‘สายตรงบิ๊กแดง’ไม่ปาหี่ ทำจม.เหตุกราดยิงโคราช


เพิ่มเพื่อน    

  เปิดแล้วท็อปซีเคร็ตคอลเซ็นเตอร์ 24 ชม. ตามคำสั่ง "บิ๊กแดง"  "ทุกเรื่องคือความลับ ทุกเรื่องถึง ผบ.ทบ."  "บิ๊กเล็ก" ยัน ไม่ใช่ปาหี่ เตรียมลงค่ายทั่วประเทศชี้แจง กำชับผู้บังคับบัญชาต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ให้ กอ.รมน.ถอดปม "โลนวูล์ฟ" หวั่นก่อเหตุซ้ำ ขณะที่ "บิ๊กตู่" บินมอบเงินเยียวยาเหยื่อกราดยิงโคราช พร้อมให้กำลังใจ-เยี่ยมผู้ประกอบการ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 สั่งกระทรวงวัฒนธรรมทำหนังสือจดหมายเหตุกราดยิงโคราช

    ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. แถลงรายละเอียดการเปิดสายด่วนให้กำลังพลร้องเรียนถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้โดยตรงว่า จากนโยบายของ ผบ.ทบ.ที่ต้องการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกำลังพลให้รวดเร็ว จึงได้จัดตั้งช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกำลังพลกับ ผบ.ทบ. คือสายตรงแก้ไขปัญหาสำหรับกำลังพลกองทัพบก หมายเลขโทรศัพท์ 0-2018-7330 หรือสายตรง ผบ.ทบ. โดยเป็นการดำเนินการจากผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง มีสโลแกนว่า “ทุกเรื่องคือความลับ ทุกเรื่องถึง ผบ.ทบ.”     
    รอง ผบ.ทบ.กล่าวว่า ที่ผ่านมาระบบของกองทัพบกได้เปิดให้กำลังพลที่มีเรื่องเดือดร้อนสามารถร้องทุกข์ได้ ซึ่งในอดีตการร้องทุกข์จะดำเนินการได้โดยผ่านตามสายการบังคับบัญชา หากผู้บังคับกองร้อยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จนเป็นที่พอใจ สามารถร้องเรียนมายังผู้บังคับกองพันได้ หากยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็ร้องเรียนมายังผู้บังคับการกรมตามลำดับจนถึง ผบ.ทบ. แต่ปัจจุบันและสถานการณ์ต่างที่เกิดขึ้นสังคมรู้สึกว่ากำลังพลไม่ได้รับความเป็นธรรม ผบ.ทบ.จึงเปิดสายตรงเพื่อให้แจ้งความเดือดร้อนมาได้โดยตรง ถือเป็นมาตรการที่มีคุณภาพและวางใจได้ว่าทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องโดยผู้ร้องเรียนต้องระบุชื่อและสังกัดก่อนบันทึกเรื่องใส่ซองปิดผนึกส่งข้อมูลถึง ผบ.ทบ.โดยตรง ไม่มีใครทราบรายละเอียดดังกล่าว เป็นการรับประกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเรื่องที่ร้องเรียนมาเป็นความลับอย่างแท้จริง
    พล.อ.ณัฐพลยังเผยว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ตนเดินสายชี้แจงกับหน่วยทหารทั่วประเทศ โดยพบปะผู้บังคับหน่วยตามลำดับชั้นจนถึงผู้บังคับกองพันเพื่อทำความเข้าใจกับนโยบายของ ผบ.ทบ. อีกทั้งเน้นย้ำเรื่องกำลังพลว่าผู้บังคับหน่วยต้องเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา และต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ต้องใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาระบบทหารจำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาด เพื่อบังคับบัญชาการรบ แต่ปัจจุบันเราได้เพิ่มเติมเรื่องการเอาใจใส่ทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา 
    "ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย แต่ต้องมีความเด็ดขาดในภารกิจทหารเช่นเดิม ซึ่งปัจจุบันผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง โดยการลดคณะผู้ติดตามให้เล็กลง มีความเป็นอยู่เรียบง่าย และอาศัยบ้านพักทหารอยู่กินกับกำลังพลแทนการไปพักที่โรงแรม ในขณะเดียวกันหากมีการปฏิบัติทางทหาร ก็ยังคงไว้ซึ่งความเด็ดขาด และต้องผสมผสานกัน เพราะเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ จะนำระบบเดิมมาใช้ไม่ได้ แต่ทหารก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบการบังคับบัญชา ไม่เช่นนั้นหากมีเหตุการณ์รบในอนาคตต้องมานั่งประชุมว่าจะรบดีหรือไม่ดี ทำเช่นนั้นคงไม่ได้ ต้องสั่งการให้ไปทันที ผมอยากให้สังคมเข้าใจตรงนี้"
ถอดบทเรียน"โลนวูล์ฟ" 
    พล.อ.ณัฐพลยืนยันว่า การดำเนินการต่างๆ ไม่ใช่การปาหี่อย่างที่ถูกฝ่ายการเมืองกล่าวหา อะไรที่เริ่มต้นจากเบอร์ 1 เป็นเรื่องที่จริงจังทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องปาหี่แน่นอน เข้าใจว่าสังคมอยากทราบว่าระบบสายตรง ผบ.ทบ.เวิร์กหรือไม่ ยืนยันว่าคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เอกชนที่มีประสบการณ์ในการรับเรื่องและประมวลเรื่อง หากมีคนร้องเรียนมาเรื่องเดียวกันจำนวน 1-2 คนก็จะรับเรื่องไว้ แต้ถ้าเรื่องใดมีคนร้องเรียนมาประมาณ 100 คน ก็ควรได้รับการให้ความสำคัญ ในส่วนของผู้บังคับหน่วยที่มีความกังวลว่าอาจถูกใส่ร้าย ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายว่าไม่ต้องกังวล คนที่โตมาถึงระดับ ผบ.ทบ.หรือรอง ผบ.ทบ. มีดุลยพินิจพอว่าเรื่องใดเป็นการใส่ความ เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เพราะผ่านระบบกลั่นกรองมาแล้ว จึงขอให้มั่นใจ” พล.อ.ณัฐพลกล่าว
    เมื่อถามว่า จะดูแลอย่างไรหากกำลังพลมีพฤติกรรมเลียนแบบการใช้ความรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา พล.อ.ณัฐพลตอบว่า ทหารมีระเบียบวินัย เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดได้จากทุกสาขาอาชีพ แต่ครั้งนี้เกิดจากทหาร ซึ่งลักษณะการก่อเหตุเรียกว่าโลนวูล์ฟ  (lone wolf) หรือหมาป่าเดียวดาย ปัจจุบันคำนี้ใช้กับผู้ที่ก่อเหตุร้ายที่ทำคนเดียว ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ กอ.รมน. ที่ ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ศึกษามาก่อนหน้านี้ และได้สรุปเป็นบทเรียนไว้แล้ว แต่ในช่วงนั้นยังไม่มีเหตุการณ์ จึงยังไม่ได้รับความสนใจ ผบ.ทบ.จึงให้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาจริงจังอีกครั้งโดยเร็วที่สุด และกำหนดบทบาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าควรจะต้องทำอย่างไร เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก 
    "ให้สังคมทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีทหารและครอบครัวกำลังพลได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะถูกตำหนิด้วยคำพูด สายตา และการกระทำ ว่าเพราะเหตุใดทหารถึงทำเช่นนี้ แต่กำลังพลทั้ง 2 แสนคนกำลังถูกตำหนิ ในขณะที่คนที่ทำผิดแต่ 2-3 คน จึงขอความกรุณาและเห็นใจกับประชาชนทุกคนให้เมตตากับทหารที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะทหารทุกคนก็คือลูกหลานของท่าน" รองผบ.ทบ.กล่าว
     ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.อภิรัชต์สั่งการให้ กอ.รมน.ดำเนินการศึกษาและสรุปลักษณะการก่อเหตุที่ผู้ก่อเหตุร้ายทำคนเดียว เรียกว่าโลนวูล์ฟ ว่า กรณีโลนวูล์ฟนั้น ที่ผ่านมา กอ.รมน.เคยถอดบทเรียนจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อปี 2560 โดยได้ศึกษาข้อมูลส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อหาแนวทางป้องกันและการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการต่อต้านแนวความคิดสุดโต่งนั้นจะต้องทำอย่างไร แนวทางไหนจะรับมือได้ โดยจากนี้จะมีการแบ่งมิติเชิงพื้นที่หรือแบ่งขอบเขตงานกันอย่างไร ซึ่งจะเจาะไปที่เรื่องการก่อเหตุร้ายตามลำพังว่ามีอุดมการณ์สุดโต่งอย่างไร มีความคับแค้นอะไร ถูกกดดันอะไรแล้วระเบิดออกมา เราต้องแก้ไขเชิงมิติ และเตรียมสร้างภูมิคุ้มกัน หากเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกจะควบคุมติดต่อประสานงานหรือสื่อสารกับใคร โดยในวันที่ 21 ก.พ.นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุมหารือร่วมกันอีกครั้ง
"บิ๊กตู่"มอบเงินเยียวยา
    เวลา 07.00 น. วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6 ) ดอนเมือง ไปยังกองบิน 1 ต.ปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยเครื่องบินซูเปอร์เจ็ต ก่อนเดินทางต่อด้วยขบวนรถยนต์ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงประชาชน
    เมื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์เข้าสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเผยว่า ได้อธิษฐานขอให้คนโคราชมีความสุข อย่าให้เกิดเหตุแบบนี้อีก ขอให้รัฐบาลทำงานราบรื่น จากนั้นนายกฯ ได้พบปะประชาชนที่ตะโกนให้กำลังใจ โดยนายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ขอทุกคนร่วมใจกัน จะผ่านทุกอย่างไปได้ ขอให้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน
    ต่อมาเวลา 08.45 น. ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงประชาชน โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) และทีม ส.ส.ร่วมต้อนรับด้วย
    โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จำนวนทั้งสิ้น 34 ล้าน 8 แสนบาท โดยมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 24 ราย จากทั้งหมด 27 ราย รายละ 1 ล้านบาท, ผู้บาดเจ็บสาหัส 19 ราย จาก 21 ราย รายละ 2 แสนบาท และผู้บาดเจ็บไม่สาหัส 32 ราย จากทั้งหมด 36 ราย รายละ 1 แสนบาท สำหรับรายที่เหลือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาจะได้ประสานครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ตามภูมิลำเนา นอกจากนี้ยังมอบเงินเยียวยาเหยื่ออาชญากรรมตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ของกระทรวงยุติธรรม
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและประชาชนที่ร่วมกันบริจาคเงิน และในฐานะที่เป็นคนโคราช เกิดโคราช เป็นชาวโคราชโดยกำเนิด ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวโคราช เข้าใจดีถึงความรู้สึก ความสูญเสียโศกเศร้าที่ทุกคนต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัว ต้องดูแลรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัส ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน
รัฐบาลจะไม่ลืม 
    "สิ่งสำคัญที่สุด พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ พร้อมพระราชทานพระราชกระแสแสดงความเสียพระราชหฤทัย และพระราชทานกำลังใจให้พวกเราได้ก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยความมีสติ มีปัญญา รักสามัคคี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เราจะต้องน้อมนำพระราชกระแสมาเปลี่ยนเป็นพลังในการขับเคลื่อนในการดำรงชีวิตของเราให้เดินข้างหน้าต่อไป" 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องเปลี่ยนพลังเหล่านี้ให้เป็นพลังขับเคลื่อนให้ก้าวหน้าต่อไปในวันข้างหน้า ตนนึกถึงเสมอ รัฐบาลจะไม่ลืม รวมทั้งผู้ที่สนับสนุนให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการทำหน้าที่ ที่จะต้องมีการประกาศเกียรติคุณเจ้าหน้าที่ต่อไปหลายร้อยคน เป็นการให้กำลังใจทั้งผู้สูญเสีย ผู้บาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัส รวมไปถึงจิตอาสา อาสาสมัคร ในการดูแลที่เกิดขึ้น นั่นคือน้ำใจของคนไทยและที่มีต่อคนโคราช สิ่งที่จะขอต่อไปคือทำอย่างไรให้โคราชปกติเหมือนเดิม ฉะนั้นเราต้องช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนในโคราช ดังนั้นในเรื่องการดำรงชีวิตการจับจ่ายซื้อของอะไรต่างๆ ขอให้เป็นปกติในระยะเวลาอันรวดเร็วในอนาคต
    จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมกล่าวว่า ถ้ามีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือ ให้แจ้งไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัด
    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังนำหลวงปู่ทวดรุ่นร่วมใจสร้างมหาเจดีย์ พุทธคยา จำนวน 200 องค์ มามอบให้ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงประชาชน รวมถึงจะมอบให้ประชาชนที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ด้วย อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาของนายกฯ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่เกิดเหตุกราดยิง
    ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมเยียนผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชน ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โดยไปยังชั้น LG และชั้น G เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พร้อมเข้าไปดูบริเวณที่ประชาชนใช้หลบภัยช่วงที่เกิดเหตุกราดยิง และได้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ชื่นชมพลเมืองดี และระบุจะทำประกาศณียบัตรให้เพื่อเป็นเกียรติ
จดหมายเหตุกราดยิงโคราช
    จากนั้นนายกฯ เขียนข้อความให้กำลังใจติดบนกระดานรวมดวงใจ ก้าวไปด้วยกัน ว่า "ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ทุกภาคส่วนต่อไปด้วยกัน ด้วยพลังแห่งรัก แห่งความสามัคคี รัฐบาล นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี จะทำงานอย่างเต็มกำลังสติปัญญาในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า และเราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ร่วมกันนำพาประเทศชาติ ประชาชนไทยไปข้างหน้า เพื่อผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปด้วยกัน ขอบคุณภาคเอกชน หอการค้าอุตสาหกรรม ทุกภาคส่วน ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จทุกประการ ด้วยรักและห่วงใยเสมอ" ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
    เสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะต้องมีการจัดแคมเปญอยู่แล้วตามระยะเวลา โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จะจัดมวยไทยไฟต์ กีฬา การแสดงและการวิ่ง โดยทางจังหวัดจะทยอยดำเนินการ ถ้านายกฯ ไม่ติดภารกิจก็จะมาร่วมด้วย
    นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ดำเนินการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา   ลักษณะคล้ายกับการบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์ช่วยชีวิต 13 หมูป่าออกจากวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยให้เน้นในด้านสิ่งที่ดีๆ การช่วยเหลือของสังคม การบริจาค จิตอาสา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับทั้ง 27 ศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และพระราชทานเพลิงศพ ทั้งนี้ มุ่งหมายให้เป็นเครื่องเตือนใจ แสดงความมีน้ำใจของคนไทย โดยตนสั่งการให้สำนักหอจดหมายเหตุ กรมศิลปากรรับไปดำเนินการ โดยให้รวบรวมลำดับเหตุการณ์  ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ ซึ่งจะเก็บรวบรวมทั้งภาพ บันทึกเหตุการณ์ จากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เรื่องเล่า และการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
    "การทำหนังสือจดหมายเหตุครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ที่แสดงออกอย่างชัดเจน เช่น การไว้อาลัย พิธีทางศาสนา และการบริจาค"
    นายอิทธิพลกล่าวว่า รัฐบาลยังได้ทำประกาศเกียรติคุณในการยกย่องบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่แจ้งจุดทางออกให้ประชาชน ผู้ที่นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ฯลฯ ก่อนที่จะนำมารวบรวมออกมาเป็นหนังสือจดหมายเหตุ ซึ่งจะจัดทำให้เร็วที่สุด. 


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"