เหล่าทัพเคลียร์ทุกปมร้อน อุ้ม3ป.อยู่บ้านพักหลวงได้


เพิ่มเพื่อน    

  "เหล่าทัพ" ดาหน้าเคลียร์ทุกปมร้อนสวัสดิการหน่วย "กลาโหม" เผยไม่มี กม.ข้อไหนชี้ "3 ป.-ทหารเกษียณ" ยังพักบ้านหลวงผิด ย้ำอยู่ก็ต้องจ่ายค่าไฟ-น้ำ "ทบ." แจงทหารกู้เงินไปซื้อที่แล้วเกิดปัญหาแค่ข้อพิพาทผู้ซื้อผู้ขาย "ทร." ยันบ้านสวัสดิการสัตหีบไม่มีทุจริต แค่ผู้รับเหมาทิ้งงาน แก้ไขเรียบร้อยแล้ว "ทอ." ฟุ้งระบบดีไร้ปมร้อนลูกทัพฟ้าเกษียณยื้ออยู่บ้านพักต่อ

    ที่กระทรวงกลาโหม วันที่ 20 ก.พ. พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการดูแลบ้านพักทหารในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมว่า ทุกอย่างเป็นไปในทางเดียวกันกับเหล่าทัพอื่น ซึ่งปกติแล้วเมื่อเกษียณอายุราชการแล้วก็จะออกจากบ้านพัก โดยไม่มีใครอยู่ยาว
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะยื่นหนังสือร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และอดีตนายทหารที่เกษียณอายุราชการกว่า 100 คนที่ยังพักบ้านหลวง กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.2561 ม.128 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ 2543 ที่บัญญัติห้ามไว้ว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ตลอดจนถึงอดีตนายทหารเกษียณที่พักบ้านหลวง ไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องระเบียบบ้านพักสวัสดิการภายในหน่วยนั้นๆ ที่มีการอนุโลม ซึ่งต้องไปดูว่าเขียนไว้อย่างไร
    พล.ท.คงชีพกล่าวว่า เรื่องน้ำไฟก็ไม่ได้ฟรี บ้านพักสวัสดิการไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องพัก แฟลต จะแยกมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ และให้กำลังพลผู้อยู่อาศัยเป็นผู้จ่าย ซึ่งปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักนายกฯ, พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ส่วนทหารบริการก็ไม่ได้ไปประจำ แต่ทำหน้าที่เป็นครั้งคราว
    "ทหารเกษียณแล้ว แต่ยังพักบ้านหลวง ไม่มีกฎหมายระบุว่าทำผิด ส่วนค่าน้ำ-ค่าไฟก็รับผิดชอบกันเอง ถือเป็นเรื่องสวัสดิการของหน่วย ที่มีการอนุโลมทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศก็มีระเบียบบ้านพักสวัสดิการของตัวเองอยู่แล้ว เช่นเดียวกับบ้านพักครู" โฆษก กห.กล่าว
    ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำทหารยศร้อยตรีไปแจ้งความพร้อมทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เนื่องจากถูกขบวนการหลอกขายบ้านและที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยหนึ่งในนั้นมีทหารยศ จ.อ.สังกัดกรมสวัสดิการทหารบกร่วมขบวนการด้วยว่า กองทัพบกได้รับทราบข้อมูลตามที่ปรากฏเป็นข่าวในเบื้องต้นแล้ว
ทร.แจงบ้านสวัสดิการ
    พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ประสานขอข้อมูลมายังกองทัพบก ซึ่งหากมีการประสานมาทางกรมสวัสดิการยินดีจะให้รายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นกรมสวัสดิการทหารบกระบุการอนุมัติให้ผู้เสียหายกู้ยืมเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินเพื่อการเคหะสงเคราะห์ 
    "กรณีดังกล่าวเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้ซื้อเกิดความไม่มั่นใจสถานะของที่ดินที่ตนเองถือครองอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายในการยืนยันเอกสารสิทธิ และเพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาในส่วนที่กรมสวัสดิการทหารบกจะสามารถดำเนินการได้ ทางกรมสวัสดิการทหารบกได้ประสานให้กำลังพลผู้ขายและผู้กู้ทั้งสองฝ่ายได้มาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนการช่วยเหลือผู้เสียหายในเรื่องการผ่อนชำระเงินกู้สวัสดิการก็จะพิจารณาตามระเบียบที่เกี่ยวกับการประนอมหนี้ในลำดับต่อไป" โฆษก ทบ.กล่าว
    ส่วนกองทัพเรือ (ทร.) พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข่าวโครงการบ้านสวัสดิการกองทัพเรือพื้นที่สัตหีบดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปเพียงร้อยละ 50 เนื่องจากบริษัทผู้รับเหมาทิ้งงานเพราะขาดสภาพคล่องหลายรายต้องกู้เงินมาต่อเติมเอง ส่งผลให้ข้าราชการกองทัพเรือที่เข้าร่วมโครงการได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากว่า โครงการดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2551 กองทัพเรือได้อนุมัติให้จัดทำโครงการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการได้มีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง ไม่ได้เป็นโครงการทางธุรกิจที่มุ่งหวังผลกำไรแต่ประการใด และยังได้จัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้ด้วย
    พล.ร.ท.ประชาชาติกล่าวว่า เมื่อเริ่มต้นได้ว่าจ้างบริษัท เปรมยุดา คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง มีจำนวนบ้านในโครงการทั้งสิ้น 249 หลัง แต่ต่อมาบริษัทผู้รับเหมาขาดสภาพคล่อง ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้าง คณะกรรมการดำเนินการโครงการบ้านสวัสดิการกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ จึงได้มีหนังสือขอความร่วมมือเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหางานก่อสร้างล่าช้า พร้อมทั้งลงมากำกับดูแลให้มีการจัดทำสัญญาจ้างก่อสร้างใหม่ ตลอดจนเพิ่มทางเลือกในการขอสินเชื่อโครงการระหว่างกองทัพเรือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ รวมถึงอนุมัติคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางในการจัดสร้างบ้านพักอาศัยราคาถูกและจัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างที่พักอาศัยให้กับข้าราชการในกองทัพเรือ (กบง.) ให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ของกองทัพเรือ
    โฆษก ทร.กล่าวว่า จากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น กองทัพเรือมีความห่วงใยในความเดือดร้อนของข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาโครงการบ้านสวัสดิการกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบขึ้นมาดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยต่อเนื่อง โดยมีเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเรือเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ปัจจุบันความก้าวหน้าของโครงการมีข้อมูลล่าสุดสำรวจ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2562 มีบ้านสร้างแล้วเสร็จจำนวน 171 หลัง คิดเป็น 68.7% คงเหลือ 78 หลังคิดเป็น 31.3%
    "กองทัพเรือไม่ได้ปล่อยปละละเลย และพร้อมที่จะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ มาโดยต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลในการมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตอันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน และสนองนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ที่มุ่งหวังให้กำลังพลของกองทัพเรือทุกนายปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสะท้อนค่านิยมของกองทัพเรือด้วยความ ซื่อสัตย์ความจงรักภักดี มีคุณธรรม จริยธรรม" โฆษก ทร.ระบุ
    ด้านกองทัพอากาศ (ทอ.) พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. กล่าวว่า ทอ.ไม่มีปัญหาเรื่องทหารเกษียณไปแล้วยังอาศัยบ้านหลวง เนื่องจากเมื่อใกล้เกษียณอายุราชการก่อน 7 วันทุกคนจะย้ายออกไปทันที โดยกองทัพอากาศจะใช้วิธีการให้นายทหารที่จบใหม่จะได้สิทธิ์ในบ้านพักก่อน เนื่องจากมีรายได้น้อย และค่าใช้จ่ายแพง เมื่อเติบโตขึ้นไปพอที่จะมีรายได้และเงินเดือนสูงขึ้นก็จะมีการส่งเสริมให้มีบ้านเป็นของตัวเอง ในลักษณะการเช่าซื้อ เมื่อบ้านสร้างเสร็จก็จะทยอยกันออกไป ส่วนบ้านพักที่เหลือเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งอย่างเดียว และเมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ต้องย้ายออกไปเช่นกัน
ทอ.ไร้พวกเกษียณอยู่ยาว
    "ทอ.ไม่มีปัญหาในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเราคิดกติกาตรงนี้มาโดยตลอด และมีการปูพื้นฐานกันมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนที่ได้วางระบบดังกล่าวเอาไว้ค่อนข้างเข้มแข็ง โอกาสที่จะอยู่ยาวแบบถาวรจึงไม่มี ทหารอากาศจะเคารพในความคิดตรงนี้ และยึดมั่นในการปฏิบัติตรงนี้ทุกคนและทั่วหน้ากัน" พล.อ.อ.มานัตกล่าว
    ผบ.ทอ.กล่าวว่า การจัดสรรที่ดินในการปลูกสร้าง ทอ.เราก็มีเช่นเดียวกัน แต่เรามีระบบการจัดการที่ดี ที่ดินก็ไปหามา และเข้าระบบสวัสดิการ ไม่มีเกินตัว ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะต้องไปดูว่ากำลังพลมีรายได้เท่าไร เพื่อให้พอดีกับการก่อหนี้ให้มีเงินเหลือพอมีกิน และถ้าหากไม่ได้ออกนอกฐานบิน ก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรอยู่แล้ว ซึ่งเรามองว่าเมื่อพอมีกินแล้ว ก็สามารถผ่อนที่และสร้างอนาคตได้ นี่คือหลักการของกองทัพอากาศ ถือเป็นวิธีการง่ายๆ แต่ที่สำคัญทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติ ที่จะต้องรักษากติกาตัวนี้ไว้ จึงต้องมีวินัยในเรื่องการเงินการสร้างตัว
    ถามถึงเรื่องกำลังพลร้องเรียน ผบ.ทอ.กล่าวว่า เรามีการจัดระบบภายในและดูแลกันอย่างดี การร้องเรียน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งก็ไม่ค่อยมี เนื่องจากได้ให้ผู้บังคับบัญชาไปดูแลโดยตรง เพราะการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาถือเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชามีปัญหา ซึ่งคนที่มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นผู้บังคับบัญชาที่ไม่ดูลูกน้อง เป็นเรื่องที่ทหารอากาศให้ความสำคัญ ในขณะที่เรื่องร้องเรียนจากหน่วยนอกองค์กร หรือหน่วยงานที่พร้อมจะรับเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงเว็บไซต์ของกองทัพอากาศก็สามารถร้องเรียนได้เรารับฟัง 
    "ในฐานะผมเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ให้กำลังใจ ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่ได้ดี โดยการสร้างกฎระเบียบกติกาขึ้นใหม่ในกองทัพไทย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเคารพนับถือ และเป็นเรื่องที่ดีงาม" ผบ.ทอ.กล่าว
    วันเดียวกัน ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดสัมมนาทางวิชาการกองทัพอากาศ ประจำปี 2563 หรือ Royal Thai Air Force Symposium 2020 เพื่อสร้างความเข้าใจการกำหนดทิศทางการพัฒนากองทัพอากาศ และการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นรูปธรรม 
    พล.อ.ณัฐกล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศเป็นความท้าทายที่กองทัพต้องเผชิญคือเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าทุกวินาที มีการพัฒนารวดเร็ว มีราคาสูง เราต้องปรับเขี้ยวเล็บของเราภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด เพื่อเสริมสร้างกองทัพ บริบทปัจจุบันเราต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ปรับเปบี่ยนวิธีการ ต้องร่วมมือและร่วมทุนกับหลายประเทศ
    จากนั้น พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า ในการสัมมนาวันนี้เป็นการนำเสนอแผนงานโครงการในสมุดปกขาวที่กองทัพอากาศได้จัดทำขึ้นว่าเราจะเดินไปทางไหน ซึ่งแผนงานโครงการระยะยาวเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลงในรอบ 20 ปี ยกเว้นเทคโนโลยี ถือเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์กองทัพอากาศและประเทศไทย ซึ่งกองทัพอากาศมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างสรรค์อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นภูมิคุ้มกันประเทศ โดยเราไม่จำเป็นต้องสร้างทุกชิ้นส่วน แต่จะอาศัยความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ
    สำหรับแแผนงานโครงการประกอบไปด้วย 1.Air domain ซึ่งเป็นเรื่องของกำลังทางอากาศ และเรื่องภาคพื้นทั้งหมด 2.Cyber domain ประกอบไปด้วยลักษณะการใช้งานทั่วไป 3.Cyber War Fare ถือเป็นภัยคุกคามที่เราต้องมีขีดความสามารถ ระบบป้องกันเพื่อขับเคลื่อนในส่วนนี้ให้ได้ และ 4.Space domain ที่เกี่ยวข้องกับนิติอวกาศ 
    "การสัมมนาเพื่อดูว่ามีส่วนไหนที่ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมาย การนำเข้า การเปิดธุรกิจในประเทศ เพื่อดูว่าเราสามารถช่วยผู้ประกอบการในประเด็นใดได้บ้าง แล้วนำข้อเสนอสิ่งเหล่านี้ต่อกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลต่อไป โดยทำให้มีความเข้มแข็ง" พล.อ.อ.มานัตกล่าว
    ผบ.ทอ.กล่าวว่า กองทัพอากาศยังเปิดหลักสูตรปริญญาโทเทคโนโลยีป้องกันประเทศครั้งแรก จำนวน 20 ทุนการศึกษา ที่ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช เพื่อต้องการให้เกิดผลการศึกษาวิจัยที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เอาไว้บนหิ้ง หวังผลว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชน ภาครัฐ จะมีส่วนร่วมในแนวทางของกองทัพอากาศ 
    "จะดูว่าในสมุดปกขาวจะสามารถเข้าไปร่วมตรงไหนได้บ้าง โดยในนั้นจะระบุโครงการจัดซื้อ โครงการร่วมพัฒนา ระบุเวลาไว้ทั้งหมด การเข้ามานั้นต้องเป็นไปตามข้อตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ แต่การร่วมมือการตกลงนั้นเป็นสิ่งสำคัญชัดเจน แต่รัฐและเอกชน ทั้งในประเทศไทย ภูมิภาค และโลก เพื่อเดินไปตามแนวทางกองทัพอากาศที่วางไว้" ผบ.ทอ.กล่าว
    ที่หน้า บก.ทบ. เวลา 10.00 น. นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นำพวงหรีดไปวางไว้ที่ประตู 2 บก.ทบ. เพื่อไว้อาลัยแด่กองทัพบก และเรียกร้องให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เหตุทหารกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารบก และยังปล่อยปละละเลยให้มีธุรกิจมืดในกองทัพทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามีเรื่องเหล่านี้.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"