ท่องเที่ยวระส่ำ


เพิ่มเพื่อน    

 

             สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ในหลายประเทศยังพบผู้ที่ติดเชื้อเพิ่ม และหลายประเทศได้เร่งออกมาตรการรับมือในทุกมิติ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย เพราะเป็นที่เข้าใจกันดีว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อประชาชน แต่ยังสร้างผลกระทบกับภาคเศรษฐกิจอีกด้วย

                สำหรับประเทศไทย “ภาคการท่องเที่ยว” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะที่เครื่องมือหลักอย่างภาคการส่งออกกำลังมีปัญหา ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่าเมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ภาคการท่องเที่ยวของไทย และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องย่อมได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน

                โดยก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกมาระบุว่า ได้มีการประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงเดือน เม.ย.2563 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะปรับตัวลดลง 80% คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าทางการในหลายๆ  ประเทศ โดยเฉพาะ “จีน” จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้โดยเร็ว โดยคาดว่าหากจีนมีการยกเลิกคำสั่งออกนอกประเทศภายใน 3 เดือน จะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น

                “ภาคการท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น สถานการณ์อาจจะไม่ได้กลับมาดีในทันที แต่จะใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อย 1-2 เดือน ซึ่งระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจะเร่งปรับตัว สร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยในปีนี้รัฐบาลยังตั้งเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่ 41.8 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.22 ล้านล้านบาท โดย ททท.ยืนยันว่าพร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาระดับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีก่อน” ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุ

                ขณะที่หน้าด่านอย่าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ระบุว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว จนจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นต้นตอของการแพร่ระบาด ภาพรวมปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่าน 6 ท่าอากาศยานของ ทอท. ตั้งแต่วันที่ 23-28 ม.ค.2563 พบว่ามีการขยายตัวติดลบ 4% จากช่วงปกติ โดย ทอท.คาดว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวจบภายในเดือน ก.พ.นี้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายปริมาณผู้โดยสารในปี 2563 ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 4-5% จากปีก่อนที่มีปริมาณผู้โดยสารราว 140 ล้านคน แต่หากสถานการณ์บานปลายและจบลงภายในปลายไตรมาส 1/2563 ก็อาจจะต้องมาปรับเป้าหมายตัวเลขผู้โดยสารกันใหม่อีกรอบ

                ขณะที่ “ไอเอ็มเอฟ” ได้ออกมาประเมินว่า ผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา จะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างแน่นอน ขณะที่ภาพในระยะยาวยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอประเมินการรับมือกับการแพร่ระบาดว่ามีประสิทธิภาพและรวดเร็วเพียงใด

                ไอเอ็มเอฟมองว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ผลผลิตด้านอุตสาหกรรมทั่วโลกปรับตัวลดลง และส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมทั้งยังได้เห็นการเดินทางที่ลดลงและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยไอเอ็มเอฟยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวที่ 3.3% แต่จะเป็นการเติบโตที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน

                สำหรับประเทศไทย “ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” โดย ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวลดลง 2.41 ล้านคน เป็นจีน 1.84 ล้านคน และประเทศอื่นๆ อีก 0.57 ล้านคน รวมมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจ 1.17 แสนล้านบาท กระทบกับจีดีพี 0.67% แต่หากสถานการณ์ลากยาวไปถึง พ.ค.2563 จะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวใน 5 เดือนหลังจากนั้น และจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ 1.89 แสนล้านบาท กระทบจีดีพี 1.08%. 

ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"