อภิรัชต์จ่อลงนาม โอนธุรกิจกองทัพ พ่วงแถลงรอบใหม่


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กแดง" นัด "อธิบดีกรมธนารักษ์" ลงนามเอ็มโอยูจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจของกองทัพบก นำโรงแรม สนามกอล์ฟ  สนามมวย เข้าระบบมาตรฐานตาม กม. ก่อนแถลงแจงกำลังพล-ปชช.อีกรอบ "เทวัญ" ร่วมพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลเหยื่อกราดยิงโคราช แย้มรอ "นายกฯ" ตอบรับมาเป็น ปธ.มอบเงินเยียวยาญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ "นักกฎหมาย" ชี้ช่องผู้เสียหายฟ้องแพ่งกองทัพบก-ทหารได้

    เมื่อวันอาทิตย์ กองทัพบกแจ้งว่า ในวันที่ 17 ก.พ. เวลา 11.00 น. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ร่วมกับนายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในโครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก เช่น อาคารรับรองที่มีการดำเนินการคล้ายกับโรงแรม สนามกอล์ฟ สนามมวย เข้าสู่ระบบมาตรฐานตามกฎหมาย ที่อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน 
    ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้ประกาศว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งจะนำร่องบางพื้นที่ก่อน อาทิ อาคารรับรองสวนสนประดิพัทธ์ อาคาร 1 และอาคาร 2 ที่จะให้โรงแรมดุสิตธานีเข้ามาบริหารจัดการ และเริ่มในเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป และสนามกอล์ฟกองทัพบกที่มีกว่า 30 แห่ง ซึ่งเป็นระเบียบเดียวกันที่ใช้กับหน่วยราชการอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่กองทัพบกที่ทำเท่านั้น เนื่องจากเป็นระเบียบของกระทรวงการคลังแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สวัสดิการภายใน สวัสดิการเชิงธุรกิจ และการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ซึ่งทุกหน่วยราชการก็จะแบ่งประเภทในลักษณะนี้เช่นกัน 
    "ภายหลังจากพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว พล.อ.อภิรัชต์จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในทุกเรื่อง เพื่อทำความเข้าใจกับกำลังพลและประชาชนต่อไป" แหล่งข่าวระบุ
    ที่บริเวณประตูด้านหลังวัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงทั้ง 9 รายที่มีการนำเถ้ากระดูกมาบรรจุไว้รวมกัน มีรายชื่อผู้วายชนม์ทั้ง 9 รายบริเวณวัดป่าศรัทธารวม 
    ต่อมา ที่โดมปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครราชสีมา วัดป่าศรัทธารวม พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยผู้ว่าฯ นครราชสีมา ร่วมเป็นประธานประกอบพิธีทำบุญอุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิต มีพระสาสนโสภณ เจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และคณะพระสงฆ์ 11 รูปเจริญพระพุทธมนต์ 
    นายเทวัญกล่าวว่า การมอบเงินเยียวยาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะแยกจากเงินเยียวยาจากหน่วยงานอื่นๆ โดยจะมอบให้ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 27 ราย รายละ 1 ล้านบาท ไม่รวมผู้ก่อเหตุและคู่กรณี ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสรายละ 2 แสนบาท ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสรายละ 1 แสนบาท ทั้งนี้ การมอบเงินจะมีขึ้นวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ประสานไปยังรองเลขาธิการนายกฯ เพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไปเป็นประธานมอบเงิน คาดว่านายกฯ จะเดินทางไปมอบเงินดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่จะมีการแจ้งกำหนดการอย่างเป็นทางการอีกครั้งในต้นสัปดาห์นี้
    ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าฯ นครราชสีมา กล่าวว่า ยอดบริจาคเวลา 20.00 น. เมื่อคืนวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งหมด 79 ล้านบาทเศษ ได้เยียวยาชดเชยรายละ 1 ล้านบาททั้ง 27 รายครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และจ่ายเงินสำหรับผู้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลรายละ 1 แสนบาท จำนวน 22 ราย จำนวน 29 ล้านบาท ตอนนี้มีเงินเหลืออยู่ในบัญชี 50 ล้านบาท ซึ่งวันนี้จะประชุมจ่ายเงินเยียวยาผู้พิการและผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นตามหลักเกณฑ์ ถ้าพิการถาวรจะได้เท่ากับผู้เสียชีวิต 1 ล้านบาท และพิการทั่วไปไม่เกิน 7 แสนบาท บาดเจ็บที่อยู่ในห้องไอซียู 3 แสนบาท บาดเจ็บหนัก 2 แสนบาทและบาดเจ็บปานกลาง 1 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยไม่เกิน 3 หมื่นบาท 
    ส่วนที่หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรมอุบัติเหตุ (ICU TRAUMA) ชั้น 5 รพ.มหาราชนครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุกราดยิงในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช จำนวน 4 ราย โดยผู้บาดเจ็บที่ยังมีการสาหัส ประกอบด้วย ส.ต.ท.กฤษฎา การุณ อายุ 31 ปี ตำรวจหน่วยอรินทราช, นายอัทฆเศรษฐ์ ศิวภัทรวรัณกุล อายุ 35 ปี, นายจิรฎต์ติกาล นอบไทย อายุ 26 ปี หนุ่มขับขี่รถบิ๊กไบค์ และนายอุทัย ขันอาสา อายุ 38 ปี ที่มีอาการที่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ
    วันเดียวกัน ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.ท.เพชรรัตน์ กำจัดภัย ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (อรินทราช 26) ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., ข้าราชการตำรวจ พร้อมทั้งครอบครัวและญาติพี่น้องของ พ.ต.ท.เพชรรัตน์ มาร่วมแสดงความเสียใจเป็นครั้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก 
    แหล่งข่าวนักวิชาการด้านกฎหมาย ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายกรณีกราดยิงโคราช มีประเด็นที่พูดถึงกันมากว่าหากผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียชีวิตจะเรียกร้องความรับผิดในความเสียหายจากเหตุกราดยิงจากกองทัพบกและหน่วยงานทหารที่เกี่ยวข้องจะทำได้หรือไม่ ว่าเรื่องนี้ต้องพิจารณาถึงการวางข้อกำหนดและระเบียบในการเก็บรักษาอาวุธที่ถูกชิงเอามาใช้ก่อเหตุกราดยิงของกองทัพบก หน่วยบังคับบัญชาและหน่วยทหารที่เก็บรักษาอาวุธว่ามีการวางมาตรการและหลักเกณฑ์ในการใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษาอาวุธตามมาตรฐาน วิธีการ ขั้นตอนและกระบวนการในการเก็บรักษาอาวุธ โดยเฉพาะที่เป็นอาวุธและเครื่องกระสุนปืนร้ายแรงที่ถูกต้องเหมาะสม เพียงพอ ตามมาตรฐานในการเก็บรักษาอาวุธหรือไม่ รวมทั้งต้องพิจารณาดูด้วยว่าผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหารและที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลยไม่ใช้ความระมัดระวังในการเฝ้าระวังรักษาคลังอาวุธตามที่สมควรจะต้องทำหรือไม่
    แหล่งข่าวนักวิชาการด้านกฎหมายระบุว่า หากพบว่าผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพบก แม่ทัพภาค 2 เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก หรือผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 หรือผู้บังคับกองพัน หรือเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้อง มีส่วนในความบกพร่องในการกำหนดมาตรการ กระบวนการ ขั้นตอน และหลักเกณฑ์ในการเก็บรักษาอาวุธที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือว่าประมาทเลินเล่อไม่ใช้ความระมัดระวังอย่างถูกต้องเหมาะสมเพียงพอในการเฝ้าระวังรักษาคลังอาวุธ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่า มาตรการเฝ้าระวังรักษาคลังอาวุธนี้ไม่ใช่จะเฝ้าระวังแต่การก่อเหตุจากบุคคลภายนอก แต่ต้องเฝ้าระวังการก่อเหตุร้ายที่อาจคาดไม่ถึงจากทหารในหน่วยที่เก็บรักษาอาวุธด้วยกันเองด้วย 
    "ผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียชีวิตมีสิทธิตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 ที่จะฟ้องร้องกองทัพบกให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายได้ และตามมาตรา 8 กำหนดว่าหากหน่วยงานของรัฐคือกองทัพบกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายและครอบครัวของผู้เสียชีวิต อันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์กราดยิงแล้ว กองทัพบกมีสิทธิเรียกให้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้กระทำละเมิด จากการที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังที่ถูกต้องเหมาะสมและเพียงพอในการเฝ้าระวังรักษาคลังอาวุธ ให้ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคืนให้แก่กองทัพบกได้ ถ้าพบว่าผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องนั้นจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" แหล่งข่าวนักวิชาการด้านกฎหมายระบุ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"