'อู่ฮั่น' กับ 'กลับช้า-กลับเร็ว'


เพิ่มเพื่อน    

           จริตห่วงคนไทยที่อู่ฮั่น "เมื่อไหร่รัฐบาลจะไปรับกลับ"

                น่าจะลดดีกรีลง!

                เพราะเมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๓) เห็นรัฐบาลบอก

                จีนส่งสัญญาณมาแล้ว ไม่วันนี้-พรุ่งนี้ ซึ่งไม่น่าเกิน ๔ กุมภา

                จะถึงคิวให้ไทยเข้าไปขน ๖๔ คนไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศ

                "ไทยแอร์เอเชีย"......

                รับทำหน้าที่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น!

                ต้องปรบมือให้ สมสโลแกน "แอร์เอเชีย..ใครๆ ก็บินได้" ขอบคุณและขอบใจอีกครั้ง

                เรื่องห่วงคนไทยที่ติดในอู่ฮั่น แบ่งเป็น ๒ ห่วง ห่วงหนึ่ง ไทยห่วงไทยจริงๆ อยากให้ไปรับกลับเร็วๆ

                อีกห่วง ก็ห่วงมั้ง?

                แต่ที่แน่ๆ เจตนาฉวยโอกาสโหนสถานการณ์ช่วงจีนยังไม่อนุญาตให้ไทยบินเข้าไป ปั้นเป็นประเด็นด่ารัฐบาล

                ก็คอยดูนะ หมดประเด็นรับกลับนี้แล้ว

                พวก "อีห้อย-ไอ้โหน" จะมี "ประเด็นไหน" พลิกเป็นมุมด่ารัฐบาลต่ออีก?

                เรื่องขนคนที่ติดอยู่ในอู่ฮั่นกลับประเทศนั้น ไม่เฉพาะไทย ผมหมายถึงคนของทุกประเทศ

                อยากให้ลองตรองกันดู..........

                ว่าทำไม ดูท่าทางจีน ไม่ค่อยอยากปล่อยให้กลับทันที-ทันใด ในขณะที่แต่ละประเทศ การเมืองภาคเอาใจประชาชน เป็นไฟลนตูด กระหืด-กระหอบ จะขนกลับเร็วๆ ท่าเดียว?

                ซึ่งสุดท้าย จีนก็ต้องยอมตามใจแต่ละประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย

                เหรียญย่อมมี ๒ ด้าน กรณีนี้ ก็เช่นกัน

                ในด้านของจีน ผมว่าที่เขาไม่เต็มใจให้รีบขนคนกลับก็มีเหตุผล

                เรื่องโรคระบาด ระบาดขึ้นที่ใด การควบคุมคนที่นั้น ให้อยู่ในพื้นที่จำกัดในเบื้องต้น สำคัญที่สุด

                ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จะสิ้นฤทธิ์อยู่แค่อู่ฮั่น หรือจะแผลงฤทธิ์ แพร่เชื้อกระจายไปทั้งโลก

                "จุดเป็น-จุดตาย" อยู่ตรงนี้!

                เพราะเมื่อพบคนติดเชื้อไวรัสนี้ในอู่ฮั่น ก็ต้องตีค่าคนทั้งหมด ที่มีวงจรชีวิตอยู่ในเมืองนั้น ว่า       

                มี "ความเสี่ยงสูง" ในการติดและแพร่เชื้อต่อ

                ทางระงับยับยั้งการแพร่กระจายออกไป ก็ต้อง "ล้อมคอก" คือควบคุมให้อยู่เฉพาะในวงจำกัดนั้น

                อย่างที่จีนทำ ใช้มาตรการ "เด็ดขาด-ฉับพลัน"

                "ปิดเมือง" ห้ามคนเข้า-คนออก!

                แล้วสกรีนคนทั้งเมือง คัดแยกให้แน่ใจรายตัว-รายหัว ใครติด-ไม่ติดเชื้อ

                ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มันไม่เลือกหรอกว่า คนจีน คนไทย คนฝรั่ง คนแขก ใครอยู่อู่ฮั่นหรือบริเวณนั้น

                มันหนุบหนับได้หมด!

                ดังนั้น อู่ฮั่น...ภาพรวมคือ "ประเทศจีน" ถูกตีตราว่า เป็นต้นตอของโรคระบาด

                ทางรัฐบาลจีน เขาจึงมีความรับผิดชอบทางจิตสำนึกอยู่ในใจลึกๆ

                จึงไม่อยากให้แต่ละประเทศรีบรับคนกลับออกไป ก่อนจะได้ตรวจเช็ก "รายคน" ว่ามีใครติดเชื้อ หรือไม่ติด?

                เพราะขืนให้กลับออกไป โดยไม่ตรวจเช็กให้แน่ใจ

                นั่นจะเท่ากับ..........

                "จีน...ส่งไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่" เป็นสินค้าสู่ตลาดโลก!

                ส่งไปญี่ปุ่น ส่งไปสหรัฐฯ ส่งไปยุโรป ส่งไปเอเชีย ส่งไปอาเซียน ส่งไปสิงคโปร์ รวมทั้งส่งมาไทยด้วย!

                ผมมองว่า จีนเขามีความรับผิดชอบต่อสังคมและมวลมนุษยชาติสูง

                สมมุติใครอยากหนีออกไป ใครจะมาขนคนกลับไป

                ถ้าจีนต้องการ "ปัดสวะพ้นตัว" ก็จะ เออ...รีบๆ มาขนคนของเอ็งกลับไปเลย!

                แบบนั้น ง่ายมาก

                แต่จีนไม่ทำ อย่างที่เห็น จนกระทั่งถูกประเทศขาใหญ่ อย่างญี่ปุ่น สหรัฐฯ บีบเค้นหนัก จะขนคนของเขากลับออกไปให้ได้

                จีนก็จำให้ขนกลับออกไปแบบไม่เต็มใจ

                แล้วผลเป็นไง........

                ขนาดก่อนจะอนุญาตให้คนไหนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศได้ ตรวจแล้ว-ตรวจอีก

                ก็ยังปรากฏว่า มีคนติดเชื้อไปออกอาการที่ญี่ปุ่น ที่สหรัฐฯ!

                ลองคิดให้รอบด้าน จำนวนคนระดับร้อย-ระดับพัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ระบาดอยู่แล้ว

                เขาให้จำทนอยู่ในพื้นที่ชั่วคราวก่อน เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่ามีใครติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ

                แต่ทุกคนกลัว อยากหนีไปจากนรกนั้น จะกลับประเทศตัวเอง ด้วยเกรงว่า อยู่ต่อไป อาจติดเชื้อ

                เอ้า...อยากกลับ ก็กลับไป

                พอกลับ "เสี่ยง" ของคนแค่ร้อย-แค่พันคนที่ต้องอยู่อู่ฮั่น กลายเป็น "เสี่ยงของคนทั้งประเทศ" ที่ตัวเองกลับไปทันที!

                เพราะที่กลับ ยังแน่ใจในทุกคนไม่ได้ว่า ที่เห็นปกติ ใช่ว่าจะติด-ไม่ติดเชื้อ มันอาจอยู่ระหว่างฟักตัวตอนนั้นก็ได้

                ดูจากที่ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง!

                เนี่ย...

                จีนอาจไม่ต้องการให้เกิดอย่างนี้ขึ้นก็ได้ เพราะถ้ามันระบาดเป็นวงกว้างไปทั้งโลก จีนจะถูกรุมโทษ เผลอๆ ไปถึงขั้น เป็นแผนสงครามชีวภาพ

                เพราะอย่างนี้ จีนถึงไม่ค่อยอยากให้แต่ละประเทศรับกลับทันที-ทันใด

                มันไม่เกี่ยวกับ "อิทธิพลทางการทูต" ว่าใครมาก-ใครน้อย ที่ได้บิน-ไม่ได้บิน เข้าไปรับคนประเทศของตนกลับ

                และตอนนี้ WHO องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลกไปแล้ว

                ดังนั้น จะทำอะไร ต้องใคร่ครวญให้รอบด้าน อย่าทำหรือออกมาตรการอะไร คิดคืบเดียว แบบการเมืองนำหน้า ชาวบ้านว่าไง ก็ไหลตามไปทั้งหมด

                ในจิตพื้นฐานนั้น มันเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าคนชาติไหน มีอะไรปุ๊บ ย่อมห่วงคนชาติตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ผมก็ห่วง

                แต่การขนคนกลับ แต่ละสถานการณ์มันไม่เหมือนกัน อย่างกรณีนี้ เป็นโรคระบาดร้ายแรง

                น้อยคน รวมทั้งผมด้วย ไม่รู้หรอกว่า การจะเอาเรือบิน บินเข้าไปขนคนกลับจากประเทศหนึ่ง ในภาวะโรคระบาด

                มันมีมาตรการ ขั้นตอน กฎระเบียบ ต้องปฏิบัติอย่างใดบ้าง ซึ่งมันไม่ง่าย เหมือนกรณี แผ่นดินไหว  ตึกถล่ม จลาจล ฆ่ากัน อะไรทำนองนั้น

                ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ว่าการที่ไทยห่วงไทย ห่วงนั้น ด้วยวิธีการ จะไม่เป็นที่ให้ไวรัสเกาะเข้ามาระบาดในประเทศ โดยสุจริต

                ดังนั้น อย่าเร่งเร้า ทำนอง ทำไมไม่รีบไปรับกลับมา

                อยู่อู่ฮั่น ก็ใช่....มันลำบาก

                หวาดผวานั้น ก็แน่นอน แต่รัฐบาลไทย รัฐบาลจีน เขาไม่ปล่อยให้คนไทยอดตาย ซึ่งก็เห็นอยู่แล้ว

                ผมว่า ที่จีนยังไม่ให้คนไทยกลับ ไม่เกี่ยวอิทธิพลทางการทูต แต่เพราะเขารัก และปรารถนาดีมากกว่า

                ๖๔ คนไทยหรือมากกว่านั้นในอู่ฮั่น ถึงวันนี้ ไม่ปรากฏว่า มีใครป่วยหรือติดเชื้อ ถ้ามีเป็นข่าวไปแล้ว

                นี่ก็สบายใจได้ขั้นหนึ่ง

                ที่เขายังไม่ให้กลับ ก็คงหวังเฝ้าดูและตรวจเช็กให้แน่ใจจริงๆ ว่า "ปลอดภัย..ไม่ติดเชื้อ" ชัวร์ๆ

                ให้กลับ ก็จะไม่มีเชื้อไปแพร่ในประเทศแน่นอน!

                แง่นี้มากกว่า........

                ไม่ใช่ไทย "เส้นเล็ก" ต้องรอคิวท้ายๆ พวกเส้นใหญ่อย่างญี่ปุ่น เป็นไงล่ะ ตอนนี้ ถูกชาวบ้านด่าขรม

              เพราะกลับไป พบว่ามีติดเชื้อมา หวาดผวากันไปทั้งเกาะ พลอยสะเทือนถึงคนไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่เริ่มแหยง ด้วยระแวงระบาด

                ในเมื่อไทยจะขนคนไทยกลับจริงๆ.......

                จีนก็คง "อยากเอางั้น...ก็เอา" แต่การจะให้กลับ ก็ต้องตรวจรายตัว ผ่านพิธีการมากมายอยู่ และมีใบรับรอง

                ดังนั้น ผมไม่แน่ใจว่า จะกลับได้วันนี้ พรุ่งนี้ อย่างเป็นข่าว

                และเมื่อนำกลับมา ก็ไม่ทราบว่า รัฐบาลจะนำ ๖๔ คน ไปกักตัวไว้เฝ้าดูอาการที่ไหน อย่างน้อยก็ครึ่งเดือนแหละ

                จึงอยากเรียนรัฐมนตรีสาธารณสุข "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รวมถึงรัฐมนตรีคมนาคม "นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ว่า

                เห็นตามข่าว......

                ท่านจะเดินทางไปอู่ฮั่นกับเครื่องแอร์เอเชีย เพื่อรับคนไทยกลับนั้น

                "อย่าไป" เป็นอันขาด แค่นี้ก็ได้หน้า-ได้ชื่อแล้ว!

                เพราะถ้าไป ท่านทั้ง ๒ ก็จะเหมือนทุกคนที่ไปกับเครื่องและ ๖๔ คนที่ไปรับกลับ

                คือต้องถูก "กักตัว" เฝ้าดูอาการ ๑๔ วัน!

                อดร่วมประชุมสภา นัดฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ๖ รัฐมนตรีน่ะซี!

                ฉะนั้น วางตำแหน่งตัวเองให้ถูกกับงานดีกว่า การไปรับ ให้เป็นหน้าที่หมอ-พยาบาลและผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเถอะ

                ท่านรัฐมนตรี คอยทำหน้าที่ประธานอยู่นี่แหละ เพราะเรื่องไม่จบแค่รับกลับ จะมีปัญหาต้องให้ท่านบริหาร-จัดการอีกมากมาย

                แท็กซี่รับคนอู่ฮั่นไปส่ง ยังเป็น "คนไทยรายแรก" ที่ติดเชื้อ แล้วนี่ พวกเรากลับจากอู่ฮั่นร่วมร้อยคน

                ท่านต้องบริหารประเด็นถูกสร้าง "อุปาทานหมู่" ให้ดีนะ ขบวนการเฟกนิวส์มันเอาแน่ ป่านนี้วางพล็อตเรื่องกันแล้วมั้ง?

                รักคนไทย ๖๔ คน กับรักคนไทย ๖๙ ล้าน

                รักต่อรัก..........

                ต้องบริหารในสถานการณ์ไวรัสและไวรัล ให้ทันเกม-ทันเจ๊ เค้านะ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"