โอกาสขายในตลาดโลกสวย


เพิ่มเพื่อน    

        ใครกำลังมองหากลยุทธ์หรือกลุ่มเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายตั้งแต่ต้นปี ลองมาดูข้อมูลจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) กับงานวิจัยการตลาดโลกสวย Voice of Green : เพื่อโลก เพื่อเรา จากกลุ่มผู้บริโภค จำนวน 1,252 คน พบว่าผู้บริโภคจำนวน 74% มีโอกาสเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีจำนวนผู้บริโภคถึง 37.6% เป็นกลุ่มผู้บริโภคเพื่อโลกสวยที่มองหาเฉพาะผลิตภัณฑ์อีโค่เท่านั้น

                ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวเป็นกลุ่มอายุ 55-73 ปี และอายุ 39-54 ปีสูงสุด โดยกลุ่มสินค้าที่มาแรงในปี 2563 ได้แก่ สินค้าที่ใช้วัตถุดิบย่อยสลายง่ายและกลับมาใช้ซ้ำ สินค้าหรือบริการที่ใช้พลังงานสะอาด สินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  สินค้าอีโค่มีดีไซน์ตอบสนองคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ปัจจุบันในประเทศไทยมีกลุ่มผู้บริโภคโลกสวย แบ่งเป็น 4 ประเภท แบ่งเป็น 1.สายกรีนตัวแม่ จำนวน 37.6% 2.สายกรีนตามกระแส จำนวน 20.8% 3.สายสะดวกกรีน จำนวน 15.7% และ 4.สายโนกรีน จำนวน 26.0%

                บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวโน้มตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และบริการที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงทัศนคติการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้โลกสวยด้วยไลฟ์สไตล์รักษ์โลกของตัวเอง ส่งผลให้ทุกธุรกิจเผชิญความท้าทาย และต้องเร่งปรับกลยุทธ์การตลาดให้เท่าทันเทรนด์รักษ์โลกของกลุ่มผู้บริโภคโลกสวยในยุคปัจจุบัน

                จากข้อมูลงานวิจัยการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภค จำนวน 1,252 คน พบว่า ผู้บริโภคจำนวน 74% มีทัศนคติที่ให้ความสำคัญ และใส่ใจต่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์อีโค่แบรนด์ การลดการใช้ถุงพลาสติก การพกแก้ว หลอดไปที่ร้านอาหารเอง เป็นต้น อีกทั้งมีผู้บริโภคจำนวนถึง 37.6% ที่เป็นสายกรีนตัวแม่ ที่พร้อมจะใช้จ่ายเงินไปกับสินค้า และบริการเพื่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นโอกาสทองของธุรกิจที่ต้องเร่งพัฒนากลยุทธ์การตลาด เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคโลกสวยเหล่านี้

                สำหรับในประเทศไทยมีการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลายาวนาน แต่ยังไม่เกิดผลในเชิงประจักษ์ เนื่องจากมักมีการรณรงค์เป็นช่วงสั้นๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดเป็นกระแส โดยในปี 2563 มีแนวโน้มที่เทรนด์รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมจะกลับมาเป็นที่สนใจเพิ่มขึ้น จากนโยบายงดแจกถุงพลาสติกในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้รับเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน และผู้ประกอบการที่หลากหลาย เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งที่นักการตลาดจะเร่งดึงกลยุทธ์การทำการตลาดโลกสวยที่น่าสนใจออกมาสอดรับกับนโยบายดังกล่าว

                กลยุทธ์การทำการตลาดโลกสวย ที่จะช่วยทำให้กลุ่มผู้บริโภคสายโนกรีน และสายสะดวกกรีน ตระหนักถึงการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ได้แก่ กลยุทธ์เอ็นไว (ENVI Strategy) ประกอบด้วย 1.ปลูกฝังจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ (E: Early) ที่ยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม 2.ปัญหาสิ่งแวดล้อมควรแก้ไขทันที (N: Now or Never) เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้บริโภคที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อย

                ต่อมาข้อ 3.สื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง (V: Viral) นักการตลาดควรใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง และแพร่หลาย (viral) 4.ใช้นวัตกรรมในการผลิตเพื่อสิ่งแวดล้อม (I: Innovative) การดึงนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ การใช้วัตถุดิบสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติอนุรักษ์มากขึ้น การใช้ระบบดิจิทัลในการผลิต เป็นต้น

                ผลการวิจัยยังระบุอีกว่า “องค์กรธุรกิจ” เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคจับตามองมากขึ้น องค์กรที่ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงใจ มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคในปี 2563 ประกอบด้วยธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการเหล่านี้ ได้แก่ สินค้าที่ใช้วัตถุดิบย่อยสลายง่ายและกลับมาใช้ซ้ำ สินค้าหรือบริการที่ใช้พลังงาน สินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสินค้าอีโค่มีดีไซน์ตอบสนองคนรุ่นใหม่เช่นกัน. 

รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"