หวั่นแจกกล้วยสยบอภิปราย


เพิ่มเพื่อน    

 เลขาฯ พปชร.ไม่ห่วง "บิ๊กตู่" หัวร้อนในศึกซักฟอก มั่นใจ รมต.พรรคตอบคำถามได้ รับกังวลหากอภิปรายนอกกรอบย้อนยุค คสช. ประธาน ส.ส.พปชร.ลั่นถ้าอภิปรายนอกประเด็นจะลุกขึ้นประท้วงตัดบทเอง "เทพไท" ขวางประธานวิปรัฐบาลขู่ปิดอภิปรายหากถูกตรวจสอบถึงยุค คสช. ขณะที่ฝ่ายค้านติวเข้มข้อมูลทำเป็นซีรีส์เชื่อมโยง "3 ป." พุ่งเป้า "ประยุทธ์" ให้เห็นภาพตั้งแต่ยุค คสช. เตือนอย่าแจกกล้วยให้ลิงแลกเสียงข้างมาก

    เมื่อวันอาทิตย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า มีความชัดเจนในเรื่องบุคคลแล้ว จึงพอจะเห็นประเด็นว่าฝ่ายค้านจะหยิบประเด็นใดมาอภิปรายจากข้อกล่าวหาต่างๆ โดยจะมีการเตรียมข้อมูลอภิปรายในส่วนข้อกล่าวหานั้นๆ อีกทั้งต้องดูว่าข้อกล่าวหาจะเกี่ยวกับกระทรวงใดบ้าง เบื้องต้นได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เราจึงต้องติดตามแนวทางของฝ่ายค้านว่าจะออกมารูปแบบใด แต่ทางพรรคมั่นว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนและรัฐบาลจะตอบคำถามของฝ่ายค้านได้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการอภิปรายญัตติพุ่งเป้าไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งอาจมีการเชื่อมโยงไปถึงการบริหารงานในยุค คสช. นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ไม่หนักใจ ขึ้นอยู่กับกรอบอภิปรายว่าสามารถอภิปรายในกรอบได้มากน้อยแค่ไหน แต่มองว่าการอภิปรายต้องพุ่งเป้าในกรอบการทำงานของรัฐบาลเป็นตัวตั้ง และเชื่อว่านายกฯ สามารถตอบคำถามและข้อข้องใจในสิ่งที่ฝ่ายค้านสงสัย จึงไม่มีอะไรหนักใจ 
    "แต่ยอมรับหนักใจหากมีการอภิปรายนอกกรอบในสิ่งที่ไม่ควรหยิบยกมาอภิปราย จึงต้องดูตอนนั้นอีกครั้งว่าสิ่งที่อภิปรายนั้นเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้วิปฯ ทั้งสองฝ่ายหารือกันถึงกรอบการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ และไม่กังวลเรื่องอารมณ์ของนายกฯ เพราะนายกฯ เป็นผู้นำ แต่อาจมีบุคลิกพิเศษ  มั่นใจว่าพรรคร่วมจะผนึกกำลังและช่วยกันชี้แจงในการอภิปราย ส่วนเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน ได้กำชับมาโดยตลอด เชื่อว่าครั้งนี้ประธานสภาฯ จะให้เวลาเสียบบัตรลงคะแนนเพิ่มมากขึ้น เพราะได้รับรู้ถึงปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ แล้ว" นายสนธิรัตน์กล่าว
    นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพปชร. กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคจะได้เตรียมความพร้อมในเรื่องข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพรรค และส่วนที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์ พปชร. เบื้องต้นได้วางตัว ส.ส.จำนวนหนึ่งคอยลุกขึ้นประท้วง ชี้แจงข้อเท็จจริง และตอบโต้ฝ่ายค้านในกรณีอภิปรายนอกประเด็นไว้แล้ว เพื่อตัดบทให้การอภิปรายเข้าสู่สาระสำคัญและสร้างสรรค์ ตนจะเป็นหนึ่งในคนที่จะลุกขึ้นประท้วงและตัดบทด้วยตัวเอง อยากให้การเมืองสร้างสรรค์ มีสาระ ไม่ใช่มาด่ากัน ถ้าฝ่ายค้านมีหลักฐานชัดเจนก็นำมาเสนอให้สังคมรับรู้ ไม่ใช่มาใช้เวทีสภาตีกินรัฐบาล
    มีรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์สั่งการบ้านในระหว่างการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ให้ทุกฝ่ายเตรียมข้อมูลให้พร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะกรณีที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมาอภิปราย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้พูดคุยทีมเศรษฐกิจพร้อมสั่งให้ทุกคนช่วยนายกฯ ชี้แจงในการอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจ โดยย้ำว่าอย่าปล่อยให้นายกฯ โดดเดี่ยว เพราะเชื่อว่าหลังฝ่ายค้านตัดชื่อนายสมคิด และนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลังออกแล้วฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจมาที่นายกฯ เพราะรู้ว่านายกฯ ไม่เชี่ยวชาญมากเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะใช้วิธีขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนลุกขึ้นชี้แจงแทน ในฐานะที่รับผิดชอบงานโดยตรงในแต่ละด้าน
"เทพไท"ขวางปิดอภิปราย
     นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และประธาน ส.ส.ของพรรค กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีรวม 6 คน โดยไม่มีรัฐมนตรีของ ปชป.ถูกอภิปรายว่า ไม่ใช่เกมการเมืองที่ฝ่ายค้านต้องการให้รัฐบาลสั่นคลอน เพราะโดยทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอยู่บนพื้นฐานหลักการ 4 ประการ คือ 1.ทุจริต 2.ทำผิดกฎหมาย 3.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่เพื่อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง 4.มีคุณสมบัติหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการเป็นรัฐมนตรี การที่รัฐมนตรีท่านใดไม่ถูกอภิปรายก็แสดงว่ายังไม่เข้าข่ายตามหลักการ 4 ประการดังกล่าว เชื่อว่าการกำหนดตัวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่เกี่ยวกับเกมการเมือง แต่เป็นเรื่องของข้อมูลหลักฐานมากกว่า
     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. กล่าวถึงกรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าถ้าฝ่ายค้านอภิปรายผลงานรัฐบาลย้อนหลังไปถึงยุค คสช.ทั้งหมดอาจมีการเสนอขอปิดอภิปรายว่า ไม่ควรที่จะเกิดท่าทีเช่นนี้ เพราะจะเป็นการทำลายวัฒนธรรมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลและทำให้ฝ่ายรัฐบาลเสื่อมเสีย ส่วนเกณฑ์ที่ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายได้ควรอยู่ในญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ถ้าหากอยู่ในประเด็นที่ยื่นเอาไว้ และผ่านการวินิจฉัยของประธาน ก็คาดว่าสามารถอภิปรายได้ ทั้งนี้ถ้าฝ่ายรัฐบาลปิดกั้นหรือปิดปากฝ่ายค้านอาจทำให้ฝ่ายค้านได้เครดิต 
     "การอภิปรายไม่ไว้วางใจตรงนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่เข้ามาสู่การเมือง ฉะนั้นต้องยอมรับกติกาเพราะตอนนี้ไม่ใช่ยุค สนช.ที่ไม่มีการตรวจสอบ คุณประยุทธ์ต้องยอมรับกติกาว่าท่านมาจากรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง  เพราะฉะนั้นท่านจะต้องถูกตรวจสอบจากฝ่ายคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และก็ต้องเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างตรงไปตรงมา เพราะนี่คือหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" นายเทพไทกล่าว
        ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.)ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้คุยกันมาอยู่ตลอด วันที่ 3 ก.พ. จะมีการหารือเอาเนื้อหามาลงรายละเอียดมาคุยกันเพื่อทำเป็นซีรีส์เชื่อมต่อกันก่อนที่จะวางตัวผู้ที่จะอภิปราย และวางลำดับวางสคริปต์คร่าวๆ เนื่องจากมีผู้อภิปรายจำนวนมาก จึงไม่อยากให้ประเด็นซักฟอกนั้นซ้ำกัน สิ่งที่กังวลนิดหน่อยคือปริมาณผู้อภิปรายที่มีประมาณ 20-25 คน หลายคนยังประสบการณ์น้อย ก็ต้องเติมประสบการณ์ให้ใหม่ โดยจะซักซ้อมและจัดประชุมกันอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของข้อมูลนั้นเรามีดีและเนื้อหาแน่น
    เมื่อถามถึงไฮไลต์ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นเรื่องใด นายสุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่อยากอภิปรายให้เห็นภาพที่บางเรื่อง บางอย่าง บางคนไม่รู้ หรือไม่คิดว่าผู้ที่ถูกอภิปรายจะเป็นได้หรือทำได้ขนาดนี้ ส่วนที่ประธานสภาฯ จะสั่งห้ามไม่ให้อภิปรายเชื่อมโยงเรื่องอดีต เชื่อว่าเป็นเกมของเขาอยู่แล้ว แต่มันมีคำอธิบายได้ ที่เราจะโยงให้เห็นภาพต่อเนื่องกันก็ต้องมีการเท้าความ และให้ประชาชนตัดสิน เพราะเป็นเรื่อง 4-5 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจสอบ ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนก็อยากฟัง  
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า ผู้อภิปรายทุกคนจะใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบมาแล้วเท่านั้น จะไม่มีการอภิปรายใส่ร้ายป้ายสีอย่างเด็ดขาด จะยึดเอาเนื้อหาที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยืนกรอบไว้ 3 ด้านคือ 1.ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่อทุกปัญหา ที่ผู้นำรัฐบาลขาดวิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหา รวมทั้งขาดภาวะความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติ ที่จะสร้างความอุ่นใจและความมั่นใจให้กับประชาชนได้ 2.การทุจริตจากการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งทุกนโยบายที่ออกมาตั้งแต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแจกเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี  ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเจ้าสัว ทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่รวยขึ้น ขณะที่คนธรรมดากลับยากจนลง เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือรวยกระจุก จนกระจาย 3.การทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายโครงการและหลายกระทรวง มีการเรียกรับผลประโยชน์สูงยิ่งกว่าที่เคยมีการกล่าวหากันมาในอดีต ฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบจึงพบว่ามีพวกขยะพิษ ระดับบิ๊กเนมเข้าไปเกี่ยวข้อง 
เชื่อมโยง 3 ป.พุ่งเป้าประยุทธ์
      "หวังว่าเราคงจะไม่เห็นความพยายามในการที่จะหามือมาโหวตให้ชนะฝ่ายค้านในสภาอีก เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบของงูเห่าหรือการแจกกล้วยให้กับลิง ก็ถือเป็นการกระทำที่ไร้อุดมการณ์ เพราะจำนวนมือในสภาย่อมไม่มีค่าเท่ากับความศรัทธาของประชาชน แม้รัฐบาลจะชนะเสียงโหวตในสภา แต่หากไม่สามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ เสียงข้างมากที่เกิดจากกลุ่มงูเห่าหรือการแจกกล้วยก็ไร้ความหมาย" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า ฝ่ายค้านไม่ได้เตรียมผู้อภิปรายโดยยึดหลักปริมาณ แต่เน้นคุณภาพของข้อมูล ต้องมีใบเสร็จหรือหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่ามีการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวจนนำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติและประชาชน ใน 3 ป. ใครจะโดนมากโดนน้อยไม่ใช่ปัญหา เพราะประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งของกลุ่มที่รัฐประหารยึดอำนาจมาด้วยกัน ที่วันนี้ความสัมพันธ์อาจไม่เหมือนเดิม ลูกหาบฝ่ายรัฐบาลอย่าออกมาแสดงอาการเลอะเทอะ ห้ามอภิปรายเรื่องเก่า ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของคนที่ออกมาพูด ผู้ที่จะทำหน้าที่วินิจฉัยให้พูดได้หรือไม่คือประธานสภาฯ การมาตั้งท่าจะประท้วงตีรวน ขู่เสนอปิดอภิปราย ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เบื่อหน่าย กลายเป็นการเมืองน้ำเน่ารีรัน 
       ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะกรรมการกิจการพิเศษ กล่าวว่า ในขณะนี้มีผู้อภิปราย 20-30 คน และจะมีการสรุปรายชื่ออีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า โดยการอภิปรายในครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นเป้าหมายหลัก เพราะดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช. ต่อเนื่องมาจากการยึดอำนาจในช่วงปี 2557 โดยนายกฯ เป็นจุดศูนย์กลางของปัญหาทั้งหมด หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิ่งที่ประชาชนจะได้เห็นคือความจริงของการบริหารราชการในช่วงเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะอำนาจที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ประชาชนคนไทย
     นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้มาส่วนใหญ่จะใช้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ในการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง และดำเนินการผิดจริยธรรมทางการเมืองร้ายแรง จะเกี่ยวโยงไปถึง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ร่วมกันมาตั้งแต่การรัฐประหารด้วย ดังนั้นการอภิปรายจะมีเนื้อหาเกี่ยวพันทั้ง 3 ป. เพราะการปฏิบัติตัวของทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวโยงสืบทอดอำนาจมาตั้งแต่การรัฐประหาร แม้รัฐบาลจะอ้างว่าทำงานมาแค่ 6 เดือน แต่พฤติกรรมที่ผ่านมามีผลต่อการทำหน้าที่ในปัจจุบัน จะสะท้อนสิ่งเหล่านี้ รวมถึงพฤติกรรมในการปฏิบัติหน้าที่ในรัฐบาลชุดนี้ ที่มีการใช้อำนาจขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและจริยธรรมทางการเมือง
    นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงจากกรณีที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ เตือนฝ่ายค้านว่าอย่าอภิปรายย้อนอดีตสมัย คสช. อาจมี ส.ส.จากฝ่ายรัฐบาลประท้วงและขอปิดอภิปรายว่า แสดงว่า 3 ป. ในรัฐบาลชุดนี้กับรัฐบาล คสช.เป็นคนละคนกันกระมัง ทีในอดีตตอนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ ก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ บรรหาร เรื่องขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ อ้างว่าบรรหารไม่ใช่คนไทย โดยอภิปรายโจมตีนายบรรหารด้วยกระดาษเปล่าแผ่นเดียว จนลูกสาวนายบรรหารนั่งร้องไห้ในสภาเพราะสงสารพ่อ และยังมีคนคนหนึ่งอภิปรายนายบรรหารว่าถ้าท่านเป็นคนไทยจริงท่านต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร ขอเอกสารหลักฐานการเกณฑ์ของท่านด้วย ถ้าท่านไม่เกณฑ์ทหาร แปลว่าท่านไม่ใช่คนไทย นี่ก็อภิปรายย้อนอดีต แล้วกรณีคุณธรรมนัส จะถูกปล่อยให้ถูกอภิปรายย้อนอดีตอยู่คนเดียวหรือ หากมีการปิดอภิปรายอย่างรวบรัดก่อนเวลาอันสมควร หรือยังอภิปรายไม่ครบ ต่อไปการทำงานในสภามีปัญหาแน่นอน 
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นคือ ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะต้องทำข้อตกลงกันอย่างชัดเจน เพราะลานประหารอยู่ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจทางการเมือง แต่เรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีปัญหาเรื่องการกดบัตรแทนกัน สิ่งที่อยากเห็นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้เช่นเดียวกับร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งตกลงกันอย่างชัดเจน โดยการโหวตงบใหม่เพื่อประเทศไทยวันเดียว.
          


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"