ฟันหลอกลวงสินค้า ปั๊มหน้ากากรีไซเคิล


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจเค้นสอบร้านค้าของเก่าย้อมแมวขายหน้ากากอนามัยใช้แล้ว สารภาพส่งขายทางออนไลน์ชิ้นละ 3 บาท มีผู้หลงเชื่อซื้อไปแล้วกว่า 8 หมื่นชิ้น ถูกดำเนินคดีในความผิดขายของโดยหลอกลวง และไม่มีใบอนุญาตค้าของเก่า ด้านการกักตุนสินค้า รองโฆษก ตร.แจงตรวจสอบแล้ว 326 แห่ง-ไม่พบ
    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งใน อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พบมีการนำหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วมารีไซเคิลตบตาขายเป็นหน้ากากใหม่นั้น พ.ต.ท.สำราญ โสรีกุน พนักงานสอบสวน สภ.วิหารแดง เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เมื่อค่ำวันที่ 2 มี.ค.63 พนักงานสอบสวนได้เชิญนางจินตนา นามวิชัย อายุ 46 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า, นางวีรวรรณ์ ธงสันเที๊ยะ อายุ 46 ปี ชาว จ.สระบุรี และ น.ส.พิมพ์วลัญชน์ จำรัสศรี อายุ 44 ปี ชาว จ.ปทุมธานี มาทำการสอบสวนเบื้องต้น ได้ความว่า นางจินตนากับนางวีรวรรณ์ได้ซื้อหน้ากากอนามัยมาจากร้านเบิ้มค้าของเก่า อยู่ในเขต ต.หนองหมู อ.วิหารแดง เมื่อซื้อมาแล้วได้ทำการคัดหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วและยังสมบูรณ์มาเข้าเครื่องซักผ้า จากนั้นนำมาคัดแยกอีกรอบหนึ่งเพื่อทำการรีดให้มีความเรียบเหมือนของใหม่ เพื่อจัดจำหน่าย โดยนางวีรวรรณ์เปิดขายทางสื่อออนไลน์ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อและสั่งซื้อจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 12 กล่อง กล่องละ 3,500 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 3 บาท รวมหน้ากากรีไซเคิลที่ขายไปแล้ว 84,000 ชิ้น เป็นเงิน 252,000 บาท
    พ.ต.ท.สำราญกล่าวว่า ภายหลังสอบปากคำจึงได้ตั้งข้อหากับบุคคลทั้งสาม ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้หลงซื้อเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณอันเป็นเท็จ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนอกจากนั้นยังมีความผิดไม่มีใบอนุญาตค้าของเก่าอีกข้อหาหนึ่งด้วย ในชั้นต้นได้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมเรียกผู้ต้องหาคุมตัวส่งฟ้องศาล จ.สระบุรีต่อไป
    เมื่อวันที่ 2 มี.ค.นี้ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอวิหารแดง นำกำลังเข้าตรวจสอบร้านค้าของเก่า บ้านเลขที่ 5/2 หมู่ 6 ต.หนองสรวง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พบกลุ่มคนกำลังรีไซเคิลหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ตั้งแต่การคัดแยก ซักด้วยเครื่องซักผ้า ผึ่งแดด และนำมารีดให้ดูเหมือนใหม่ ก่อนบรรจุกล่องเพื่อส่งจำหน่าย ด้านนางจินตนา นามวิชัย เจ้าของร้าน ให้การเบื้องต้นอ้างว่า นำหน้ากากอนามัยมาคัดแยกเพื่อนำเหล็กที่ประกอบอยู่ในหน้ากากมาหลอมส่งขายต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้นำตัวทั้งหมดไปสอบปากคำและได้ความจริงดังกล่าว
    มีรายงานว่า ในการสอบปากคำเมื่อคืนวันจันทร์ นางจินตนารับสารภาพว่าประกอบอาชีพขายของเก่ามานานแล้วโดยไม่มีใบอนุญาตแต่อย่างใด ระยะหลังเห็นว่ามีความต้องการใช้หน้ากากอนามัย เพราะคนกลัวการระบาดของเชื้อโควิด-19 เลยไปหาเพื่อนที่รับซื้อของเก่าอีกร้าน ให้ไปรวบรวมหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ก่อนจะนำกลับมาทำความสะอาด รีดให้เรียบ ใส่ซองขายใหม่ดังกล่าว
    สำหรับหน้ากากอนามัยที่รีไซเคิลแล้วจะไม่ส่งขายหน้าร้านทั่วไป แต่ขายทางออนไลน์ให้ผู้ที่สนใจสั่งซื้อโดยตรงแทน ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อจำนวนมาก โดยเริ่มขายมาประมาณ 1 เดือนเศษ ปรากฏว่ายอดขายดีมาก ยอดออเดอร์พุ่งจนทำแทบไม่ทัน ต้องเพิ่มคนงานคือวัยรุ่นที่เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ดังกล่าว
    ในส่วนของร้านรับซื้อของเก่าที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลหน้ากากอนามัยนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลตามพยานหลักฐาน
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานเพิ่มเติมจาก สภ.วิหารแดง ว่า กรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ครอบครองสถานที่ในการก่อเหตุ 2 ราย และผู้นำของไปขาย 1 ราย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 “ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ.2474 มาตรา 4 “ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าเว้นแต่จะได้รับอนุญาต” ประกอบกับมาตรา 12  “ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” โทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานกับพาณิชย์จังหวัดเพื่อไปตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป 
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้ใดที่คิดจะกระทำการในลักษณะแบบนี้ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบและตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ควรมีต่อสังคม เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันในห้วงที่มีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดและการป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้น ทำให้ประชาชนมีความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น และไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน หากผู้ประกอบการหรือผู้ใดคิดที่จะฉวยโอกาสกอบโกยเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด มิให้ผู้ใดฉวยโอกาสและซ้ำเติมพี่น้องประชาชน
    "ได้ทำการตรวจสอบร้านค้า และแจกโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ จำนวน 326 แห่ง ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบร้านที่มีการขายสินค้าเกินราคาและกักตุนสินค้า" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"