ชะตาเมืองหลังพระเสาร์จรย้ายจากธนูเข้ามังกร


เพิ่มเพื่อน    

 

    วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 09.00 น. พระเสาร์จร (7) เทพพระเจ้าแห่งความระทม-ทุกข์ จะย้ายจากราศีธนูเข้าไปเดินในราศีมังกร ซึ่งเป็นภพที่สิบ กัมมะ อันเป็นขอบเขตของคณะรัฐบาล รัฐมนตรี ภาระการบริหารประเทศ การปกครองประเทศ รวมทั้งบุคคลที่ขึ้นมามีอำนาจที่ไม่ได้มาตามธรรมดาสามัญ รอบแรก (มีเดินผิดปกติ) แต่โดยภาพรวมแล้วจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงมีนาคม 2566

    ต่อไปนี้ผู้เขียนขอประมวลสิ่งที่เคยทำนายไว้ก่อนหน้านี้ถึงสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเมือง อันเป็นผลจากพระเสาร์จรจะย้ายราศี และดาวสำคัญอื่นๆ ที่ทำมุมกับดวงเดิมดวงเมืองมาให้ครบถ้วนเสียทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องร้อนแรงทางการเมือง ดังนี้

    1.ด้านการเมือง อย่าลืมว่ามฤตยูจร (0) เจ้าของ ภัยอาเพศ การปฏิวัติ ล้มล้างสิ่งเก่า สถาปนาสิ่งใหม่ การผลัดเปลี่ยนทันทีทันใด การเนรเทศ ประพฤติแปลกๆ ทำการโดยถูกยุยง ฯลฯ ยังเดินอยู่ในราศีเมษทับลัคนาเมือง-พระอาทิตย์ (๑) ดาวการเมืองและบุคคลสำคัญในเมือง และเป็น ดาวตัวแทนจิตใจคนในเมือง (ตนุเศษ) อยู่ และจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนถึงกรกฎาคม 2565 ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติใหญ่ในเมือง-การเมือง-บุคคลสำคัญในเมือง องคาพยพทางการเมืองทั้งหลาย เช่น รัฐสภา รัฐธรรมนูญ ฯลฯ ยังจะมีอยู่ต่อไปใน แบบไม่คาดฝัน ล็อกถล่ม เกินคาดคิด

    โดยอาการของมฤตยูนี้ คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงก็เห็นว่า ล้ำเลิศ ฝ่ายที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงจะมองว่า วิตถาร หากต้องการดูตัวเป็นตัวอย่างคือกรณี เบร็กซิต-เม็กสิต ที่สหราชอาณาจักร หรือการเมืองในมาเลเซียจากการวาดลวดลายของสิงห์เฒ่ามหาเธร์แห่งมาเลเซีย ส่วน ลีลาในเมืองกรุงรัตนโกสินทร์รอบนี้คือ

     1.1 ผู้เขียนเคยเขียนไว้ในหนังสือชื่อ คู่มือรับมือมฤตยูผู้อาเพศ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์กรีน ปัญญาญาณ ตีพิมพ์เมษายน 2559 ทำนายว่า การมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูจรรอบนี้ ซึ่งเป็นรอบที่สาม (มีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565) จะคล้ายๆกับสมัยปลายรัชกาลที่สาม ต่อต้นรัชกาลที่สี่ (มฤตยูจรทับลัคนาเมืองรอบแรก) ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต แล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ  พร้อมกับเตรียมการประเทศให้เป็นตะวันตกเพื่อรองรับภัยจากการล่าเมืองขึ้นของชาติตะวันตก

     แต่การมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูจรรอบนี้ จะไม่เหมือนคราวปฏิวัติสยาม 2475 (มฤตยูจรทับลัคนาเมืองรอบที่สอง)  เพราะหากจะปฏิวัติ-มีเรื่องรุนแรงขนาดนั้น จะมีเกณฑ์ร้ายอื่นร่วม ซึ่งในประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์เกิดขึ้นเพียง 3 ครั้งเท่านั้น คือคราวเสียดินแดนสมัยรัชกาลที่ห้า - คราวปฏิวัติสยาม 2475 และคราวเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 จึงถ้าจะให้เหมือนปี 2475 จะต้องคอยเวลาอีก 84 ปี เมื่อมฤตยูกลับมาที่ราศีเมษอีกครั้ง

     1.2 หากยังจำกันได้ ผู้เขียนได้ทำนายไว้ตั้งแต่ปลายปี 2562 ว่าระหว่าง 30 ตุลาคม 2562-1 หรือ 2 มีนาคม 2563 จะเกิดปรากฏการณ์ตรึงกำลังสองฝ่ายในเมือง (ปรากฏการณ์พฤหัสบดีตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมือง) ทำให้อึดอัดใจทั่วไป เหมือนคนท้องอืด ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง ด้วยเรื่อง การยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ลุ้นกันมานาน ก็ชัดเจนขึ้นแล้วก่อนพระเสาร์ย้ายไม่กี่วัน

     ผลคือทำให้แฟนๆ พรรคอนาคตใหม่เป็นเดือดเป็นแค้นแปรพลังเป็นแฟลชม็อบในเบื้องต้น คำถามคือ แล้วต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น? มีคำตอบที่ผู้เขียนให้นานมาแล้วคือ

     1.3 ในหนังสือชื่อ ลอกคราบใหม่ประเทศไทย ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่มกราคม 2558 โดยสำนักพิมพ์กรีนปัญญาญาณ นั้นบอกว่า มีเกณฑ์โหรสำคัญแทรกเข้ามาในดวงชะตาเมือง ขณะที่มฤตยูจรทับลัคนาเมืองรอบนี้คือเมื่อคิดตามหลักของ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร แล้วกรุงรัตนโกสินทร์จะเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ 13 ที่ผู้เขียนเรียกว่ายุคสี่จี (ขณะนี้เป็น 5 จี) มาตั้งแต่มีนาคม 2562 แล้ว และยุคนี้จะกินเวลายี่สิบปี อันจะเป็นยุคล้ำสมัย และจะมีอะไรดีๆบังเกิดมากมายพรรณนาไม่หมด เช่น จะซื้อของก็ไม่ต้องไปตลาดอีกแล้ว ฯลฯ

     แต่ด้านร้ายคือ ในอดีตการเกิดยุคคล้ายๆ กันนี้ (พระพฤหัสบดีจรแตะและร่วมราศีกับพระเสาร์จรในราศีธนู) เคยเกิดขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ และ เกิดความเชื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ในระดับสัมมนาส่องแสงกันในมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนเรียนอยู่-ผ่านเหตุการณ์มาทั้ง 14 ตุลาคม 2516 และ 6ตุลาคม 2519

    จากคำทำนายคราวนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ผู้เขียนได้ประจักษ์กับตาแล้วว่า ได้เกิดขบวนการจากนักศึกษา เด็กๆ ของดวงเมือง คนที่มีความคิดล้ำเลิศหรือวิตถารก็แล้วแต่-ต้องการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในบ้านเมืองในระดับจะให้เป็น 2475 ก็มี

     แล้วคาดว่าผลจะออกมาเช่นอย่างไร?

     1.4 หลังจากปรึกษากับ โหรภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ซึ่งเป็นโหรจริง-หลักแม่นแล้ว เชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายในเมืองที่สู้กันอยู่ จะผลัดกันรุกผลัดกันไล่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อันเกิดจากพฤหัสบดีจรผลัดกันไล่ล่ากับพระเสาร์จรไปจนถึงประมาณ 5 ธันวาคม 2563 แล้วทุกฝ่ายคงพยายามปรับตัวอยู่ให้ได้ (พระเสาร์จรร่วมราศีกับพฤหัสบดีจร-ไม่ใช่มุมเล็งอันเป็นมุมที่รุนแรงกว่า)

     1.5 ไม่ว่าจะต่อสู้กันยาวนาน รุนแรงขนาดไหน ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะเป็นศึก 4 จี-5 จี-เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ (เป็นหลักใหญ่)-แต่หากจะมีอะไรมากกว่านี้ ก็มั่นใจว่า เมืองก็อยู่รอดปลอดภัยเสมอ สถาบันหลักของชาติคงอยู่ต่อไป เพียงแต่จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย อีกทั้งทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นเมืองจะมีโอกาสใหม่ๆ ตามมาเสมอ (ดวงเมืองกรรไกรหนีบแบบคลายออก)

     2.ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ประมาณ 15 พฤษภาคม 2563 จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (อาจเกิดก่อน 7 วัน หรือหลัง 7 วัน)

     3.ปรากฏการณ์อึดอัดใจไปทั่วเมืองเหมือนคนท้องอืดจะก่อตัวขึ้นอีกรอบด้วยการตรึงกำลังกันในเมืองระหว่างกลางเดือนกรกฎาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 อาจจะมีบางช่วงที่เมืองเหมือนถูกบีบหน้าหลัง รวมทั้งผู้นำคือนายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มถูกบีบจนหน้าเขียวหน้าเหลือง

    ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในทางการเมืองตั้งแต่ 10กันยายน 2563-สิ้นปี จะเป็นเรื่องดีมากกว่าร้าย (พระราหูศรีจรทับพระอังคารดวงเดิมดวงเมือง)

     4.ปี่กลองเลือกตั้งท้องถิ่นที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีแต่แผ่วไป น่าจะเริ่มคึกคักอีกรอบประมาณพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

   5.ปรากฏการณ์ไวรัสโควิด-19 นั้น เกิดจากมฤตยูจร (0) ภัยพิบัติ โรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นแบบอาเพศทับลัคนาโลกและเมืองรออยู่นานแล้ว ครั้นตั้งแต่ ปลายเดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นมาเมื่อพระพฤหัสบดีจร (5) เล็งกับพระราหูจร (8) เป็นคู่โรคระบาดเรื่องก็เริ่มระเบิดขึ้นที่จีน

    ผู้เขียนคาดว่า ตั้งแต่ 17 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป เมื่อพฤหัสบดีจรหยุดเล็งกับพระราหูจรสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ กับภัยพิบัติแปลกๆ และอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เมษายน 2563 เป็นต้นไป คนในเมืองต้องระวังอาหารการกิน(ทักษาเมืองตกภูมิพุธ-อย่ากินเนื้อกินนกจะร้อนอกเจ็บนาภี)

    6.ประชาชน-ชาวบ้านมีเคราะห์ทั้งเกี่ยวกับเจ็บไข้ได้ป่วย-หนี้-บางคราวเกิดจากฝ่ายรัฐบาล (พระเสาร์จรเล็งพระจันทร์ดวงเดิม ๒) เช่น ในอดีตถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม รอบนี้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

     วิธีรับมือคือตำราบอกให้สวดมนต์ ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง หรือหากรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจทำอีกด้านในทางตรงข้าม คือลดภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวในช่วงที่พระเสาร์จรยังอยู่ที่มังกร

     7.ใครมาเป็นรัฐบาลก็ภาระหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจ (พระเสาร์จรถึงพระศุกร์ดวงเดิม ๖) ส่วน ฝ่ายค้าน-ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็ดวงตก (พระเสาร์จรเล็งพระจันทร์ดวงเดิม ๒)

     8.ทหาร-ลัทธิทหาร ผู้มีอำนาจต้องใช้อำนาจแบบละมุนละม่อม (พระอังคารเป็นกาลกิณีจร)

     9.มีจังหวะที่เมืองจะเดือดร้อนเนื่องจากศัตรูใหญ่รบกัน เช่นคราวสงครามอ่าวฯ

     10.ยืนยันคำทำนายเดิมฟืนไฟ-อุบัติเหตุร้ายแรงทั้งทางบก อากาศ น้ำ ดิน ควัน แก๊ส อาวุธ เลือด ลม ยาพิษ จะเกิดชนิดไม่คาดฝันได้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

     11.หญิงงาม ดารา นักร้อง เซเลบ ระดับนางพญาในวงการมีเคราะห์ทั้งหลายมีเคราะห์อาจมีสูญเสีย พลัดพรากให้เศร้าโศก

    12.ด้านดียังมีโอกาสที่เมืองได้ โชคเทวฤทธิ์ หรือเทวดาให้โชคอีกรอบ หลังจากประมูล 5 จีไปแล้ว คราวนี้อาจมีข่าวดี เรื่องแก๊ส พลังงานที่ผู้เขียนหวังอยู่

   13.ด้านดีไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐบาล การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศยังจะทำต่อไปเพื่อได้ใช้ไปอีก 20 ปี

     14.เรื่องที่ดิน-ต้นไม้-สวนป่าของทั้งรัฐบาลและเอกชนโดดเด่น รวมทั้งเรื่องบันเทิง-เหล้าเบียร์-ปุ๋ยหมัก-ของหมักดอง-พลาสติกชั้นดี (เช่นย่อยสลายได้)-การเก็งกำไรก็ระเบิด รวมทั้งตลาดหุ้นที่ชวนหัวใจวาย-อาจมีการออกสลากแนวใหม่ ฯลฯ

     ผลไม้และพืชน้ำมันได้กลางๆ แต่ข้าวมีเคราะห์ ต้องจัดการดีๆ  รวมทั้งเคมี กาแฟ ชา ยาสูบ เหล็ก กีฬา ส่วนใหญ่ที่จะดูไม่ค่อยจืดมากกว่าดี

     13.ตั้งแต่เมษายน 2563 เป็นต้นไป หากมีคดีความ เมืองมักจะชนะ (ทักษาจรตกภูมิพุธ)

    14.มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวแบบแปลกสักครั้ง-สองครั้ง

    กล่าวโดยสรุปต่อไปนี้เมื่อพระเสาร์จรย้ายราศีเรื่องทั้งดี-ร้ายสามารถเกิดขึ้นในเมืองได้ตลอด แต่ดูแนวแล้ว เกณฑ์ร้ายจะโดดเด่นมากกว่าดี ซึ่งดวงชะตาเดิมเมืองรัตนโกสินทร์ก็เป็นเช่นนี้คือหากเมืองนิ่งๆ กำลังไปด้วยดี ก็ต้องระวังเรื่องร้ายไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น

    แต่หากมีเรื่องร้ายและความวุ่ยวายแล้วโอกาสดีจะตามมาทุกครั้ง และที่ร้ายกว่านี้ ประชาชนของเมืองก็ผ่านกันมาแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นฐานจริงๆ ของ ประชาชนในดวงเมือง นั้นถูกออกแบบมา ให้มั่นคง รักถิ่นฐานและมาตุภูมิ (พระจันทร์ ๒ มาตรฐานเกษตราธิบดี)

    ส่วนจิตใจของคนไทยนั้นอาจผันแปรไปตามดาวจรที่มาทำมุม(เช่น มฤตยูจรจอมล้ำเลิศ-วิตถารที่กำลังทับพระอาทิตย์ ๑ ตัวแทนจิตใจคนไทยในขณะนี้) แต่ในที่สุดแล้ว จิตใจคนไทยส่วนใหญ่ก็ผูกพันกับเมือง (พระอาทิตย์ ๑ ดาวจิตใจกุมลัคนา) และพระราชสายพระโลหิตของพระผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์คือจิตใจของคนไทย (พระอาทิตย์ ๑-ตัวแทนภพปุตตะ-ของเมือง-เป็นตนุเศษ หมายถึงจิตใจ).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"