ผู้นำคนใหม่ส้มหวานชำแหละนโยบายเพื่อนายทุน ตะเพิด'บิ๊กตู่'อยู่ต่อไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว


เพิ่มเพื่อน    

24 ก.พ.63 - เวลา18.15 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่ออภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานล้มเหลว ผิดพลาดโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศเสียหาย เกิดรวยกระจุก จนกระจาย ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงประโยชน์ประชาชน บริหารนโยบายเศรษฐกิจแบบตัวแทนนายทุน โดยนายทุน เพื่อนายทุน 

เพราะความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปี 2562 แย่พอกับช่วงวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 หนี้ครัวเรือน80% อยู่อันดับ 2 ของเอเชีย เมื่อเทียบกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2552 ที่หนี้สินภาคครัวเรือนไทยอยู่ที่ 50%  ซ้ำภาคเกษตรของไทยยุคนี้ยังต่ำกว่าปี 40 สะท้อนว่าคนรวยกับคนจนอยู่ในโลกคนละใบ แค่เดือนม.ค.63 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยตกต่ำสุดในรอบ 68 ปีชี้ให้เห็นว่าคนไทยไม่มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศแล้ว   

สำหรับนโยบายมั่นคง มั่ง ยั่งยืน ที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลนี้ อยากถามว่า ใครกันแน่ มั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน เราจะสามารถไว้วางใจนายกฯได้หรือไม่ ใครบ้างยังรู้สึกว่าประเทศไทยมั่นคง คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่กำลังจะเรียนจบ เต็มไปด้วยความฝัน ความหวัง แต่รู้สึกไม่มั่นคง กว่า5แสนเรียนจบกังวลว่าจะไม่มีงานทำ ส่วนคนวัยเกษียณ คือกลุ่มที่ยากจนเปราะบางมากที่สุด สำหรับกลุ่มเกษตรกร รายได้ลด มีหนี้สินเพิ่ม เกิดขึ้นกว่า 18 ล้านคนทั่วประเทศ 

นายพิธา กล่าวอีกว่า  ขณะที่ภาคราชการ การหาผลประโยชน์จากข้าราชการชั้นผู้น้อยทำให้เกิดโศกนาฎกรรมดังที่ผ่านมา เหมือนเอายาพาราไปให้คนเป็นมะเร็ง ให้ยาไปเรื่อยๆจนกว่าจะตายไปเอง ไม่ว่าจะเป็น ชิมช้อปใช้ บัตรสวัสดิการ แค่คลายปวดชั่วคราว ถามว่าใครบ้างมั่งคั่ง ถ้าเอาความมั่งคั่งของ5เจ้าสัวมารวมกันคือ 2.33 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณประเทศ30% จริงหรือไม่ที่เอื้อประโยชน์ซีพี จากโครงการอีอีซี เงินภาษีอุดหนุนเอกชน  จัดประมูลธุรกิจปลอดภาษีอากรโดยมีบริษัทเดียวผูกขาดถ้าเป็เรื่องจริง เป็นความเสียหายประเทศ เอื้อเหล้าขาวของบริษัทใหญ่ ให้มีราคาถูกกว่าสุราชุมชนภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่กลับปรับภาษีเหล้าขาวให้ต่ำกว่าเบียร์ ทั้งที่อ้างว่าไม่ต้องการให้คนไทยดื่มสุรา 

"แค่นี้ก็สะท้อนวิธีคิดว่าเอื้อกลุ่มทุน  ตอบได้ว่าใครยั่งยืน คุณภาพ ดุลยภาพ ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ เราจะส่งมอบอนาคตแบบไหนให้คนรุ่นหลัง  ที่ลิดรอนสิทธิประชาชน ปัญหาพีเอ็ม 2.5 มาจากการเผาอ้อย มาจากนโยบายเกษตรแบบประชารัฐของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ลดพื้นที่ปลูกข้าวจำนวน6ล้านไร่ มาปลูกอ้อย วันนี้สำเร็จไปแล้ว3ล้านไร่ และเพิ่มโรงงานน้ำตาลอีก 29 แห่งทั่วประเทศ ทั้งที่ราคาอ้อยไม่ได้ดีกว่าไปกว่าราคาข้าว ซ้ำยังทำให้คนตายผ่อนส่ง และยังใช้พาราควอตมากกว่าปกติถึง  5 เท่า อยากถามว่าใครได้ประโยชน์ ราคาอ้อยก็ตกต่ำ ไม่ได้ดีขึ้นแถมมีนายทุนเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการนโยบายอ้อย"

นอกจากนี้การส่งเสริมทำเหมืองแร่ของรัฐบาล สร้างผลกระทบให้คนเจ็บ คนตาย คนถูกเอาเปรียบกดขี่ จากธุรกิจเหมืองแร่ 970 แห่งทั่วประเทศ เหมืองแร่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจากพรบ.เหมืองแร่ ที่เอื้อนายทุน เปิดช่องทำเหมืองมีพื้นที่ต่ำกว่า100 ไร่ ไม่ต้องทำแผนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ไม่เคยคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน คนทำเหมือง และสิ่งแวดล้อมเกิดจากคำสั่งคสช.ที่ 4/59 หรือไม่ เช่นเดียวกับการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็คทรอนิกส์จากต่างประเทศในระยะ5ปีมีการนำเข้าถึง 850% จนประเทศไทยกลายเป็นแหล่งขยะเอเชีย โดยยกเว้นการทำผังเมือง ให้ธุรกิจเหล่านี้ อนาคตธุรกิจไทยได้ถวายพานให้กลุ่มทุนต่างประเทศไปแล้ว เงินทองคนไทยอาจไม่ได้หายไปไหน แต่อาจเข้าไปอยู่ในกระเป๋านายทุนก็ได้ ตอกฝาโลงธุรกิจไทยไปได้เลย  

“99% ของคนไทยไม่มั่งคั่ง ยั่งยืน มีเพียง 1%คือนายทุนที่มั่งคั่งยั่งยืน รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปไม่ได้อีก แม้แต่อีกวันเดียว จะกระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีดไปเท่าไหร่ ก็หมุนไปเข้า 3 กลุ่มนายทุนใหญ่ของประเทศ ประเทศชาติเสียหายมามากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่ออีก 1 วันจะสร้างความเสีย หายอีก 1 วัน ผมไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศแม้แต่วันเดียว” นายพิธา กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"