ปั๊มน้ำมัน-มอเตอร์ไซค์ เจอเก็บภาษีคาร์บอนฯ!


เพิ่มเพื่อน    

    “ปั๊มน้ำมัน” เตรียมซวย “สรรพสามิต" ถก "พลังงาน" จ่อรีดภาษีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่ม แต่ “พน.” เตรียมอุ้ม ชงเสนอลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจ่ายแทน “มอเตอร์ไซค์” จ่อคิวถูกหางเลขด้วย คาดขึ้นแค่ 150-250 บาท
    เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับกระทรวงพลังงาน (พน.) เพื่อหาแนวทางในการขยายฐานการจัดเก็บภาษีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กลุ่มสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่ม โดยกรอบการหารือได้พูดถึงชนิดของสินค้า และปริมาณที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงรูปแบบการเก็บภาษี เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าสินค้าใดควรเข้าข่ายการเสียภาษีเพิ่มบ้าง และอัตราภาษีที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไร แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะเก็บภาษีดังกล่าวเพิ่มจากสินค้าชนิดใด
"กรมยืนยันว่าการเก็บภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเก็บภาษีจากสินค้าบางประเภทไปแล้ว เช่น รถยนต์ และที่สำคัญการเก็บภาษีจะไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภคให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแบบมีนัย เพราะกรมต้องการแค่ขยายฐานการเก็บภาษีให้กว้างขึ้น สอดคล้องกับมาตรฐานการเก็บภาษีสากลที่หลายประเทศก็มีการเก็บภาษีในสินค้าที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม" นายกฤษฎากล่าว
รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิตแจ้งว่า ในการหารือของกรมสรรพสามิตและกระทรวงพลังงาน ได้พิจารณาเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งกลุ่มเบนซิน ดีเซล แก๊สโซฮอล์ ที่จำหน่ายตามสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวกลางที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก่อให้เกิดมลพิษอย่างมาก แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเก็บภาษีในอัตราเท่าไร แต่หลักการคือไม่กระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในปัจจุบัน และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
“กระทรวงพลังงานได้เสนอให้ลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากเชื้อเพลิงที่ใช้ภายในประเทศ  เพื่อนำเงินส่วนต่างที่ลดลงจากการส่งเข้ากองทุนมาจ่ายเป็นค่าภาษีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แทน โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ไม่เป็นภาระแก่ผู้บริโภค เพียงแต่เป็นการปรับการบริหารจัดการ โดยโยกจากเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันบางส่วนมาแบ่งจ่ายภาษีแก่สรรพสามิตแทน ซึ่งแนวทางทั้งหมดคาดว่าจะสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา” รายงานข่าวแจ้ง
มีรายงานอีกว่า กรมสรรพสามิตยังอยู่ระหว่างศึกษาจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งคาดว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเพียงคันละ 150-250 บาท จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเพิ่มราคาขายปลีกรถจักรยานยนต์ และทำให้ผู้บริโภค ผู้มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากผู้ผลิตอาจเลือกรับภาระภาษีไว้เอง
“การศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พบว่าปัจจุบันรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในประเทศ 80% เป็นรถจักรยานยนต์มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 150 ซีซี มีราคาขายปลีกประมาณ 3-5 หมื่นบาทต่อคัน ซึ่งมีภาระภาษีสรรพสามิต 750-1,250 บาทต่อคัน แต่หากจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.5% ของราคาขายปลีก หรือมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 150-250 บาทต่อคัน” รายงานข่าวระบุ 
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตมีการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามหลักการความฟุ่มเฟือย โดยแบ่งประเภทของอัตราภาษีตามขนาดความจุของกระบอกสูบ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้น จึงมีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นไปตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม และจะส่งผลดีต่อการสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบอุตสาหกรรมในประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"