อพยพกลับก่อน4กพ. ใช้เครื่องเช่าเหมาลำรับคนไทย/จับ7เฟกนิวส์อู่ฮั่น


เพิ่มเพื่อน    

 สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในไทยยังทรง ติดเชื้อ 14 คนเหมือนเดิม "บิ๊กตู่" บุกตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันใช้เครื่องเช่าเหมาลำขนคนไทยกลับ รอจีนจัดคิวอยู่ คุยกับอุปทูตจีนประสานกันตลอด รมช.สาธารณสุขเผยกลางสภาจีนจะอนุญาตให้ไทยนำเครื่องบินไปเมืองอู่ฮั่นได้ไม่เกินวันที่ 4 ก.พ.

    กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสว่า ผู้ป่วยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ( Novel Coronavirus 2019) ถึงวันที่ 29 มกราคม ณ เวลา 08.00 น. พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากต่างประเทศ 14 ราย กลับบ้านแล้ว 5 ราย อีก 9 รายนอนโรงพยาบาล โดยไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย
    แต่มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ถึง 28 มกราคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 158 ราย คัดกรองจากสนามบิน 29 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 129 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 62 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 96 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในห้องแยกโรค 20 ราย โดยในวันที่ 28 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่จำนวน 22 คน
    นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การที่เราพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคเพิ่มขึ้นทุกวัน แสดงถึงประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง คัดกรอง ถ้าตรวจเจอดีแล้ว แสดงว่าเราทำงานได้ครบถ้วน จะช่วยให้การควบคุมการแพร่ระบาดได้ผลดี อย่างไรก็ตาม แม้ในต่างประเทศการติดต่อจากคนสู่คน ขอยืนยันว่าในประเทศไทยขณะนี้ผู้ป่วยยืนยันทุกคนติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ที่สำคัญโรคนี้สามารถป้องกันได้ ขอให้ทุกคนดูแลร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย”
    สำหรับการจัดการกับผู้จัดทำที่ส่งเผยแพร่ ข่าวปลอม (Fake News) เกี่ยวกับเรื่องโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 สร้างความตื่นตระหนกแก่คนในสังคม กระทรวงสาธารณสุขได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย
ใช้เครื่องเช่าเหมาลำ
    เขากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีเบื้องต้นตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าว สร้างความเสียหายในสังคม มีผู้กระทำผิดจำนวน 7 ราย โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับผู้ที่สร้างความเสียหาย เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่สังคม
    วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องการที่จะไปรับคนไทยกลับประเทศ ตอนนี้กำลังเตรียมแผนอยู่ เนื่องจากถ้าเราใช้เครื่องบินของทหารไปรับ บางอย่างอาจจะมีปัญหา และต้องดูว่าเขาพร้อมจะให้ส่งกลับหรือยัง ซึ่งอยู่ในกระบวนคัดกรองของเรา ถ้าผ่านแล้วก็พากลับมาได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำ เพราะต้องเป็นข้อตกลงกัน หลายอย่างมันไม่ง่ายนัก ถ้าคนไทยยังไม่ปลอดภัยเขาคงไม่ให้กลับ เราก็ต้องมีการเตรียมการในเรื่องเหล่านี้ ขอให้ฟังชี้แจงจากคณะกรรมการฯ ด้วย
     “เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เขาเต็มที่เราก็ต้องเต็มที่ และต้องศึกษาแนวทางปฏิบัติของประเทศอื่นๆ ด้วย เพราะหลายประเทศก็มีผลกระทบเหมือนกัน ศึกษาว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ แค่ต้องทำให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้มีกระทบทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเราไม่ได้คบกันปีเดียว หรือเฉพาะช่วงนี้ เราคบกันมาหลายร้อยปี เราเป็นมิตรระหว่างกัน แต่สุขภาพคนไทยสำคัญที่สุด” 
    ทั้งนี้่ ในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รอให้การต้อนรับ
    เมื่อเดินทางไปถึง นายกฯ ได้กล่าวทักทายประชาชนและสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า เราต้องให้ความเชื่อมั่นกับทางจีนเขา เพราะเป็นต้นทาง มาตรการต่างๆ ต้องรู้เขารู้เรา รัฐบาลจีนได้ทำอะไรไปบ้าง
     จากนั้นได้เยี่ยมชมจุดคัดกรองผู้เดินทางแบบจำเพาะเจาะจง ดำเนินการคัดกรองผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาด โดยนายแพทย์โรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ นายแพทย์ประจำจุดคัดกรองได้อธิบายและสาธิตการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิและขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจและขอบคุณการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
    ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชมจุด Health Control ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเยี่ยมชมวิธีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารร่วมกับการใช้ CCTV ของสนามบิน โดยจะเป็นการคัดกรองอุณหภูมิของผู้โดยสารทุกคนที่จะผ่านเข้าไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง ชมการสาธิตการตรวจจับผู้โดยสารผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนแบบ universal และจุดติดตั้งเทอร์โมสแกน
จีนจัดลำดับคิวอยู่
    "ผมห่วงใยประชาชนคนไทย แต่ก็ต้องห่วงใยประชาชนที่อื่นด้วย เพราะคนไทยไปประเทศไหนเขาก็ต้องดูแลเช่นเดียวกัน ดังนั้นคนที่มาประเทศเราก็ต้องดูแล ในส่วนเรื่องที่จะรับคนกลับเรามีแผนไว้แล้ว เพียงแต่ต้องรอเวลาที่จะเคลื่อนย้ายได้ แต่ไม่ใช่การอพยพ เรียกว่าการเคลื่อนย้ายกลับ รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ รอเวลานิดนึงแล้วกัน" นายกฯ กล่าว
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประเทศอื่นได้เข้าไปรับคนของประเทศตัวเองแล้ว ไทยจะดำเนินการได้เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็กำลังดำเนินการอยู่นี่ไง ทางการจีนกำลังจัดลำดับคิวอยู่ ไม่ใช่ใครจะไปก็ไปทันที เพราะขณะนี้เขาปิดเมืองอยู่ สนามบินก็ยังลงไม่ได้ ต้องขออนุมัติเป็นเรื่องๆ เป็นประเทศไป ในส่วนของคนไทยมี 65 คน เด็กเราก็พร้อมที่จะรับกลับ โดยเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นก่อน
    "จะใช้เครื่องบินพาณิชย์ โดยรัฐบาลดำเนินการทั้งหมด พร้อมทีมแพทย์ไปตรวจคัดกรองก่อนที่จะเข้ามาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะเครื่องทหารเขาไม่ให้ไป ไม่มีใครเขาให้หรอก แต่เราเตรียมไว้เผื่อถ้ามันร้ายแรง และเวลาเดินทางไปก็ไม่อยากให้แตกตื่น เมื่อสักครู่ได้คุยกับอุปทูตจีน มีการประสานให้เรามาโดยตลอด เป็นการคุยโดยตรง เขาบอกจะตามเรื่องให้ ว่าจากที่สถานทูตไทยทำเรื่องไปแล้วทางการจีนจะดำเนินอย่างไรต่อไป"
    นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องทำงานหลายๆ อย่างไปด้วยกัน ต้องทำทุกเรื่อง เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่หยุดงานอื่นทั้งหมดแล้วมาทำอย่างเดียว ทีมงานมีอยู่แล้วบริหารได้ เขาทำงานกันเต็มที่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานชนิดที่ไม่ได้หลับได้นอน รวมทั้ง แพทย์ทหาร ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีแพทย์ทหาร อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ตนจะไปตรวจติดตามและเยี่ยมผู้ป่วยที่สถาบันบำราศนราดูร
    ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณากระทู้ถามด้วยวาจา เรื่องมาตรการของรัฐบาลในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขเริ่มดำเนินการตั้งวอร์รูมมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. เพื่อติดตามสถานการณ์ในประเทศกลุ่มเสี่ยงและตั้งทีมคัดกรอง และยกระดับในการคัดกรองผู้โดยสารจากเมืองอื่นๆ ของประเทศจีนด้วย 
    "คาดว่าจีนจะอนุญาตให้เราสามารถนำเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นได้ไม่เกินวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หากสถานการณ์ไม่ได้ติดเชื้อหลักหมื่นคนเรามีความพร้อมอยู่แล้ว ส่วนการตรวจนักบินและลูกเรือนั้น เราได้ตรวจคัดกรองทั้งหมดเหมือนกับผู้โดยสาร" นายสาธิตกล่าว
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กยืนยันว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการจัดการโรคระบาดอยู่ในอันดับ 6 ของโลกและลำดับที่ 1 ในเอเชีย เราไม่เคยประมาท เราเป็นชาติแรกที่เริ่มตรวจสอบและประกาศความจริงให้โลกรับรู้ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสนิวโคโรนานอกประเทศจีน จนนำมาสู่การตื่นตัวขององค์การอนามัยโลก และทำให้ทุกๆ ชาติตื่นตัว เพราะมาตรฐานของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก
เฉลยทำไมญี่ปุ่นได้คิวแรก
    พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้สั่งการให้กรมแพทย์ทหารอากาศจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ปฏิบัติงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกรมแพทย์เหล่าทัพ ในการตรวจคัดกรองและตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง นักท่องเที่ยวที่เดินทาง และใช้บริการผ่านเข้า-ออกบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อสนับสนุนตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (2019 nCov) และดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
         นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โจมตีรัฐบาลว่า น่าประหลาดใจที่รัฐบาลไทยยังไม่สามารถอพยพคนไทยที่เป็นคนงานและนิสิตนักศึกษาได้ โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ผิดกับทหารเรือที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่อู่ต่อเรือ บริษัทคู่สัญญาที่เมืองอู่ฮั่น สามารถเดินทางกลับประเทศไทยครบทุกนาย ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ขอถามไปยังรัฐบาลว่า การทำเช่นนี้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะคนไทยที่ไม่ได้เป็นทหาร ไม่มีสิทธิ์เดินทางกลับหรืออย่างไร ไม่แปลกใจจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นที่สังคมโซเชียลพร้อมใจกันติดแฮชแท็กว่า รัฐบาลเฮงซวย
    ประเด็นนี้ได้รับการชี้แจงจากเพจ Mister JAPAN ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องญี่ปุ่นได้ระบุว่า  รัฐบาลจีนได้ขอร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะหน้ากากที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีความจำเป็นสูง เนื่องจากไม่เพียงพอ ทางบริษัทเอกชนของญี่ปุ่นหลายแห่งได้รีบออกมาแสดงน้ำใจต่อชาวจีน โดยประกาศบริจาคหน้ากากเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านชิ้น
    รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศกับทางจีนว่า จะช่วยลำเลียงหน้ากากไปจีนทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะต้องบินไปมาหลายรอบก็ตาม ขาไปนำของไปส่ง ขากลับพาคนญี่ปุ่นที่ติดค้างกลับ เป็นวิธีที่ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่านี้อีกแล้ว
    นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ชี้แจงกรณีพบหญิงชาวจีนเสียชีวิต ณ อ.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยได้รับรายงานเมื่อวันที่ 29 ม.ค. พบศพหญิงชาวจีน อายุ 32 ปี เพื่อนของผู้ตายแจ้งว่าช่วงเช้าวันนี้พบผู้ตายนอนหมดสติบนเตียง จึงรีบโทร.แจ้ง 1669 จากการซักประวัติเบื้องต้น ผู้ตายมีประวัติเดินทางมาจากเมืองกว่างโจว เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ผู้ตายไม่มีอาการผิดปกติ ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูก ไม่หอบเหนื่อย ไม่มีไข้มาก่อน ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่ได้ดื่มสุราหนักตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวาน แล้วเข้านอนประมาณ 3-4 ทุ่ม ช่วงเช้าวันนี้พบนอนหมดสติอยู่บนเตียง 
แค่เมาแล้วล้ม
    เนื่องจากมีการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ และอาการป่วยที่ไม่ชัดเจน ประกอบกับผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเมืองที่มีการประกาศเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จึงต้องใช้มาตรการระดับสูงโดยในการจัดเจ้าหน้าที่ลงปฏิบัติงานตามแนวทางการป้องกันโรคที่ได้วางไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติ เมื่อไปถึงพบว่าเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุการตายยังไม่ทราบสาเหตุ และต้องดำเนินการตรวจชันสูตรหาสาเหตุตามขั้นตอน ต่อไปซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว รวมถึงการสอบประวัติผู้เกี่ยวข้องเพื่อความไม่ประมาท จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกเกินไป
    ขณะที่ น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ วา สรันพัชญิ โพสต์ภาพผู้โดยสารนอนล้มลงบนพื้น พร้อมเขียนข้อความว่า “สนามบินตอนนี้ คนจีนอยู่ดีๆ คือล้มตึงลงไปเลยจ้า บริเวณชั้น 3 รัฐบาลเอาอยู่จริงๆ จ้า ห้ามถ่ายรูปไปอีก น่ากลัวมาก” 
    อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีผู้โดยสารชาวจีนป่วยด้วยโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ภายใน ทสภ. 
    ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ทสภ.ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยจากการตรวจสอบพบว่าภาพที่เห็นว่ามีผู้โดยสารล้มลงอยู่กับพื้นนั้น เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา  01.22 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา โดยเป็นผู้โดยสารที่เมาสุราแล้วพลัดตกเก้าอี้บริเวณชั้น 3 ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายแพทย์ได้เข้าให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น และได้พาผู้โดยสารคนดังกล่าวไปแจ้งความเนื่องจากทำพาสปอร์ตหาย 
    น.ท.สุธีรวัฒน์ยืนยันว่า ได้มีมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา โดย ทสภ.ได้มีการยกระดับการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าจากเดิมที่มีการตรวจคัดกรองเฉพาะเมืองอู่ฮั่นและกว่างโจว มาเป็นการตรวจคัดกรองทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน แล้วตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. ซึ่ง ทสภ.ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทำการติดตั้งเครื่อง Thermo Scan บริเวณจุดตัดอาคารเทียบเครื่องบิน D ทั้ง 2 จุด และบริเวณทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 3 จุด รวมทั้งสิ้น 5 จุด
    ทั้งนี้ ทสภ.ยังมีความห่วงใยในสุขอนามัยของผู้ใช้บริการทุกท่าน โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายใน ทสภ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดตามจุดต่างๆ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาด อาทิ ภายในห้องน้ำ รถเข็นกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เคาน์เตอร์ให้บริการสายการบิน เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ รวมถึงเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน ราวบันได พื้นที่พักคอย เป็นต้น. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"