไปนี้
    ข้อที่ ๒ ปัญหามีว่า......
    -ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ชอบด้วย พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕  หรือไม่?
    เพราะไม่มีข้อความส่วนใดเลยที่แสดงการยอมรับความเป็น "การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
    ซึ่งโดยที่เหตุที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทุกฉบับที่ผ่านมา และฉบับปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
    จึงได้บัญญัติข้อความดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านๆ มา จนถึงฉบับปัจจุบันดังกล่าว    
    แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ มีเจตนาที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลง ดังที่ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของพรรค โดยใช้ข้อความว่า
    "หลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ"
    ที่ไม่มีคำว่า "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
    จึงเป็นกรรมที่แสดงเจตนา ที่ต้องการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับแนวคิดและนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ที่ไม่มีคำว่า "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ดังกล่าว
    และเมื่อนำข้อบังคับพรรคของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาพิจารณา 
    จะเห็นได้ว่า ข้อบังคับของทุกพรรคการเมือง มีข้อความระบุถึง "การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" 
    นี่แสดงให้ประจักษ์ถึงเจตนาของพรรคอนาคตใหม่ ว่าเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากรัฐธรรมนูญ
    และยังมีข้อเท็จจริงสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ กรณีนายธนาธร ปราศรัยว่า "จะฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ"
    นายปิยบุตร แสดงทัศนคติ และแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ ต่างกรรม-ต่างวาระ 
    เช่น เมื่อปี ๕๕ ในงานเสวนา เรื่องเสรีภาพนิสิต-นักศึกษา ในพระปรมาภิไธย ที่คณะรัฐศาสตร์  จุฬาฯ ปิยบุตรเคยแสดงความคิดเห็น ว่า
    "สถานะสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีอำนาจมากเกินควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย"
    และยังแสดงทัศนะด้วยว่า............
    "สถาบันพระมหากษัตริย์จำเป็นต้องปรับตัวให้อยู่ได้กับประชาธิปไตย โดยแยกการใช้อำนาจจากรัฐให้เป็นเพียงหน่วยทางการเมืองหน่วยหนึ่ง ซึ่งทำให้กษัตริย์ไม่สามารถใช้อำนาจใดๆ ผ่านรัฐได้อีกต่อไป
    โดยในทางรูปธรรมนั้น หมายถึงการไม่อนุญาตให้กษัตริย์สามารถทำอะไรเองได้ เนื่องจากผู้ที่รับผิดชอบ คือผู้สนองพระบรมราชโองการ 
    รวมถึงการไม่อนุญาตให้กษัตริย์แสดงพระราชดำรัสต่อสาธารณะ และต้องสาบานต่อรัฐสภาในฐานะประมุขว่า จะพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ"
    ข้อที่ ๓ การแถลงนโยบายพรรค ๑๖ ธ.ค.๖๒ ในงานเปิดวิสัยทัศน์ เปลี่ยนอนาคต "นายปิยบุตร"  แสดงความคิดเห็นในหัวข้อ
    "ปักธงประชาธิปไตย ล้างมรดกรัฐประหาร สร้างการเมืองแบบใหม่ เจ้านายคือประชาชน" ปิยบุตรกล่าวว่า
    "เราจะลงนามสัตยาบันกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เป็นเกราะคุ้มกัน...ฯลฯ....
    ถ้าประเทศไทยดำเนินการให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม อันส่งผลเป็นการรับรองเขตอำนาจของศาลระหว่างประเทศ เท่ากับลดความคุ้มกันในการละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ที่มีอยู่ในกฎหมายไทย
    และถ้ามีผู้ไม่หวังดี ฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กล่าวหาประมุขของประเทศไทย ในข้อหาฐานความผิดต่างๆ 
    อาจมีผลกระทบต่อพระมหากษัตริย์ของเราได้ ทั้งที่พระองค์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งใดๆ ทั้งปวง  โดยที่ประเทศไทยไม่สามารถป้องกันได้เลย"
    จากข้อเท็จจริงที่นำเสนอ........
    การแถลงนโยบายของพรรคอนาคตใหม่, นายธนาธร, นายปิยบุตร และ กก.บห.พรรค ขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๑๕(๓)
    ซึ่งตรงนี้ ทำให้ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ มีลักษณะที่
    "เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" และตามมาตรา ๑๔(๑)(๒)(๓)
    จึงเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่เป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร และราชบัลลังก์
    และถือได้ว่า เป็นการลบล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๙ ประกอบมาตรา ๙๒(๑) พ.ร.ป.พรรคการเมือง  พ.ศ.๒๕๖๐
    และเป็นการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา ๙๒(๒)
    ข้อ ๔ สัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ ที่มีลักษณะสามเหลี่ยมด้านเท่ากลับหัว จะพบว่ามีความเหมือนกับสมาคมอิลลูมิเนติ
    เชื่อกันว่าสมาคมอิลลูมิเนติอยู่เบื้องหลังการล้มล้างการปกครองด้วยระบบกษัตริย์ของหลายๆ ประเทศในทวีปยุโรป รวมถึงการประกาศอิสรภาพของอเมริกา ในปี ๑๗๗๖
    จากสัญลักษณ์ แสดงให้เห็นเจตนาของพรรคอนาคตใหม่ที่ซ่อนเร้นวัตถุประสงค์แท้จริงของพรรค 
    และพิจารณาพฤติกรรมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ข้อสรุปว่า พรรคอนาคตใหม่ มีวัตถุประสงค์ยึดถือปรัชญาความคิดอิสระ ไม่เชื่อถือความคิดเก่าๆ ที่สั่งสอนกันมา เช่น
    -ล้มเลิกการกราบไหว้เคารพครูอาจารย์ตามประเพณี
    -ล้มเลิกการยิ้มของคนไทยที่เป็นยิ้มสยาม 
    ซึ่งนายธนาธรมองว่าไม่มีจุดยืน ไม่มีเหตุผล เป็นการเหยียดหยามสัญลักษณ์ประชาชาติไทย ซึ่งไม่เป็นที่พอใจของคนจำนวนมาก
    -ไม่ต้องหมอบกราบพระเจ้าองค์ไหน พระเจ้าองค์เดียวที่จะช่วยเราได้ในอุตสาหกรรมระดับโลก คือพระเจ้าแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    -ไม่ต้องหมอบกราบพระเจ้าองค์ไหน หรือบริจาคเงินให้ผู้วิเศษองค์ใด
    -ล้มเลิกการอุปถัมภ์ทุกศาสนาในประเทศไทย
    สิ่งเหล่านี้เกิดจากการให้สัมภาษณ์ของนายธนาธรและตรงกับปรัชญาความคิดของสมาคมอิลลูมิเนติ
    เมื่อนำมาพิจารณาความคิดของนายปิยบุตร ที่เป็นสมาชิกของนิติราษฎร์ และมีความพยายามที่จะโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ถือเป็นปรัชญาความคิดอิสระของสมาคมดังกล่าว 
    ซึ่งอยู่เบื้องหลังในการล้มระบอบการปกครองแบบกษัตริย์ในหลายประเทศในทวีปยุโรป
    และต่อมาอิลลูมิเนติ เป็นองค์กรลับที่รู้จักกันไปทั่ว เป้าหมายคือ การล้มล้าง หรืออีกนัยหนึ่งคือ การปฏิวัติความเชื่อใหม่ๆ
    ข้อ ๕ การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่ จึงขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๔๙ กล่าวคือ........
    "บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้"
    จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอนุญาต
    ๑.ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ขัดต่อตัวบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐  ตามมาตรา ๔๙ วรรคแรก
    บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ วรรคสอง ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
    ประกอบกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๑๔(๑) ข้อบังคับ ต้องไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ 
    ให้วินิจฉัยว่า ข้อบังคับของพรรคเป็นโมฆะ หรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
    ๒.วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องทั้งสี่กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ 
    โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๙๒(๑)(๒)
    ๓.มีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งนายธนาธร หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร เลขาฯ พรรค และ กก.บห.พรรค 
    นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งวินิจฉัย ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๙๒(๑)(๒) ว่าพรรคการเมืองกระทำการตามวรรคหนึ่ง
    ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ กก.บห.พรรคอนาคตใหม่
    ครับ.....
    นี่คือ ๑ ใน ๑,๐๐๐ ของเนื้อหาในคำร้องนายณฐพร ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรค
    พรุ่งนี้ ๒๑ มกรา รู้กัน "ยุบ-ไม่ยุบ"
    นี่...ขนาดยังไม่รู้คำตัดสิน มันยังบังอาจยกตนขึ้นไปตีราคาเทียบสถาบัน ถึงขั้นนี้
    "ถ้ายุบ" ล่ะ....
    แหม...อยากเห็น!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"