ยุทธการดับเฟกนิวส์


เพิ่มเพื่อน    

 

               นี่แหละ...

                เขาเรียกว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

                ถึงลูกถึงคน

                วิธีจัดการเฟกนิวส์ของ คุณหมอ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ผลชนิดว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก น่าจะเรียกไปเป็นที่ปรึกษาเลยทีเดียว

                ก็คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในสถานการณ์เฟกนิวส์ การดูหมิ่น เบ่งบานด้วยข้ออ้างสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดความเห็น ของสังคมประชาธิปไตยปากว่าตาขยิบแล้วล่ะครับ

                คำว่าเสรีภาพ ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ

                แต่มีพวกอ้างเสรีภาพ แต่ความรับผิดชอบต่ำ ก่อปัญหาไม่เว้นวัน

                บนการไร้ความผิดชอบบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้สร้างความขัดแย้ง ความเสียหาย และความวิบัติมาแล้วนับไม่ถ้วน จากการใช้เสรีภาพเกินขอบเขต               

                จนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเสรีภาพ

                แต่เป็นการก่ออาชญากรรม

                คุณหมอ นพ.วรงค์ แกเอาจริง ใครโพสต์เฟกนิวส์เจอกันที่โรงพัก

                วานนี้ (๖ มีนาคม) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ข้อความดังนี้

                "....ผมได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายบรรจบ สุทธิรักษ์ Petchsri Wuttinimit  และนายมวลชน กัลป์ตินันท์ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก

                โดยเฉพาะนายมวลชน กัลป์ตินันท์ มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ดำเนินการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดอุบลราชธานี นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ได้ติดต่อมาขอสารภาพ ขอโทษ และยอมรับผิด

                อาจเป็นมิติใหม่สำหรับ การแสดงความคิดเห็นในสื่อสารออนไลน์..."

                กรณีนี้ถือเป็นมวยใหญ่

                เป็นบทเรียนให้พวกเกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลาย ที่โพสต์สร้างความเสียหายให้ผู้อื่นโดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง 

                มันต้องเจอแบบนี้!

                ที่จริงมีการขยับทำในสิ่งที่ถูกต้องมา ๒-๓ วันแล้ว 

                นอกจากคุณหมอ นพ.วรงค์ ยังมีท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

                บนหน้าเฟซบุ๊กของท่าน อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจัดการผู้ปล่อยเฟกนิวส์ ติดๆ กันหลายวันแล้ว

                ตามนี้ครับ.............

---------------------------------------------

                Chuchart Srisaeng

                ๔ มีนาคม

                .....ขอขอบคุณ คุณ Boon Bangrakam ที่แจ้งให้ทราบถึงการกระทำโดยใช้คำพูดอันเป็นการหมิ่นประมาทผมของผู้ใช้ชื่อว่า วิบูลย์ บุญภัทรรักษา อู๊ด และบุคคลอื่นๆ อีกหลายคน ที่คอมเมนต์ข้อความที่นายวิบูลย์กล่าว

                .....ขอขอบคุณ คุณ Panat Thach Pavapirom ที่แจ้งให้ทราบถึงการกระทำโดยใช้คำพูดอันเป็นการหมิ่นประมาทผมเช่นเดียวกันของผู้ใช้ชื่อว่า Dinsor Pingkul

                .....ตามความเป็นจริงเรื่องที่ผมให้ความเห็นในเฟซบุ๊กของผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลเหล่านี้และผมไม่เคยรู้จักหรือมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันมาก่อนเลย

                .....จึงไม่เข้าใจว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องกล่าวหาด่าว่าอันเป็นการหมิ่นประมาทผมโดยการโฆษณา ซึ่งเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี และปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท

                .....เพื่อเป็นการตอบแทนบุคคลเหล่านี้ผมจะฟ้องคดีต่อศาล จะได้รู้ว่าการสู้คดีในศาลสนุกสนานเหมือนการด่าว่ากล่าวหาคนอื่นหรือไม่

                .....สำหรับผมเองคงไม่เดือดร้อนอะไรในการฟ้องคดี เพราะผมเขียนคำฟ้องเองและมอบอำนาจให้ผู้หนึ่งไปยื่นคำฟ้องต่อศาลได้ ในชั้นพิจารณาคดีก็ซักถามพยานเองได้ จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร ส่วนคนที่ถูกฟ้องคงต้องปรึกษาทนายความ

--------------------

                ๕ มีนาคม

                .....รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเขียนไว้เหมือนกันว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แต่จะละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นไม่ได้

                .....นั่นคือทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่นหรือการยอมรับความคิดเห็นต่างนั่นเอง

                .....ผมได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาตั้งแต่อายุ ๒๖ ปีเศษ การทำคำพิพากษาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาในศาลชั้นต้นต้องมีองค์คณะ ๒ คนในศาลอุทธรณ์กับศาลฎีกา มีศาลละ ๓ คน และต้องยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลัก จึงเคยชินกับความเห็นต่างตลอดมา

                .....ผมเล่นเฟซบุ๊กมาร่วม ๑๐ ปี ส่วนมากข้อความที่เขียนเป็นเรื่องการให้ความรู้ทางกฎหมาย ความเห็นทางการเมืองก็มีบ้าง สำหรับบุคคลส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลที่มีการกระทำหรือความคิดซึ่งจะมีผลเสียหายต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่ผมตำหนิติเตียน แต่ไม่เคยใช้คำหยาบเลย

                .....ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการกระทำที่มีผลให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมหรือบุคคลอื่น ขอยืนยันได้ว่าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีความคิดเห็นอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนไม่เคยสนใจอ่านข้อความที่เขาโพสต์เลย

                .....จึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่า การที่บุคคลซึ่งไม่เคยรู้จักหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันมาก่อนบางคนนำข้อความที่ผมเขียนไปแชร์แล้วด่ากันด้วยคำหยาบคายเป็นเพราะเหตุผลอะไร

                .....ถ้าเป็นเพราะเพียงไม่เห็นด้วยกับความเห็นของผมแล้วนำไปด่ากันอย่างหยาบคายก็แสดงว่าไม่ยอมให้ผมมีความคิดต่างกับเขาหรือเห็นต่างกับเขาไม่ได้

                .....เช่นนี้ บุคคลเหล่านี้ก็คือเผด็จการที่แท้จริง การเรียกร้องโหยหาประชาชาธิปไตยอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงการกระทำของผู้ที่อ้างเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอมเท่านั้น

--------------------------

                ผมอ่านแล้วบอกตรงๆ สนุก!

                อยากเห็นพวกไม่รับผิดชอบสังคมแต่อ้างสิทธิเสรีภาพ ไปใช้ชีวิตในคุกเป็นตัวอย่างสักคนสองคน

                ไม่ได้สะใจอะไรครับ

                แต่คนประเภทนี้ต้องได้รับบทเรียน 

                ต้องได้รับการดัดนิสัย

                ให้รู้จักคำว่า สิทธิ เสรีภาพ ที่แท้จริง คืออะไร

                การสื่อสารของผู้คนก่อนนี้ พูดจากันสุภาพเรียบร้อย ด่าทอกันบ้างก็เพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาท 

                แต่แทบจะไม่มีเลยที่ว่าคนไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน จะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อกัน มีพฤติกรรมที่หยาบคายต่อกัน

                แล้วดูปัจจุบันนี้ซิครับ มนุษย์สื่อสารกันง่ายขึ้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถติดต่อกันได้

                แต่ความรับผิดชอบกลับต่ำลง

                การแสดงความเห็น การกระทำในที่สาธารณะก็เช่นกัน ไร้ความรับผิดชอบมากขึ้น

                เราจึงได้เห็นป้ายประท้วงรัฐบาลมีข้อความหยาบคายเกลื่อนไปหมด

                จนไม่น่าเชื่อว่า นี่คือการแสดงออกของปัญญาชน

                หรือกรณี "ชักธงดำ" ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

                มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า เมื่อโรยธงไตรรงค์ลงแล้ว จะเอาธงอื่นชักขึ้นได้ไม่เห็นแปลก

                บรรดาครูบาอาจารย์ ก็ผสมโรง ยืนยันว่าลูกศิษย์ต้องการแสดงออก

                แต่...สิ่งที่ครูบาอาจารย์ และลูกศิษย์กลุ่มนี้ลืมไปนั่นคือ กาลเทศะ

                เสาธงคือที่ของธงชาติ

                ทุกประเทศทั่วโลกมีธงชาติเป็นของตนเอง และธงชาติคือสัญลักษณ์บอกเล่าความเป็นชาตินั้นๆ

                เช่น ธงชาติสหรัฐฯ ภายในมีรูปดาวห้าแฉกสีขาวจำนวน ๕๐ ดวง หมายถึงรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ ทั้ง  ๕๐ รัฐ โดยจำนวนดาวจะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเมื่อมีการเพิ่มจำนวนรัฐในความปกครอง

                ริ้วสีแดงสลับขาวทั้ง ๑๓ ริ้ว หมายถึงอาณานิคม ๑๓ แห่งของสหราชอาณาจักรในอเมริกา ซึ่งได้ร่วมกันประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร และสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น เมื่อ ค.ศ.๑๗๗๖

                ธงสหราชอาณาจักร หรือ ยูเนียนแจ็ก ย้อนไปถึงปี ค.ศ.๑๖๐๓ เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ ๖ แห่งสกอตแลนด์ เสวยราชย์เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ ๑ แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ เป็นอันรวมแผ่นดินอังกฤษ  สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เป็นสหภาพหนึ่งเดียว

                รูปแบบปัจจุบันของธงสหภาพ มีขึ้นในสหภาพบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เมื่อปี ๑๘๐๑ โดยรูปแบบนี้รวมเอาลักษณะของธงชาติประจำรัฐทั้งสามนั้นเข้าไว้

                คือ ธงรูปกางเขนสีชาดของนักบุญจอร์จ (อังกฤษ) ธงรูปกางเขนไขว้สีชาดของนักบุญแพทริก  (ไอร์แลนด์) และธงรูปกางเขนไขว้สีขาวของนักบุญแอนดรูว (สกอตแลนด์)

                ธงไตรรงค์ คนไทยรู้ดีหมายถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

                ฉะนั้นธงชาติจึงมีศักดิ์ศรี และมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว

                เสาธงจึงไม่อาจชักธงอื่นขึ้นแทนได้นอกจากธงชาติ

                เฉกเช่นไม่อาจให้โจรชั่วมาทำหน้าที่สอนนักศึกษาได้

                ประโยคที่คุ้นหูก่อนเสียงเพลงชาติจะดังขึ้น      

                "ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช และความเสียสละของบรรพบุรุษไทย"

                อาจไม่เคยเข้าหู ก๊วนธงดำเลย

                หรือเข้าหูแต่ไม่ไยดี ไม่เคยใส่ใจบรรพบุรุษของชาติ

                คงเพราะอาจารย์เสี้ยมสอนว่าไม่เป็นประชาธิปไตยกระมัง.

 ผักกาดหอม 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"