ชี้ชะตาอนาคตใหม่ ลุ้นศาลรธน.อ่านคำวินิจฉัย/ป้ายสีชนชั้นนำ


เพิ่มเพื่อน    

  จับตาชี้ชะตา “พรรคอนาคตใหม่” ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคดีล้มล้างการปกครอง 21 ม.ค.  เวลา 11.30 น. “น้องช่อ” เผยธนาธรพร้อมสมาชิกไม่ไปฟัง แต่จะสุมหัวดูคำวินิจฉัยที่พรรค ขู่ต้องตอบคำถามหากทำลายเจตจำนงประชาชนเป็นล้าน “ชาญวิทย์” โผล่โพสต์เฟซบุ๊กคงไม่รอดน้ำมือ-น้ำตีนชนชั้นปกครองไทย อึ้ง! แอมเนสตี้ร่อนแถลงการณ์บี้ไทยเลิกรังแกส้มหวาน เหิมเกริมติงกระบวนการยุติธรรมไทยถูกใช้กลั่นแกล้งทางการเมืองตั้งแต่ยุบไทยรักษาชาติจนถึงพรรคพ่อฟ้า

ในวันอังคารที่ 21 มกราคม เวลา 11.30 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ผู้ถูกร้องที่ 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ผู้ถูกร้องที่ 2 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. ผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.)  พรรค อนค. ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ทั้งนี้ในวันจันทร์ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเริ่มนำรั้วเหล็กมาตั้งเพื่อกันพื้นที่บริเวณลานกิจกรรมอาคารเอ ศูนย์ราชการฯ ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณศาล รวมทั้งนำจอภาพขนาดใหญ่และลำโพงมาติดตั้งโถงด้านหน้าศาล เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัยผ่านระบบวงจรปิดมาให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยคดี โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังได้แจ้งสื่อมวลชนถึงแนวทางปฏิบัติว่า ศาลจะทำการถ่ายทอดวงจรปิดลงมาบริเวณโถงชั้น 2 และห้องสื่อมวลชน แต่หากมีการสัมภาษณ์ ขอความร่วมมือสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในคดีนอกเขตที่ทำการศาลเท่านั้น  
ด้าน พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลรัฐธรรมนูญว่า บก.น.2 จะจัดวางกำลังตำรวจ 1 กองร้อย หรือประมาณ 150 นาย  คอยรักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณรอบศาล ซึ่งเชื่อว่าไม่มีอะไรที่น่ากังวล
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค.กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรค แกนนำพรรคและ ส.ส.พรรคทั้งหมดจะมาร่วมฟังคำตัดสินพร้อมกัน ณ ที่ทำการพรรค โดยไม่เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และหากสมาชิกพรรคหรือผู้สนับสนุนพรรคต้องการมาร่วมฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไปพร้อมๆ กันก็สามารถเดินทางมาแสดงพลังได้ที่สำนักงานใหญ่พรรค  อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ชั้น 5 
“การยุบพรรคการเมืองในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งปกติ และไม่ควรเกิดขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติเพียงเพราะพรรคทำไม่ถูกใจคนบางกลุ่มเท่านั้น เพราะพรรคการเมืองเป็นตัวแทนเสียงของประชาชนนับล้านๆ คน การทำลายพรรคจึงเท่ากับการทำลายเจตจำนงทางการเมืองของประชาชน และผลักให้คนจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจในระบบการเมืองที่เป็นอยู่” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรค อนค.โพสต์เรื่องนี้ว่า "วันที่ 21 ม.ค.จะเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกไว้ โดยคนที่ต้องเตรียมการคงไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต้องตอบคนรุ่นหลังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความเพียงเพราะข้อสันนิษฐานที่คิดว่าอาจจะหรือ  
ผมตอบคนรุ่นหลังและประชาชนได้เต็มปาก ว่าการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ต้องต่อสู้กับความอยุติธรรมในทุกวันๆ อยู่แล้ว และตราบใดที่ยังยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน การเผชิญหน้ากับอำนาจอยุติธรรมนี้เป็นหน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต้องห่วงว่าพวกเราเตรียมการไว้อย่างไร พวกท่านต่างหากเตรียมตอบสังคมไว้หรือยังว่าทำอะไรลงไป ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือโทษ กับการพิพากษาพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน" นายณัฐชาระบุ
ชาญวิทย์ชี้ อนค.ถูกสาดโคลน
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกพรรค อนค.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2561 ได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค อนค. ซึ่งเป็นวันแรกที่พบนายธนาธร  ส่วนนายปิยบุตร รู้จักกันมานานแล้วที่ท่าพระจันทร์ ซึ่งทนแรงตื๊อของศิษย์ที่เป็นกองเชียร์อนาคตใหม่ไม่ได้เลยไปสมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพ ทั้งๆ ที่อยู่มาจนแก่ชราไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และไม่เคยโหวตให้พรรคการเมืองใดเลย ยกเว้นพรรคเก่าแก่พรรคเดียว"
นายชาญวิทย์โพสต์อีกว่า "นึกว่า อนค.จะเป็นมดตัวเล็กๆ คงได้ ส.ส.ไม่กี่คน แต่เพียง 5 เดือนมดตัวน้อยๆ กลายเป็นเสือตัวโต กลายเป็นที่หวาดวิตกของชนชั้นปกครอง สถาบัน เงินทุน และความคิดเดิมๆ มาถึงวันนี้ ทั้งพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนายธนาธร ทั้งนายปิยบุตร ทั้งช่อ ทั้งชำนาญ และผู้ยังไม่ปรากฏนามชัดแจ้ง ถูกสาดโคลน ป้ายสีให้ดูเหมือนเป็นปีศาจประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาครั้งเดียว และยังไม่เคยเป็นรัฐบาลบริหารราชการที่ต้องรีบจัดการเสียให้สิ้นก่อนที่จะสายเกินไป
พวกเขา พวกเธอ คงต้องถูกจำกัด หรือไม่ก็กำจัดให้จงได้ เพื่อความอยู่ยั้งยืนยงของอะไรๆ ที่เก่าๆ  เดิมๆ นั่นแหละ ผมอดวิตกไม่ได้ว่าอนาคตใหม่ ธนาธร ปิยบุตร ช่อ และชำนาญ ฯลฯ จะรอดน้ำมือ น้ำตีน การเมืองสกปรกของชนชั้นปกครองไทยๆ เดิมๆ หรือ”
วันเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการไทยยุติการใช้กระบวนการทางกฎหมายข่มขู่และคุกคามพรรค อนค.และสมาชิกพรรค จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีนัดฟังคำวินิจฉัยกรณีที่มีข้อกล่าวหาต่อพรรคในวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งอาจมีผลให้ยุบพรรคและสมาชิกพรรคอาจถูกดำเนินคดี โดยการพุ่งเป้าดำเนินคดีจำนวนมากกับสมาชิกพรรคถือได้ว่าเป็นการโต้กลับจากการจัดกิจกรรม ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและการสมาคม
“พรรคอนาคตใหม่เผชิญกับการโดนยุบพรรค หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิดจริง ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงสิทธิในการแสดงออก การชุมนุมโดยสงบ และการสมาคมของสมาชิกพรรค” แอมเนสตี้ระบุ
แอมเนสตี้ลามปามศาล
แอมเนสตี้ยังระบุว่า อนค.ยังเผชิญกับข้อกล่าวหาในอีกคดีหนึ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  มีมติยื่นคำร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคจากกรณีกู้ยืมเงินหัวหน้าพรรค ซึ่งกรณีนี้แอมเนสตี้ไม่มีความเห็น แต่นอกจากทั้ง 2 กรณีนี้แล้ว ผู้นำและสมาชิกพรรค อนค.ยังเผชิญกับการฟ้องร้องดำเนินคดีทางการเมืองจำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่เรียกผู้นำและสมาชิกพรรคห้าคนเข้าพบเพื่อรับฟังข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจัดแฟลชม็อบ นอกจากนี้สมาชิกพรรคอีกสามคนยังถูกฟ้องร้องโดยนายสนธิญา สวัสดี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 โดยมีการใช้ข้อกล่าวหาตามมาตรานี้อย่างกว้างขวางเพื่อยับยั้งนักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว และทนายที่วิจารณ์ภาครัฐอย่างสงบ หากศาลพบว่ามีความผิดสมาชิกพรรคอาจถูกตัดสินให้จำคุกนานถึง 7 ปี
“การโจมตีพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นแนวโน้มการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อกลั่นแกล้งบุคคล แนวโน้มนี้ดำเนินมาตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน มี.ค.62 เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าการที่สาธารณชนให้ความสนับสนุนคู่แข่งทางการเมืองมากขึ้น ถือเป็นแรงจูงใจให้รัฐบาลพยายามประหัตประหารสมาชิกพรรค อนค.และยุบพรรค ก่อนหน้านี้ทางการไทยได้ใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาพุ่งเป้าจัดการคู่แข่งทางการเมือง ดังที่เห็นได้จากการยุบพรรคไทยรักษาชาติเมื่อวันที่  7 มี.ค.62 ซึ่งเชื่อได้ว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง โดยผู้นำพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาสิบปี”
แอมเนสตี้ยังเรียกร้องให้ทางการไทยหยุดยั้งการใช้อำนาจตุลาการในทางที่ผิดต่อพรรคฝ่ายค้าน  สมาชิกพรรค และบุคคลอื่นๆ โดยทันที พร้อมทั้งเพิกถอนฟ้องบุคคลที่ถูกตั้งข้อหาเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนอย่างสันติทั้งหมด ในฐานะรัฐภาคีต่อสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศหลายฉบับ  รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) เจ้าหน้าที่จะต้องยึดมั่นต่อสาธารณชนว่าบุคคลทุกคนสามารถใช้สิทธิของตนในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ และการสมาคม แอมเนสตี้เรียกร้องให้สมาชิกประชาคมระหว่างประเทศต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย  พร้อมทั้งสังเกตการณ์การปราบปรามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือทางการเมืองและการทูตเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปด้านสิทธิมนุษยชนและความรับผิดในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิ
ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่พรรค อนค.จัด Awaken Land ค่ายเยาวชนผู้ไม่ยอมจำนนว่า "หลายคนดูแล้วน่าจะเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ซึ่งเป็นวัยที่ไม่เหมาะสมที่จะคิดวิเคราะห์ได้รอบด้าน ไม่ว่าพรรคใดก็ตาม กกต.น่าจะละเอียดกว่านี้ในการอนุมัติให้ใช้งบประมาณ หรือให้เข้าร่วมกิจกรรม ที่สำคัญคือการใช้ภาษาที่ทำลายล้าง ยิ่งการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลเด็กและลูกหลานที่จะกลายเป็นเหยื่อของฝ่ายการเมือง".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"