'อุทยานฯเอราวัณ' ปักป้ายสั่งรื้อรีสอร์ทดังเมืองกาญจน์ภายใน 30 วัน หลังยื้อมานานเกือบ 4 ปี


เพิ่มเพื่อน    

20 ก.พ.63 - นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานฯเอราวัณ นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ/หน.อุทยานฯพุเตย และคณะเจ้าหน้าที่ จำนวน 20 นาย ได้เดินทางมาติดประกาศคำสั่งรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างฯ บริเวณด้านหน้ารีสอร์ทชื่อ "กกกอด" ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีนายศิริยุทธ สิริยุทธพงษ์ เป็นเจ้าของ

โดยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินหรือสิ่งอื่นใดของรีสอร์ทไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ โดยมีนายวณฐพงศ์ วัชระโชควรากุล ผู้จัดการเป็นผู้รับมอบเอกสารข้อกฎหมาย รายละเอียดของการแจ้งรื้อถอน เพื่อแจ้งให้เจ้าของทราบ โดยนายวัชระ ได้เดินนำคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในรีสอร์ท ที่มีการปลูกสร้างที่พัก

นายนิพนธ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2559 เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้เข้าตรวจสอบรีสอร์ท พบว่ามีนายศิริยุทธ สิริยุทธพงศ์ เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองพื้นที่ มีการก่อสร้างบังกะโลที่พักรวม 18 รายการ บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ 8 ไร่ 1งาน 62 ตารางวา ทำให้รัฐเสียหาย 420,053 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึด และเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสภ.ลาดหญ้า ดำเนินคดี

ต่อมาอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายศิริยุทธ  สิริยุทธพงศ์ ในคดีอาญาที่ 244/ 2559 เนื่องจากขาดเจตนากระทำผิด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ก็ยังมีอำนาจเข้าไปรื้อถอนรีสอร์ทแห่งนี้ได้ เทียบเคียงคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ที่ อส. 31/2559 หลังจากนั้นมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดลงวันที่ 10 มกราคม 2562 ไม่รับอุทธรณ์ของนายศิริยุทธ สิริยุทธพงศ์ ที่อุทธรณ์ไม่ให้รื้อถอนรีสอร์ทแห่งนี้ จึงถือว่าคดีนี้เป็นอันถึงที่สุด

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จึงอาศัยอำนาจ มาตรา 35( 2 ) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการใช้กฎหมายฉบับใหม่ กับพื้นที่นี้กรณีนี้เป็นแห่งแรก โดยประกาศคำสั่งให้ นายศิริยุทธ สิริยุทธพงษ์ และบริวาร ที่มีภูมิลำเนา อยู่บ้านเลขที่ 55/ 5 หมู่ที่ 8 ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดของรีสอร์ทแห่งนี้ไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศคำสั่งนี้

และเมื่อครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งแล้ว หากยังดื้อเพ่งไม่รื้อถอน จะถูกดำเนินคดีฐาน ฝ่าฝืนประกาศคำสั่งนี้ ระวังโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน  3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะได้มีการรื้อถอนเสร็จ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้กับทางราชการ จำนวน 242,733.22 บาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอัตราร้อยละ 25 ต่อปี

หลังจากคณะเจ้าที่ปิดประกาศคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรลาดลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และหากครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งแล้วนายศิริยุทธ สิริยุทธพงศ์ ยังดื้อเพ่งไม่ดำเนินการรื้อถอน จะมาแจ้งความดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนประกาศคำสั่งตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ และจะส่งเรื่องให้ปปง.ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (15) ให้ยึดเงินหรือทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการค้าเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติต่อไปอีกด้วย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"