ชาติเศรษฐีน้ำมันเปิดประวัติศาสตร์บทใหม่ของพลังงานทางเลือก ยูเออีออกใบอนุญาตเปิดใช้งานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หน่วยแรกที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บารากาห์ ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของโลกอาหรับ

    เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัลนาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ทรงเปิดเผยทางทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ว่าวันนี้ถือเป็นวันเริ่มต้นประวัติศาสตร์บทใหม่ของการเดินทางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ด้วยการออกใบอนุญาตดำเนินกิจการแก่โรงงานบารากาห์แห่งแรก

    เอเอฟพีกล่าวว่า แม้จะมีพลังงานสำรองในประเทศมากพอสมควร แต่รัฐบาลยูเออีได้ทุ่มเงินลงทุนในการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกหลายด้าน รวมถึงพลังงานสุริยะ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรในประเทศที่มีราว 10 ล้านคน

    เดิมนั้น โรงไฟฟ้าบารากาห์ ซึ่งอยู่ติดชายฝั่งอ่าวอาหรับทางตะวันตกของกรุงอาบูดาบี เคยมีกำหนดจะเริ่มเดินเครื่องได้ช่วงปลายปี 2560 แต่ประสบกับความล่าช้าโดยเจ้าหน้าที่อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยและข้อกำหนดด้านการกำกับดูแล

    ฮามัด อัลคาบี ผู้แทนของยูเออีประจำทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์แห่งชาติอนุมัติให้เปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 1 ใน 4 หน่วยแล้ว และเขาคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะเริ่มดำเนินการในไม่ช้า การดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบของโรงงานบารากาห์ในอนาคตอันใกล้จะสนับสนุนความพยายามของยูเออีในด้านการพัฒนาและความยั่งยืน

    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บารากาห์จะเป็นแห่งแรกในโลกอาหรับ ก่อนหน้านี้ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก เคยเปิดเผยแผนการสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 16 แห่ง แต่โครงการนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง โรงไฟฟ้าของยูเออีแห่งนี้ก่อสร้างโดยกลุ่มบริษัท ที่มีบริษัท โคเรียอิเล็กทริกพาวเวอร์เป็นแกนนำ ใช้ทุนสร้างประมาณ 24,400 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดินเครื่องเต็มที่ครบทั้ง 4 เตาปฏิกรณ์ โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 5,600 เมกะวัตต์ หรือราว 25% ของความต้องการพลังงานในประเทศ

    ที่ตั้งของโรงงานนี้อยู่ห่างจากชายแดนซาอุดีอาระเบียแค่ 50 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับกรุงโดฮาของกาตาร์มากกว่ากรุงอาบูดาบี โดยมีอ่าวอาหรับคั่นกลางระหว่างเมืองนี้กับอิหร่าน ซึ่งเคยถูกสหรัฐและซาอุดีอาระเบียกล่าวโทษว่ายิงมิสไซล์โจมตีโรงงานน้ำมัน 2 แห่งของซาอุฯ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

    ในช่วงยามที่อิหร่านและสหรัฐเผชิญหน้ากันกรณีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอยู่นี้ ยูเออีให้คำมั่นว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนเป็นไปเพื่อสันติ และยูเออีจะไม่พัฒนาโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหรือเทคโนโลยีเกี่ยวกับกระบวนการคืนสภาพนิวเคลียร์.