บัวแก้วตอกฝรั่งเคารพอธิปไตยอย่าจุ้นยุบอนค.


เพิ่มเพื่อน    

    บัวแก้วสุดทน ตอกต่างชาติอย่ายุ่มย่าม แสดงท่าทีไม่ยอมรับคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมิตรประเทศจะเคารพอธิปไตยของประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ไทยให้การปฏิบัติต่อสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ "ช่อ" ยังหวังอดีต ส.ส.ส้มหวานไม่แพแตก ย้ำลงถนนหรือไม่ ต่อจากนี้ไม่อยากให้คิดเป็นเรื่องป่วนเมือง 
    ความเคลื่อนไหวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่เป็นเวลา 10 ปี ที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจากหลายฝ่ายรวมถึงการแสดงท่าทีจากองค์กรระหว่างประเทศและสถานทูตบางแห่งในประเทศไทย 
    โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการออกถ้อยแถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ประเทศไทยรับทราบความสนใจของบางประเทศต่อคดีดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 โดยคำวินิจฉัยเป็นไปตามกระบวนการในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ปราศจากอคติต่อการกระทำหรือผู้กระทำที่เกี่ยวข้อง 
    “รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการทำประชามติ โดยนำหลักกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาประกอบเป็นแนวทางให้ทุกพรรคการเมืองที่เข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาใช้ ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างค่านิยมของประชาธิปไตยและการเมืองพหุนิยม พร้อมเชื่อว่ามิตรประเทศจะเคารพอธิปไตยของประเทศไทย และจะสนับสนุนประเทศไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุดของประเทศเหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่ประเทศไทยให้การปฏิบัติต่อสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ” เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศระบุ
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ที่ต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดภายใน 60 วัน นับจาก 21 ก.พ. ว่าเรื่องนี้ในฐานะที่ถูกตัดสิทธิ์ไปด้วยแล้วหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค คงไม่สามารถพูดแทน ส.ส.ซึ่งเคยเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ได้ ผู้แทนราษฎรของพรรคคงต้องตัดสินใจกัน ยังจะเดินไปด้วยกันสู่พรรคไหนอย่างไร ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรค เราได้พูดกันมาหลายครั้งแล้วว่า เราหวังว่าผู้แทนราษฎรของเราจะยังเดินไปเป็นกลุ่มก้อนอุดมการณ์เดียวกัน แต่แน่นอนว่าการตัดสินใจก็เป็นของผู้แทนราษฎรของพรรคเอง เราก็ได้แต่เชื่อมั่นและหวังว่าพวกเขาจะเดินไปร่วมกัน เพราะฉะนั้นเรื่องไปอยู่พรรคไหน อย่างไร ต้องไปถามแต่ละคน
    เมื่อถามถึงการทำงานของคณะอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ย้ำว่า การทำงานของคณะอนาคตใหม่ ทางอนาคตใหม่เคยประกาศไว้ว่าเราไม่ได้ต้องการแค่ชนะเลือกตั้ง แต่ว่าต้องการปักธงทางความคิดด้วย ในเมื่อพรรคถูกยุบไปเหลือเพียงกลุ่มเป็นคณะอนาคตใหม่ การทำงานทางความคิดยังจะเดินหน้าต่อไป การรณรงค์เพื่อให้นโยบายที่เราเคยหาเสียงไว้ในฐานะอนาคตใหม่เป็นจริง เราก็ยังคงดำเนินการต่อไป แต่ทำในนามของประชาชนทั่วไปที่ย่อมมีความคาดหวังทางการเมืองเหมือนๆ กับคนอื่นที่มีความคิดเหมือนกันก็มารวมตัวกัน ก็รณรงค์ร่วมกันไป รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย คณะอนาคตใหม่ก็จะผลักดันต่อไป โดยการทำกิจกรรมและรณรงค์ของคณะอนาคตใหม่ก็ยังคงเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่เคยทำและเคยพิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าจะคนอายุ 18 หรือ 80 ปี หากแนวคิดตรงกัน ก็สามารถมาร่วมกันได้ เราทำงานเรื่องแนวความคิดไม่ใช่ว่าจะทำงานเฉพาะกับเด็ก หรือวัยรุ่น แต่จะรณรงค์ทางความคิดกับคนทุกกลุ่มทุกวัย
    อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า การทำงานของคณะอนาคตใหม่ ต้องหาเวลาคุยกัน ตอนนี้ยังมีงานธุรการต้องจัดการหลังจากมีคำสั่งให้ยุบพรรค เพราะเมื่อยุบพรรคแล้วองคาพยพทั้งหมดของพรรคก็ต้องถูกยุบไปด้วย ส่วนศูนย์ประสานงานของพรรคในทางกฎหมายก็ย่อมถูกยุบไปด้วย ก็เป็นเรื่องธุรการที่จะต้องดำเนินการต่อไป ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร หลังจากนั้นจึงจะมานั่งคุยกันจริงจัง วางแผนของคณะอนาคตใหม่ว่าช่วงปีที่เหลือจะทำอะไรบ้าง 
    เมื่อสื่อถามว่ายังจะจัดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาเช่นนี้อีกหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ที่จัดครั้งนี้ชอบหรือไม่ ถ้าชอบก็อาจจะมีอีก
    เมื่อถามว่า มีแนวคิดจะมีรวมตัวลงถนนหรือไม่ อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า เรื่องนี้พูดกันหลายครั้งแล้วว่าสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้การรับรองตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเวลาที่พูดว่าจะลงถนนหรือไม่ ก็ไม่อยากให้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้าย หรือจะเป็นเรื่องป่วนเมือง ที่ผ่านมามีการแสดงออกโดยการชุมนุมหลายครั้ง ทุกครั้งก็เห็นว่าสงบเรียบร้อยไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนสังคมโดยรวม ดังนั้นคิดว่าการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อสภาพการณ์ในสังคม ต่อรัฐบาล ตราบใดที่ยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการใช้สิทธินั้นในฐานะพลเมือง
     นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องให้ กกต.ดำเนินคดีอาญากับพรรคอนาคตใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องดำเนินการตามหน้าที่อยู่แล้ว ตอนนี้ได้ให้สำนักงานศึกษาเพื่อเสนอแนวปฏิบัติต่อไป ในการประชุม กกต.สัปดาห์หน้า ขอให้รอผลการประชุมก่อน ยังไม่อยากตอบในฐานะส่วนตัว ซึ่งการดำเนินคดีอาญากับคดีพรรคการเมืองนั้นมันคนละอย่าง คดีอาญาต้องมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายชัดเจน ซึ่งข้อเท็จจริงในคดีนี้เราก็มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ แต่ทุกอย่างก็ต้องศึกษารายละเอียด
    ส่วนที่มีการมองว่า กกต.จะเลือกปฏิบัติไม่ดำเนินคดีกับ 16 พรรคที่มีการกู้เงินเช่นกันนั้น ประธาน กกต.บอกว่า ขอยืนยันว่าทุกอย่างมีขั้นตอนของมันอยู่ ผู้ใดก็ตามที่มายื่นเรื่องต่อ กกต. ก็จะให้สำนักงานตรวจสอบในเบื้องต้น ว่าเป็นเรื่องที่มีมูล มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ถ้าเพียงพอก็จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ดังนั้นจึงไม่ใช่ใครมาร้องเรียนแล้วต้องปฏิบัติตามทันที เป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรมและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างชัดเจน  ทุกอย่างเราทำตามขั้นตอน ถ้าเผื่อมีหลักฐานและไม่ต้องใช้อะไรเพิ่มเติม เราก็ดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าพยานหลักฐานยังไม่พอ ก็อ่านสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริง เราทำไปตามเนื้อผ้า ซึ่งคงไม่ต้องไปเร่งรัดอะไร และก็คงไม่ล่าช้า 
    นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า จากกรณีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ระบุตอนหนึ่งว่า อาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิผู้ลงคะแนนเสียงกว่า 6 ล้านคนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะยังคงมีสิทธิ์มีเสียงในระบบการเลือกตั้งของไทยหรือไม่นั้น ตนจึงทำหนังสือส่งทางจดหมาย EMS ถึงนายไมเคิล จี ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับแถลงการณ์ของสถานทูต โดยให้ข้อมูลไปว่าศาล รธน.ของไทยยังไม่มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะอย่างชัดเจน          อีกทั้งในหนังสือดังกล่าวตนได้ส่งสำเนาหนังสือสำนักงานศาล รธน.ที่เคยเสนอให้คณะรัฐมนตรีในยุค คสช.ตราเป็นพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญและวิธีพิจารณาคดีของศาล รธน. พ.ศ..... แต่ต่อมาก็ขอถอนร่าง พ.ร.บ.นั้นกลับไป จวบจนถึงบัดนี้ ก็ไม่มี พ.ร.บ.จัดตั้งศาล รธน.บังคับใช้ ทำให้มีปัญหาว่าเมื่อยังไม่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล แล้วศาล รธน.ใช้อำนาจใดมาสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งคำวินิจฉัยต่างๆ ที่กระทำกันมาตั้งแต่ในอดีตจะถือเป็นโมฆะหรือไม่
       นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับคือ 2540, 2550 และ 2560 ล้วนบัญญัติถ้อยคำไว้เหมือนกันคือ  "บรรดาศาลทั้งหลายจะตั้งขึ้นได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ"  โดยรธน.2540 อยู่ในมาตรา 234 ซึ่งเป็นครั้งแรกให้กำเนิดศาล รธน. ต่อมา รธน.2550 ปรากฏในมาตรา 198 แล้วฉบับปัจจุบันคือ 2560 อยู่ในมาตรา 189 การบัญญัติไว้แค่นี้ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมทางกฎหมายว่าองค์กรหรือสถาบันศาลที่ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยต้องมีกฎหมายจัดตั้ง โดยหลักแล้วการตรากฎหมายเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน อย่างไรก็ตาม ศาลยุติธรรม ศาลทหาร และศาลปกครอง ต่างก็เป็นองค์กรที่เกิดขึ้นโดยมีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะ ยกเว้นศาล รธน.ที่ยังไม่มี เมื่อเป็นดังนี้ การใช้อำนาจใดๆของศาล รธน.จึงอาจถือได้ว่าไม่ชอบด้วย รธน.
     "เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วสำคัญชนิดคอขาดบาดตาย หากไม่มีกฎหมายจัดตั้งศาล รธน. ดังนั้นการใช้อำนาจที่ผ่านมาอาจก่อให้เกิดผลเสียหายต่อบุคคลและองค์กรมานานหลายปีแล้ว เช่น ยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคไทยรักษาชาติ  ยุบพรรคอนาคตใหม่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ใครจะรับผิดชอบ บ้านเมืองปกครองแบบนิติรัฐจริงหรือ ใครจะต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้" นายเรืองไกรกล่าว
    นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ได้คุยกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถึงจำนวนองค์ประชุมแล้ว โดยสัดส่วนก็จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในกรณียุบพรรคบัญชีรายชื่อคงไม่สามารถเลื่อนขึ้นมาทดแทนกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ได้ ส่วนการจัดสรรตำแหน่งในกรรมาธิการก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ช่วงนี้คงไม่ทัน อาจจะต้องเป็นช่วงสมัยประชุมต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"