คาดเงินหาย9.5หมื่นล. ครม.คลอดแพ็กเกจอุ้ม


เพิ่มเพื่อน    

 ครม.เศรษฐกิจคลอดแพ็กเกจพยุงธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังเจอพิษไวรัสโคโรนา ประเมินถึงเม.ย.นักท่องเที่ยวจีนหาย 80% สูญ 9.5 หมื่นล้าน พร้อมตั้ง คกก. "Ease of Traveling" ฟื้นท่องเที่ยว กรมสรรพสามิตขานรับลดภาษีน้ำมันเครื่องบิน SMEแบงก์พักชำระหนี้ 12 เดือนเยียวยาผู้ประกอบการ

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 31 มกราคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 
    นายยุทธศักดิ์เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แบ่งเป็น 2 ระยะ คือมาตรการระยะเร่งด่วน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.นี้ ประกอบด้วย 1.สื่อสารสร้างความเข้าใจแก่คนไทยและนักท่องเที่ยว โดยห่วงใยและให้ความสำคัญกับคนไทยเป็นอันดับแรก และแสดงความเห็นใจไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบ 2.เฝ้าระวังและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว โดยยกระดับศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเป็นวันสต๊อปเซอร์วิส 
    3.เยียวยาธุรกิจท่องเที่ยว โดยการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและยืดระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้หรือดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลงของอากาศยาน การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน และ 4.กระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น สนับสนุนให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานราชการจัดประชุมสัมมนาในพื้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงการหาตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเพื่อทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ 
    ส่วนมาตรการระยะยาว ตั้งแต่เดือน พ.ค.2563 เป็นต้นไป เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน จะมีการตั้งคณะกรรมการ Ease of Traveling โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ตามที่นายกฯ มอบหมายเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธาน ทำหน้าที่ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การปรับปรุงบริการ การอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย 2.การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพ และการบริการด้านการท่องเที่ยว และ 3.ดำเนินการกระตุ้นตลาด โดยการสนับสนุน Charter Flight สำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง และการขยายเวลาเศรษฐกิจภาคกลางคืน นำร่องเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว (Zoning) 
    ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า จากการประเมินและเก็บข้อมูล พบว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้งแต่ช่วงปัจจุบันถึงเดือน เม.ย.2563 ลดลง 80% คิดเป็นมูลค่าความเสียหายในขณะนี้ อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าสถานการณ์ในภาคการท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น หากจีนมีการยกเลิกคำสั่งการออกนอกประเทศภายใน 3 เดือน ซึ่งสถานการณ์ในภาคการท่องเที่ยวอาจจะไม่กลับมาดีในทันที คงใช้เวลาในการฟื้นตัว 1-2 เดือน ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ไทยจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้การท่องเที่ยวกลับมาเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยในปี 2563 ยังคงเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 41.8 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.22 ล้านล้านบาท โดยยืนยันว่าหน่วยงานพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาระดับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีก่อน และให้เป็นไปตามเป้าหมาย
    อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้มีการหารือถึงแนวคิดในการทำประกันให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อให้ความคุ้มครองกรณีการเสียชีวิตและเจ็บป่วยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ที่ประชุมเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้เลวร้ายเทียบเท่ากับโรคซาร์ส จึงยังไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้
ชงหั่นภาษีน้ำมันเครื่องบิน
    นายกอบศักดิ์ ในฐานะเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะช่วยดูผลกระทบของสายการบิน โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป และขอให้ทำใจว่าปัญหาไวรัสจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก 3-6 เดือนแรกของปี
    “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ประเทศไทยเคยเจอปัญหาลักษณะนี้มาแล้วในช่วงการระบาดของไข้หวัดนกและโรคซาร์ส ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในช่วงนั้น โดยรัฐบาลได้หยิบเอาประสบการณ์ในอดีตมาใช้เตรียมการรับมือในขณะนี้ โดยอมรับว่าจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป 3-4 เดือน แล้วจึงจะทยอยกลับมา ดังนั้นระหว่างนี้ต้องมาดูวิธีการในการช่วงพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม 5 ล้านราย และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีก 10 ล้านคน จึงจำเป็นต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรไทยถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้” นายกอบศักดิ์ระบุ
    ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการหารือในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจเกี่ยวกับแนวทางในการดูแลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอีก 2 ครั้ง โดยอาจจะมีมาตรการคล้ายคลึงกับมาตรการไทยเที่ยวไทย มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว และการปลดล็อกแนวทางการช่วยเหลือต่างๆ ตามมาอีกในระยะต่อไป 
    นางนฤมลกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับถึงกรณีที่จะมีการยกเลิก VOA (visa on arrival) จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะทางการจีนยกเลิกการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์แแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไปร้อยละ 100 และชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวแบบไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ ทางการจีนขอความร่วมมือไม่ให้ออกเดินทางก็ลดลงแล้วร้อยละ 50 และได้เน้นย้ำผลกระทบเศรษฐกิจท่องเที่ยวและอื่นๆ โดยรัฐบาลยืนยันให้ความสำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ชีวิตและสุขภาพของประชาชน ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาทราบว่าประเทศไทยมีระบบการสาธารณสุขมีมาตรฐานสากลตามองค์การอนามัยโลก และมีความพร้อมในการควบคุมการแพร่ระบาดของโลกอันดับ 6 ของโลก จาก 195 ประเทศทั่วโลก 
    ส่วนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.รายงานว่า มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างเข้มข้น ทั้ง 3 ระดับ ระดับที่ 1 ผู้โดยสารเครื่องบินจากเมืองกลุ่มเสี่ยงมาก มีการคัดกรองที่หน้า GATE  สำหรับเที่ยวบินที่จัดอันดับความเสี่ยงโรคระบาดระดับปกติ จัดพื้นที่ลงจอดที่อาคารเทียบเครื่องบิน  D E F มีจุดตรวจด้วย ส่วนเที่ยวบินอื่นๆ ที่ไม่สุ่มเสี่ยงตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และส่วนบัสเกต มีจุดตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่ E ประชาชนจะได้เชื่อมั่นการคัดกรองของ ทอท.และกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศแล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีข้อแนะนำ ส่วนผู้ที่มีอาการของโรคจะมีการดำเนินการตามระบบที่วางไว้ 
    ทั้งนี้ จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 3-28 ม.ค.2563 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นเข้ามายังประเทศไทยทั้งสิ้นประมาณ 20,200 คน โดยในจำนวนนี้ได้มีการเดินทางออกจากประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว 7,500 คน และยังเหลือนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองอู่ฮั่นที่อยู่ในประเทศไทยอีก 2,730 คน
พักหนี้ช่วยธุรกิจ SME
     นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า เพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจโรงแรม ที่พัก สินค้าเกษตรแปรรูป ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก และร้านค้าส่งร้านค้าปลีก เป็นต้น ธพว.จึงได้ออกชุด “มาตรการช่วยเหลือลูกค้าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา” เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
    ประกอบด้วย 1.มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น นานสูงสุด 12 เดือน สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม โดยเริ่มพักชำระนับจากเดือนถัดไปที่ได้รับการอนุมัติพักชำระหนี้เงินต้น 2.มาตรการขยายเวลาชำระหนี้ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถขยายเวลาชำระหนี้ออกไปได้สูงสุด 5 ปี และสำหรับลูกค้าที่ใช้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อเดิม สามารถขยายระยะเวลาค้ำประกันออกไปได้อีก 5 ปี โดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ และการดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกค้าข้างต้นไม่ถือเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา และ 3.มาตรการเติมทุนดอกเบี้ยถูกเสริมสภาพคล่อง วงเงิน 3,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นิติบุคคล 3 %ต่อปี ใน 3 ปีแรก บุคคลธรรมดา 5% ต่อปี ใน 3 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี  
    "จากชุดมาตรการดังกล่าว จะช่วยลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น รักษาสภาพการจ้างงานในกิจการ และช่วยป้องกันการตกชั้นได้อีกทางหนึ่ง โดยลูกค้า ธพว.ที่ได้รับผลกระทบและต้องการรับความช่วยเหลือ สามารถยื่นคำขอได้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563 ณ สาขา ธพว.ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357" นางสาวนารถนารีระบุ
     นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า พร้อมที่จะใช้มาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้พิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน ที่ก่อนหน้านี้เคยหารือกันและได้ข้อให้กลับไปทำข้อเสนอกลับมาว่า หากมีการลดภาษี จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ซึ่งหากกระทรวงการคลังและ ครม.ไม่ขัดข้อง กรมพร้อมที่จะลดภาษีให้
    ทั้งนี้ จะเป็นมาตรการลดให้กับเที่ยวบินภายในประเทศเท่านั้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และจะต้องเป็นมาตรการชั่วคราว ไม่ได้ลดภาษีช่วยตลอดไป และยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่ได้เป็นปัญหาให้กับกรม เพราะปัจจุบันกรมจัดเก็บภาษีน้ำมันเครื่องบินไม่มาก แค่ 1-2 พันล้านบาทต่อปี ไม่ได้มีนัยสำคัญ แต่หากเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวจริงๆ ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่า.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"