'อัษฎางค์'อัดยับพวกติด #รัฐบาลเฮงซวย ไม่เคยดูตัวเอง ว่าตัวเองโครตห่วย


เพิ่มเพื่อน    

28 ม.ค.63-  นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ใครกันแน่ #โครตห่วย

สองสามวันมานี้ ไม่รู้เป็นยังไง เบื่อข่าวโรคระบาด ที่ลากมาเป็นข่าวการเมือง ข่าวการเมืองที่ลากไปเกี่ยวกับข่าวนู้นข่าวนี้ แม้แต่ข่าวชาวบ้านก็ยังเป็นการเมือง เบื่อมาก ดูแล้วละเหี่ยใจ

สำหรับข่าวโรคระบาด ผมอยากพูดว่า“ควรจะตระหนัก แต่อย่าตระหนก” จนเกินไป

สื่อบางสำนักอยากจะขายแต่ข่าว ก็ไปหาข่าวที่สร้างความตระหนกมากกว่าความตระหนัก

มันเป็นข่าวใหญ่จริง น่ากลัวจริง แต่มันไม่ได้หน้ากลัวขนาดเท่าที่คุณเสนอข่าว เหมือนว่ามันกำลังจะล้างโลกหรอก

คุณได้อะไรจากความแตกตื่น ทุกข์ใจ ของผู้คน

ผมอยากย้ำว่า “ควรจะตระหนัก แต่อย่าตระหนก”

ช่วงหลายปีก่อนที่ไทยมีแต่ข่าวประท้วง ปฏิวัติ เผาบ้านเผาเมือง ภาพที่ออกในต่างประเทศดูน่ากลัวมาก มากกว่าความเป็นจริงหลายร้อยเท่า

ผมอยู่ที่ออสเตรเลีย เวลาไปที่ไหน พอคนที่นี่พอรู้ว่าผมเป็นคนไทย ก็ตรงเข้ามาแสดงความเป็นห่วง เห็นอกเห็นใจ

และทุกครั้งมทำให้ผมโทรกลับเมืองไทย โทรหาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง ว่ามันขนาดนั้นเลนหรือไม่ ขนาดไหนกันแน่

แต่คำตอบทุกครั้งจากทุกคนคือ เหตุการณ์เลวร้ายมาก แต่ทุกคนยังคงใช้ชีวิตปกติ ไปจ่ายตลาด ไปกินข้าวนอกบ้าน ไปทำงาน เหมือนปกติ

แต่ภาพข่าวที่ออกไปทั้งโลก มันบอกชาวโลกว่า คนไทยเจอวิกฤตจนไม่สามารถดำรงชีวิตปกติได้ การเดินถนนอาจทำให้เสียชีวิตได้ อะไรประมาณนั้น

ซึ่งหลังจากผมเจอคนถามเยอะๆ ด้วยความเป็นห่วง แล้วผมโทรไปเช็คแล้ว ก็บอกกับช่างต่างชาติ ว่า มันเหลวร้ายจริง แต่เราคนไทยยังโอเค ยังใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ไม่มีใครเชื่อ สาเหตุเพราะอิทธิพลของ”สื่อ”

ตัดฉากกลับมาเมื่อออสเตรเลียเจอภัยธรรมชาติทุกครั้ง เช่นหลายปีก่อนมีพายุฝุ่นถล่มซิดนีย์จนกลายเป็นสีแดงทั้งเมือง หรือรวมทั้งครั้งล่าสุดที่เป็นไฟไหม้ป้าที่รุนแรงเป็นประวัติศาสตร์

ภาพที่ออกสู่สายตาชาวโลกคือ เป็นภาพวิกฤตที่รุนแรง น่ากลัวมาก ทุกคนในเมืองไทยก็ถามผมมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างมาก หลายคนบอกว่าอย่าออกจากบ้าน! ต้องสวมหน้ากากกันฝุ่น! ใช้ชีวิตเป็นปกติได้มั้ย?

แต่คนที่นี่ ยังคงวิ่งออกกำลังกายตามถนน แม่เข่นลูกน้อยไปสวนสาธารณะ ร้านกาแฟคนเต็มร้าน นั่งรับลมแบบโอเพ่นแอร์

ทั้งหมดนี้ แค่อยากชี้ให้มองอีกมุมหนึ่ง มุมที่เมื่อเกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด

“ควรจะตระหนัก แต่อย่าตระหนก” จนเกินไป

อย่าเสพสื่อจนป่วย กว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งควรจะเป็นคนป่วย

แล้วกลายเป็นว่า เราดูข่าวแล้วป่วยแทนคนที่อยู่ในข่าว

ที่สำคัญ ยุคแห่งการใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผลทางการเมือง

การที่คุณติด #รัฐบาลเฮงซวย

มันแปลว่าคุณ....

ฉลาดกว่า?

จัดการกับปัญหาเก่งกว่า?

....นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือเก่งกว่ารัฐบาลทั้งรัฐบาล

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย

ถ้าคุณเก่งกว่า ฉลาดกว่า รับมือกับปัญหาได้ดีกว่ารัฐบาล รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี

แล้วส่องกระจกดูหน่อยซิ ว่าคนเป็นใคร และทำอะไรอยู่

คนเป็นพ่อค้าแม่ขายอยู่ในตลาดนัด

ขายกับข่าวอยู่ข้างทาง

ทำนาทำไร่

เป็นข้าราชการ พนักงานบริษัทเอกชน ที่นั่งอยู่กับโต๊ะ ที่ยังจัดการกับงานประจำได้ห่วยเหมือนเดิมทุกวัน

เป็นนักการเมือง ที่โชว์วิสัยทัศน์แพรวพราว แต่ยังไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เลยยยยย

มันแปลว่าคุณ...โครตห่วย

เอาให้ตัวเอง เลื่อนจากพ่อค้าข้างทางกลายเป็นมีร้านเป็นตึกก่อน

เป็นข้าราชการ พนักงานเอกชน ที่เป็น ผอ เป็น CEO เป็นปลัด ก่อน

เป็นนักการเมือง ที่เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อน

เป็นนักการเมืองที่เคยจัดการปัญหามาก่อน

แล้วค่อย ด่า คนอื่น ว่า ห่วย

หยุดด่าคนอื่น ว่าห่วย

ทั้งๆ ที่ไม่เคยดูตัวเอง ว่าตัวเอง โครตห่วย

คนที่เก่งจริง คือคนที่เป็น ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ ประธานฯ ปลัดกระทรวง รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี

ถ้าคุณยังไม่ได้เป็น หรือยังไม่เคยเป็น แปลว่า คุณห่วย กว่าเขาเหล่านั้นเยอะ

เกิดมายังไม่เคยเป็นรัฐมนตรี ยังไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วหลงตัวเอง สร้างภาพว่าตัวเองเก่งกว่า ฉลาดกว่า เพื่อกลบภาพความ”โครตห่วย” ของตัวเอง

ห่วย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"