งบ63สะดุดเสียบบัตรแทนกัน


เพิ่มเพื่อน    

 “ชวน” ย้ำต้องยึดความถูกต้องไม่ใช่ภาพลักษณ์เรื่องเสียบบัตร ลั่นมีการสมคบกันทำเป็นขบวนการ “สรศักดิ์” เผยผลสอบแล้วพบลงคะแนนแทนตั้งแต่มาตรา 31-55 เล็งชงสภาให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างงบประมาณโมฆะหรือไม่ “นิพิฏฐ์” แฉซ้ำอีกราย “นาที” อยู่แดนมังกรวันลงมติ “เสี่ยหนู” ขึงขังตั้งคณะกรรมการสอบ โวไม่เลี้ยงแน่หากผิดจริง “สภาสูง” ชี้ไม่มีหน้าที่ตีความลุยโหวตผ่านกฎหมายงบฉลุย 255 เสียง “เหลิม” แช่งพวกจัญอัปปล่อยข่าวซูเอี๋ยอภิปราย  

เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พบนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ลงมติในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2563 ทั้งที่ไม่อยู่ในห้องประชุม 
โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องให้เวลาเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังว่ามีการเสียบบัตรแทนกันจริงหรือไม่ ใครเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา ต้องตรวจสอบให้เสร็จภายในกี่วัน ซึ่งปกติบัตรลงคะแนนมักอยู่ที่ ส.ส.แต่ละคน แต่ ส.ส.ส่วนหนึ่งมักทิ้งบัตรคาเครื่องลงคะแนนไว้จริงๆ เมื่อเลิกประชุมแล้วเจ้าหน้าที่จะไปดึงบัตรเหล่านี้ออกจากเครื่องในทุกที่นั่งแล้วนำมาเก็บไว้ พอตอนเช้ามา ส.ส.จะมาขอบัตรลงคะแนนจากเจ้าหน้าที่ที่เก็บไว้
“ก่อนหน้านี้เคยสั่งให้ตรวจสอบกรณีนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในลักษณะเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้วไม่สามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนกดบัตรให้ ที่ผ่านมาเตือนตลอดเวลาว่าอย่าไปลงมติซ้ำหรือไปทำอะไรผิด เพราะนิติบัญญัติต้องเป็นแบบอย่างในการเคารพเสียงประชาชนและกติกาบ้านเมือง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ต้องไม่ทำ ได้เตือนตลอดเวลาให้ระมัดระวังเรื่องเหล่านี้”นายชวนกล่าว 
    เมื่อถามว่า การเสียบบัตรคาไว้บนเครื่องอาจเปิดโอกาสให้เกิดการเสียบบัตรแทนกันได้หรือไม่ นายชวนตอบว่า ทั่วไปถ้าไม่สมคบกันคงไม่มี อยู่ดีๆ จะไปกดบัตรแทนคนอื่นได้อย่างไร การเสียบบัตรคาไว้เป็นเรื่องปกติ เพราะบางเรื่องต้องลงมติหลายครั้ง เช่น เรื่องงบประมาณ แต่ถ้าเสียบคาไว้แล้วคนอื่นมากดแทนให้ไม่ค่อยมี ยกเว้นแต่ฝากให้เพื่อนมากดแทนก็เป็นอีกเรื่อง ทำไม่ได้ หากพบว่ามีการเสียบบัตรแทนกันก็ต้องมีมาตรการบางอย่าง ต้องดูเจตนารมณ์ เรื่องนี้อยู่ที่ความรับผิดชอบแต่ละคน ขอรอดูผลสอบก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีจะดำเนินการอย่างไร
“อย่าไปห่วงภาพลักษณ์ ให้ห่วงความชอบธรรม ความถูกต้องดีกว่า เมื่อสภาเป็นสถาบันหลัก ต้องสร้างมาตรฐาน ไม่ใช่ไปปกปิดความจริงกัน ต้องให้โอกาสความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นายชวนตอบกรณีดังกล่าวจะกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานของสภาหรือไม่
เมื่อสอบถามอีกว่า การเสียบบัตรแทนกันจะมีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่ผ่านความเห็นชอบไปแล้วต้องโมฆะหรือไม่ นายชวนตอบว่า เป็นคนละเรื่องกัน สภาทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน แต่โดยหลักแล้ว บัตรของใครถือว่าเป็นของคนนั้นเป็นผู้ทำหน้าที่ แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นไปได้ที่มีคนแอบฝากกัน แต่ไม่สามารถเป็นเหตุที่อ้างได้
เสียบบัตรแทนกันจริง!
ต่อมาในช่วงบ่าย นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลตรวจสอบดังกล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับทีมกฎหมายแล้วพบว่า 1.ข้อกล่าวหาของนายนิพิฏฐ์เป็นความจริง โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักชวเลขมาตรวจสอบ ซึ่งพบว่าในมาตรา 31-55 มีชื่อนายฉลองร่วมลงมติจริง 2.ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการเก็บรักษาบัตรลงคะแนนในห้องประชุมมาให้ข้อมูล ปรากฏว่าบัตรนายฉลองเบิกไปใช้จริง และลงมติในวันที่ 8-11 ม.ค. โดยไม่ได้ส่งบัตรคืนเจ้าหน้าที่ และพบอีกครั้งว่าบัตรเสียบค้างไว้ที่เครื่องลงคะแนนในวันที่ 11 ม.ค. และ 3.ได้เรียกฝ่ายเทคนิคมาช่วยตรวจสอบช่องเสียบบัตรลงคะแนน แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเสียบบัตรในตำแหน่งใด อีกทั้งกล้องของฝ่ายเทคนิคไม่ได้จับภาพบุคคล 
“คณะกรรมการฯ จึงมีความเห็นว่าข้อกล่าวหาเป็นจริง ทำให้ผลการลงมติตั้งแต่มาตรา 31-55 และข้อสังเกต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นกระบวนการที่จะทำให้ถูกต้องคือ ต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 139 ที่ให้สมาชิกของรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 75 คน เสนอประธานสภาฯ ให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นร่างกฎหมายที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” นายสรศักดิ์กล่าว และว่า ได้แจ้งผลให้นายชวนทราบแล้ว โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมสภาในวันที่ 22 ม.ค. เพื่อดูว่าที่ประชุมสภาจะเห็นเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า มีการเสียบบัตรและกดลงมติแทนนายฉลองจริงใช่หรือไม่ นายสรศักดิ์กล่าวว่า ถูกต้อง แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นบุคคลใดที่นำบัตรไปเสียบไว้ในช่องไหน เพราะที่นั่งมีเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.นราธิวาส กล่าวในเรื่องนี้ว่า การที่ ส.ส.จะเข้าหรือไม่เข้าประชุมสภา เป็นเรื่องของสภา เป็นเรื่องของการเมือง อย่าเอาปัญหานั้นปัญหานี้มาถาม เพราะเป็นรัฐบาลมีหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร บางเรื่องเป็นเรื่องของสภา บางเรื่องเป็นเรื่องของคนอื่น ก็ขอให้ไปถามคนที่พูดหรือคนที่ทำเรื่องนั้น รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหาร แต่สภาอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ อย่าเอาเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติมาถามฝ่ายบริหาร เพียงแต่ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนยอมรับกติกาอยู่แล้ว
"เรื่องที่ว่ามีเสียบบัตรแทนกันอย่ามาถามผม ทุกคนทราบดี ขอให้ไปตรวจสอบกันมาว่าทำถูกหรือไม่ถูก" นายกฯ กล่าว และว่า ส่วนกรณีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะเป็นโมฆะหรือไม่นั้น ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ถ้ามีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก็ดำเนินการไป สิ่งสำคัญที่สุดคือตนเองต้องแก้ปัญหาอย่างไรให้การใช้จ่ายงบประมาณมีเงินเพียงพอ 
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะเป็นโมฆะหรือไม่ โดยระบุสั้นๆ ว่ายังไม่ทราบรายละเอียด
นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะต้องรอดูข้อกฎหมายให้ชัดเจน 
ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ระบุว่า เพิ่งเดินทางกลับจากอินเดียเมื่อวันที่ 20 ม.ค. จึงยังไม่ได้คุยกับนายนิพิฏฐ์ 
แฉเพิ่ม"นาที"ไม่อยู่
ด้านนายนิพิฏฐ์โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้กรณีนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. ที่ระบุว่าเหมือนสุนัขพันธุ์บูลด็อกที่กัดไม่ปล่อย ว่าไม่สุภาพ พูดไม่ให้เกียรติกัน แต่ไม่เป็นไร สันดานท่านอาจเป็นคนอย่างนั้น ซึ่งไหนๆ ก็ว่ากัดไม่ปล่อยแล้ว จึงขอนายศุภชัยช่วยตรวจสอบการกดบัตรของ ส.ส.อีกราย โดยเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2563 ขณะมีการประชุมงบประมาณ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. เดินทางไปประเทศจีน
“ลองตรวจดูหน่อยสิครับว่าหลังจากเช็กอินที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วบัตรของคุณนาทียังมีการกดโหวตอยู่ที่สภาหรือเปล่า อย่าว่าใครผิดใครถูกเลย ถือว่างานนี้ผมท้าให้ท่านเปิดเผยข้อมูลก็แล้วกันครับ แล้วมาดูกันว่าข้อมูลในมือของท่านกับข้อมูลในมือของผมตรงกันหรือเปล่า” นายนิพิฏฐ์โพสต์
ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ยังได้โพสต์ภาพหมู่ของกรุ๊ปทัวร์ดูงานตามโครงการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการศึกษา การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนระหว่างจังหวัดระนองกับเมืองซานเหมินเซียะ มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-15 มกราคม 2563 อีกรวม 3 ภาพ
นายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านในพื้นที่ส่งมาให้ และฝากให้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ส.ส. ส่วนกรณีของนายฉลองที่เจ้าตัวออกมายอมรับว่าขาดการประชุมสภาจริง โดยเสียบบัตรทิ้งไว้ที่เครื่องลงคะแนนนั้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1.กรณีความไม่สมบูรณ์ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตั้งแต่มาตรา 31 จนถึงปิดการประชุมในวาระที่ 3 ถ้ามีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็อาจขัดรัฐธรรมนูญตามแนวทางคำวินิจฉัยคดีที่ 3-4/2557 ในคดีร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ 2.นายฉลองจะมีความผิดทางอาญาหรือไม่นั้น ต้องดูว่าเจ้าตัวรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ในการให้ผู้อื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทน
“ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีเจตนาให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะ ซึ่งอาจทำได้โดยการให้หักมติที่นายฉลองลงออก และยืนยันว่าผมไม่ได้เอาคืนพรรคภูมิใจไทยหลังแพ้เลือกตั้งเขต 2 พัทลุง”นายนิพิฏฐ์กล่าว
    ส่วนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ระบุว่า ในวันประชุมดังกล่าวเห็นนายฉลองมาร่วมประชุมด้วย แต่ไม่ทราบว่ามีช่วงไหนบ้างที่นายฉลองไม่อยู่ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาจะตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็ต้องว่าไปตามนั้น และพรรคเองก็มีประมวลจริยธรรมนักการเมืองอยู่ เรื่องนี้ต้องให้สภาเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเป็นหลัก หากผิดจริงทางพรรคก็จะดำเนินการต่อไป
นายศุภชัยกล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรค เป็นประธาน โดยมีบทลงโทษหากผิดจริงคือ หากไม่ร้ายแรงก็ตักเตือน และหากผิดร้ายแรงก็ให้พ้นจากสมาชิกภาพ ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาตรวจสอบให้เร็วสุด
นายศุภชัยกล่าวว่า ได้ถามเรื่องดังกล่าวแก่นายฉลอง โดยนายฉลองชี้แจงดังนี้ 1.ยอมรับว่าไม่ได้ลงมติ 2.ยอมรับว่าลืมบัตรไว้ 3.ไม่ทราบว่ามีการกดบัตรลงคะแนน 4.มีเพื่อน ส.ส.นำบัตรมามอบให้อีก 2-3 วันต่อมา 5.ยอมรับผิดที่ลืมบัตร และขอโทษต่อชาวพัทลุง ขอโทษต่อพรรค ขอโทษต่อสภา 6.พร้อมชี้แจงต่อกรรมการสอบสวนของพรรคและสภา และ 7.เป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่ ที่จะจดจำและนำไปเตือนใจทุกครั้งในการปฏิบัติหน้าที่ 
เสี่ยหนูลั่นไม่เลี้ยงแน่
ขณะที่นายอนุทินระบุว่า ต้องรอผลการสอบก่อน ขอย้ำว่ากฎระเบียบของพรรคชัดเจนว่าหาก ส.ส.คนใดทำผิดกฎระเบียบของพรรคก็จะมีมาตรการลงโทษ ดังนั้นหากนายฉลองทำผิดจริง ยืนยันไม่เลี้ยงเอาไว้แน่นอน โดยเบื้องต้นทราบว่านายฉลองลืมบัตรไว้ที่สภา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนลืมไว้ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้าในวันที่ 22 ม.ค. ที่จะมีการประชุมพรรค หากเจอตัวต้องตำหนิอย่างรุนแรง ต้องหวดกันบ้าง เพราะการประชุมสภาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องขออภัยด้วย ดังนั้นในฐานะหัวหน้าพรรคจะกำชับ ส.ส.และเข้มงวดให้มากกว่านี้ เพราะการอยู่ในห้องประชุมถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้ใครมากดบัตรแทน ซึ่งเชื่อว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้สั่งให้ใครมากดแทน เพราะต้องทราบดีถึงโทษและระเบียบอยู่แล้ว ทั้งนี้ ขอรอผลการสอบ เพราะทราบว่าสภาก็ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
“กรณีนางนาทีอยู่ รูปปรากฏตัวอยู่ที่จีน แต่กลับมีชื่อเป็นองค์ประชุมในการโหวตนั้น ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่การที่นางนาทีเดินทางไปครั้งนี้ดูเหมือนว่าแจ้งให้ทราบ ต้องกลับไปดูอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เวลาประชุมพรรคก็บอกตลอดว่าต้องใส่ใจ ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญก็ต้องอยู่ประชุม” นายอนุทินกล่าว
 เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนายนิพิฏฐ์แพ้ให้นายฉลอง แล้วออกมาแฉในเรื่องนี้จะทำให้กระทบความสัมพันธ์หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ความจริงทุกคนควรมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะก็ต้องไม่ประมาท ถ้าแพ้ก็ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่ใช้อารมณ์ส่วนตัว มาหาวิธีแก้มือกัน ซึ่งคิดว่าคงไม่กระทบ เพราะทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และอยากให้ยึดถือผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ถ้าผิดก็ว่าตามผิด พูดได้คำเดียวถ้าเขาผิดก็ไม่เลี้ยง
สำหรับความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวหลังประชุมวิปฝ่ายค้านว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคจะติดตามการกดบัตรแทนกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่นอกจากกระทบต่อมาตรฐานจริยธรรมของ ส.ส.แล้ว ยังมีผลอาจทำให้กฎหมายหลายฉบับถูกตีความว่าเป็นโมฆะหรือไม่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.งบประมาณฯ หากเทียบเคียงกับกรณีการเสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้กฎหมายดังกล่าวเป็นโมฆะ 
“อยากให้รัฐบาลเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้จบ ไม่อยากให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะวันนี้มีทั้งเรื่องสมาชิกภาพพรรคอนาคตใหม่จะหาทางออกอย่างไร เรื่องนายฉลองกับนายขจิตรเกี่ยวกับการกดบัตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ประธานสภาฯ ต้องสะสางหาคำตอบ” นายสุทินกล่าว
ส.ว.ลุยลงมติเห็นชอบงบ
ส่วนในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้มีการหารือถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งนายพรเพชรวินิจฉัยว่า ผู้รับผิดชอบโดยตรงคือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ร่างกฎหมายนี้ส่งมาอย่างเป็นทางการยังวุฒิสภา ก็ต้องถือว่าร่างที่ส่งมาถูกต้อง อีกทั้งวุฒิสภาคงไม่มีอำนาจวินิจฉัยหรือดำเนินการว่าร่างกฎหมายนี้ถูกหรือผิด 
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า ส.ว.มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างในส่วนเนื้อหาเท่านั้น แต่กรณีที่เกิดขึ้นอยู่นี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา แต่เป็นเพียงกระบวนการกล่าวหาในชั้นของสภา องค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดคือศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน แต่หากยังไม่มีคำตัดสิน ถือว่ายังเป็นความถูกต้อง
จากนั้นเวลา 16.15 น. ภายหลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น นายพรเพชรสั่งให้สมาชิกแสดงตนเพื่อเช็กองค์ประชุม และลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ด้วยคะแนน 225 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ออกเสียงไม่มี
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมชั้น 8 พรรค พท. มีการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย, คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ กล่าวว่า ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามีข่าวสับสน ซึ่งคนปล่อยข่าวบัดซบ เป็นพวกจัญอัป ปล่อยข่าวว่าไปกินข้าว ไปพูดคุย ตกลงรับเงินจากบางคนเพื่อไม่อภิปรายรัฐมนตรีบางคน ขอสาปแช่งคนที่เอาข่าวไปพูดและคนออกข่าวให้พบกับความวิบัติ และถ้าคณะตนเองทำเช่นนั้น ขอให้เกิดความวิบัติเช่นกัน
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีซูเอี๋ย ไม่มีดีล มีแต่การเอาข้อเท็จจริงมาบอกประชาชน บอกกับสื่อมวลชนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศชาติอีกต่อไปนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายใครบ้าง แต่ส่วนของกิจการพิเศษวางไว้ 5 คน วันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ไฟนอล แล้วจะมาดีลอะไรกับผม ไม่เคยเล่นการเมืองอะไรเลวๆ แบบนั้น ต้องด่ารัฐบาลชุดนี้มันกลัวเงาผม เลยต้องมาขย่ม เสียดายรอบนี้ไม่ได้เข้าสภาเลยออกไม่เต็มหมัด แต่ถึงออกได้แค่ครึ่งหมัดก็ล้มรัฐบาลได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 29 ม.ค.นี้ โดยหัวหน้าแต่ละพรรคจะเป็นผู้สรุปรายชื่อผู้ที่จะถูกอภิปรายร่วมกัน ก่อนยื่นญัตติอภิปราย ซึ่งตัวเลขผู้ที่จะถูกอภิปรายเบื้องต้นคือ 7 บวกๆ เราจะคุยกันเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ 29 ม.ค.
นายสุทินกล่าวว่า รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจากเดิม 5 คน อาจเป็น 7 คนหรือไปถึง 8-9 คนได้ ซึ่งรายชื่อที่อยู่ในข่ายประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, นายอุตตม, นายศักดิ์สยาม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ข้อมูลหลักฐาน.
       


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"