สัญญาณ 'ล้างบาง' ตำรวจ


เพิ่มเพื่อน    

        ขออาลัย..........

                ต่อการสิ้นอายุขัยของ "นายชัย ชิดชอบ" อดีตประธานรัฐสภา ที่บ้านจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวาน (๒๔  ม.ค.๖๓) ด้วยวัย ๙๒ ปี

                และขอแสดงความเสียใจกับ "ตระกูลชิดชอบ" ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเคารพและเป็นหลักชัยของตระกูลครั้งนี้ด้วย

                วันนี้ ๒๕ มกราก็ "ตรุษจีน"

                เมื่อวาน ไหว้ วันนี้ สวมเสื้อแดง "โชค" ที่ร้านเอเธนส์ บรรทัดทอง ส่งมาให้ทุกตรุษจีน เที่ยว

                "ซื่อจี้ซิ้งหลุง" สุขี-สุโข บ้านเมืองโตใหญ่..........

                ประชาชนจีน-ไทย ค้าขายก็รวย แทงหวยก็ถูก มีลูกก็ดั่งใจ เงินก็ไหลนอง ทองก็ไหลมา

                ค้านก็ค้านยั่งยืน รัฐบาลก็โต้คลื่นต่อไป

                ฝุ่นพิษก็จางหาย เป็นไข้อู่ฮั่นสายพันธุ์โคโรนาก็ไม่ตาย ประเทศไทย เฮงๆ ฮ้อๆ นายกฯ ตู่อยู่ต่อ ตะลุ้งตุ้งแช่

                แต่ที่ ไม่เฮง-ไม่ฮ้อ ประเดิมตรุษจีน เห็นจะเป็น "บิ๊กหมาต๋า" ๒-๓ นาย

                ถูกคำสั่งย้าย กระเด็นตกเก้าอี้แหลกละเอียด จนถามกันขวักไขว่

                "นายกฯ ทำบุญล้างป่าช้า ส่งสัญญาณเริ่มปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรืออย่างไร"?

                ก็วานซืน (๒๓ ม.ค.) นายกฯ เซ็นเปรี้ยง

                ให้ "พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา" รอง ผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการ "นอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"

                โดยให้ไปประจำที่ "สำนักนายกรัฐมนตรี"

                เพราะ ผบ.ตร. "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" รายงานว่า

                "พล.ต.อ.วิระชัย มีพฤติการณ์และการกระทำ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่"

                ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.จักรทิพย์ ก็เซ็นเปรี้ยง......

                ให้ "พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย" รอง ผบ.ตร.

                ไปปฏิบัติราชการที่ "ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" (ศปก.ตร.)

                ชนิด "ย้ายขาด" จากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม!

                พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ก็เงา ผบ.ตร.

                เห็น ผบ.ตร.ที่ไหน จะเห็น พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ที่นั่น

                คนสวมแว่นดำที่ไปล่า "โจรปล้นทอง" ลพบุรีด้วยกันนั่นแหละ และให้สัมภาษณ์นักข่าวโทรทัศน์ เห็นกันอยู่

                ทั้ง ๒ เป็น "เพื่อนซี้" ร่วมรุ่น จะเกษียณพร้อมกัน เดือนกันยาที่จะถึง

                เมื่อวาน นั่งกินข้าวด้วยกัน วันนี้ เพื่อนเด้งเพื่อน เข้ากรุซะแล้ว!

                เทียบกับราย พล.ต.อ.วิระชัยแล้ว พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ถือว่ายัง "รั้งดาบ" ไว้ไมตรี หลุดตำแหน่ง-พ้นอำนาจก็จริง แต่ยังอยู่ในวงสายสิญจน์ตำรวจ

                ต่างกับ พล.ต.อ.วิระชัย จากข้าราชการตำรวจ ไปจุติเป็น "ข้าราชการพลเรือน" ประจำสำนักนายกฯ

                อยู่กับบิ๊กโจ๊ก "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" โน่นเลย!

                พล.ต.อ.วิระชัยถูกย้าย ไม่มีใครสงสัย

                นักข่าวถาม ผบ.ตร.ว่าเพราะเรื่อง "คลิปเสียง" กรณี "ยิงรถเปล่า" บิ๊กโจ๊กใช่มั้ย? 

                จักรทิพย์เจ็บคอ ตอบสั้นๆ "ใช่"!

                แต่เมื่อถามถึงเหตุย้าย "พล.ต.อ.ชัยวัฒน์" ผบ.ตร.จักรทิพย์ ตอบด้วยประโยค "เตรียมรัฐมนตรี"

                "เพื่อความเหมาะสม"!

                กราบขอบคุณบรรพบุรุษที่คิดค้นคำว่า "เหมาะสม" ขึ้นในภาษาไทย เพราะคำนี้ "ครอบจักรวาล" ได้ดีจริงๆ

                ย้าย เพื่อจัดแถวอำนาจ สู่การวางตัว ผบ.ตร.คนใหม่ ก็ได้ ไหนๆ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ก็ต้องเกษียณกันยานี้ ไปพร้อมกับ ผบ.ตร.จักรทิพย์อยู่แล้ว

                หรือ ย้าย เพราะเหตุผล "อำนาจภายใน" เป็นคำสั่งลงมาที่บิ๊กแป๊ะจะปฏิเสธไม่ย้ายเพื่อนก็ไม่ได้

                หรือ ย้าย เพราะบกพร่องทางบริหาร ประเทศไทยจะมีอะไรล่ะ เรื่องบ่อน เรื่องของเถื่อน เรื่องผลประโยชน์ทับกัน

                เนี่ย....

                คำว่า "เพื่อความเหมาะสม" มันใช้ตอบได้ทุกโจทย์ จนขี้เกียจค้นหาว่า เรื่องไหน ที่เป็น "โจทย์" ของเรื่องนี้?

                พล.ต.อ.วิระชัย นี่ จะเกษียณ ปี ๖๕ ตามชั้น มีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร.ต่อจากบิ๊กแป๊ะ กันยานี้

                แต่ถูกไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์โจ๊กระบาดใส่....ตายไปเลย!

                ดูในแถวรอง ผบ.ตร.ปัจจุบัน ฟันธงได้เลย

                พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข กับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์

                ๒ นายนี้เท่านั้น "จะชิงกัน"!

                เป็นนักเรียนเตรียม รุ่น ๓๖ เกษียณ ปี ๖๕ ด้วยกันทั้งคู่

                และทั้งคู่ ก็เพื่อนร่วมรุ่น "พล.ต.อ.จักรทิพย์" คือ นรต.รุ่น ๓๖ ด้วยกัน

                ทั้งรองฯ สุวัฒน์และรองฯ สุชาติ ก็ที่ลงไปล่าโจร ผอ.ปล้นทองที่ลพบุรี ออกโทรทัศน์เห็นกันถี่ๆ นั่นแหละ

                พล.ต.อ.สุวัฒน์ ดูจะเป็นที่คาดหมายกันมากในวงการตำรวจ

                อย่างที่เด้ง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ไปเก็บกรุ คนที่ ผบ.ตร.โอนงานสืบสวน-สอบสวนมาให้ทำแทน ก็พล.ต.อ.สุวัฒน์นี่แหละ

                ในวงการตำรวจ คนไหน รับผิดชอบด้านสืบสวน-สอบสวน คนนั้น เขาถือว่า เกรด A

                มีอนาคต ถึง ผบ.ตร.!

                คดีดังๆ ที่ต้องใช้ฝีมือแกะรอย อย่างคดีระเบิดป่วนกรุงทั้งหลายแหล่ ต้องยกให้รองฯ สุวัฒน์ดมกลิ่น เช่น ระเบิดศาลท่านท้าวมหาพรหม ระเบิด รพ.พระมงกุฎ

                เป็นฝีมือสืบท่านโดยตรง!

                แต่ พล.ต.อ.สุชาติ ก็ด้อยกว่ากันซะที่ไหน ทั้งบู๊และบุ๋นไม่เสียทีที่เป็นลูกชายอดีต อ.ตร. "พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์"

                พล.ต.อ.สุชาติ ไม่ใช่ตำรวจหน้าขาว แต่มือดำ

                หากแต่ท่านมือขาว แต่หน้าดำ

                เพราะคลุกในดงโจร ดงระเบิด แถบ ๓ จังหวัดใต้ มาเป็นสิบปี ปะทะกันตายแหลก เคยเป็นข่าวใหญ่ จนทุกวันนี้ "ความตายคือเพื่อน" ท่าน

                วันก่อน ที่ลพบุรี เห็นชนชาวโซเชียลซี้ดซ้าดสะใจกันยกใหญ่ ที่นักข่าวถามท่าน

                "แน่ใจหรือ โจรเจตนามาปล้นทอง" ทำนองนั้น

                ท่านย้อนแสบว่า......

                "ถ้าจะมากินไก่ คงไปที่ร้าน KFC มั้ง ไม่ไปที่ร้านทองหรอก"!

                เนี่ย....

                ๒ นายนี้ ก็จับตากัน เก่งทั้งบู๊-ทั้งบุ๋น ด้วยกันทั้งคู่ แต่ใครจะได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.กันยานี้ ก็ต้องบอกว่า

                ฝีมือด้วยกัน.......

                อยู่ที่ "บุญวาสนา" เท่านั้น ว่า "สุ...." ไหน ระหว่าง สุวัฒน์ กับ สุชาติ ใครจะได้เป็น ผบ.ตร.?

                แต่คนที่บุญส่งมา แต่วาสนาส่งไปไม่ถึง คล้ายนายทักษิณ ชินวัตร ก็คือโจ๊ก หวานเจี๊ยบ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล"

                เหมือน "ผีพุ่งไต้" เก้าอี้ ผบ.ตร.เป็นอนาคตที่หวังได้ เห็นๆ อยู่แท้ๆ ไม่มีใครทำ เพราะทำตัวเอง ต้องกระเด็น-กระดอน จากวงโคจรตำรวจ ตาค้างกันทั้งประเทศ

                แทนที่จะหลบเลียแผล....

                กลับเสี่ยงสร้างแผลเพิ่ม การเกิดเหตุ "ยิงรถเปล่า" นั้น กระสุนมันสะท้อนกลับแล้วมั้ยล่ะ

                ฝังใน "พล.ต.อ.วิระชัย" ไปนัด แล้วตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่โดน เห็น "คำสั่งนายกฯ" เมื่อวาน (๒๔ ม.ค.) หรือยังล่ะ?

                คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2563

                เรื่อง ให้ข้าราชการรักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ

                ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2562 ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2562

                สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ

                และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรอบอัตรากำลัง ชั่วคราว เป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี

                ตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับเฉพาะเงินเดือน โดยไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์ประจำตำแหน่ง นั้น

                เพื่อให้ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาจรรยา และวินัยข้าราชการ และเพื่อให้การปฏิบัติงานของข้าราชการดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

                อาศัยอำนาจตามข้อ 1(ค) ของบัญชี ห้า ท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2562  ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2562 มาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

                และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1011/ว 12 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2556 นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง

                จึงเห็นสมควรกำชับให้ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุดังต่อไปนี้

                1.ไม่กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา

                ไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ไม่อาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์แก่ตนเอง และผู้อื่น

                ไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ไม่ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ ไม่กระทำการอันเป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ ไม่ดูหมิ่น เหยียดหยามประชาชน

                2.ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ของทางราชการ ด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ อุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ

                รักษาความลับของทางราชการ มีความสุภาพ เรียบร้อย รักษาความสามัคคี ช่วยเหลือการปฏิบัติราชการระหว่างข้าราชการด้วยกันและผู้ร่วมปฏิบัติราชการ

                ทั้งนี้ ให้ข้าราชการดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ให้งดการมอบหมายงานพิเศษและสำคัญ

                และหากมีกรณีไม่รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.

                เป็นครั้งแรกในระบบราชการนะ ผมว่า ที่มีคำสั่งแบบนี้

                แต่ "บิ๊กโจ๊ก" จงระวัง เพราะนี่ คือสัญญาณที่

                "สึนามิ" จะตามมา!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"