คุก6ปีอดีตบิ๊กทศท.เอื้อAIS


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 6 ปี "สุธรรม มลิลา"   อดีต ผอ.ทศท. แก้สัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ ชี้ใช้อำนาจตำแหน่งโดยทุจริตเอื้อประโยชน์ "เอไอเอส" ในยุค "ทักษิณ" เป็นนายกฯ ทำองค์กรเสียรายได้ 6.6 หมื่นล้านบาท พร้อมสั่งชดใช้ 4.6 หมื่นล้าน ได้ประกันตัวระหว่างฎีกา 8 แสน
    ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ในขณะนั้น ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
    โดยคำฟ้องสรุปว่า จำเลยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ทศท. ทำหน้าที่บริหารงานภายในองค์กร มีหน้าที่ปฏิบัติงานก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร เมื่อระหว่างวันที่ 12 เม.ย.2544-15 พ.ค.2544 จำเลยปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการและกรรมการ ทศท. โดยตำแหน่งกระทำความผิดกฎหมายหลายบท โดยทำสัญญาอนุญาตให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด มหาชน (AIS) ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สัญญากำหนดว่าบริษัทเอไอเอสจะต้องลงทุนอุปกรณ์ทั้งหมด และยกให้ ทศท.ก่อนที่จะนำไปให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ และกำหนดให้เอไอเอสจ่ายส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์ปีที่ 1-5 อัตราร้อยละ 15, ปีที่ 6-10 อัตราร้อยละ 20, ปีที่ 11-15 อัตราร้อยละ 25 และปีที่ 16-20 อัตราร้อยละ 30 ซึ่งทำให้ ทศท.ได้รับส่วนแบ่งรายได้น้อยลงจากเดิมที่ได้รับตามสัญญาหลักในอัตราร้อยละ 25-30
    ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาหลักกับสัญญาที่แก้ไข ทศท.สูญเสียรายได้ 17,848,130,000 บาท และสูญเสียรายได้ในอนาคตถึงสิ้นสุดสัญญาสัมปทานอีกเป็นเงิน 53,490,900,000 บาท รวมเป็นเงิน 71,339,030,000 บาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียงข้างมาก วินิจฉัยว่าการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมครั้งที่ 6 เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอไอเอสตามคดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2553 ระหว่างอัยการสูงสุดกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร (ยศขณะนั้น) และตามรายงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) การที่จำเลยปิดบังข้อเท็จจริงของฝ่ายบริหารผลประโยชน์ของ ทศท. ได้มีความเห็นเสนอจำเลยว่า บริษัท TAC ต้องจ่ายให้ภาครัฐมากกว่าเอไอเอส จำเลยย่อมทราบข้อมูลความแตกต่างการพิจารณาการขอลดอัตราส่วนแบ่งรายได้ของเอไอเอสเป็นอย่างดีแล้ว แต่มิได้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวเสนอให้ ทศท.ทราบถึงความแตกต่าง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157
    ทั้งนี้ บริษัท ทีโอที จำกัด ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 จากการที่จำเลยลงนามข้อตกลงครั้งที่ 6 กับบริษัทเอไอเอส เป็นผลให้ผู้ร้องสูญเสียรายได้ คิดเป็นเงิน 66,060,686,735.94 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี รวมเป็นเงิน 93,710,927,981.84 บาท
    โดยจำเลยให้การปฏิเสธ ซึ่งภายหลังศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษายกฟ้อง และยกคำร้องของบริษัททีโอที ผู้ร้อง อย่างไรก็ตาม นายอำนาจ พวงชมภู อธิบดีศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในขณะนั้น ได้ทำความเห็นแย้งโดยเห็นควรให้ลงโทษจำเลย ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา
เจตนาให้ AIS ได้ประโยชน์
    ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงทางไต่สวนพยานโจทก์จำเลยและผู้ร้องประกอบรายงาน ป.ป.ช.เรื่องการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 6 เพื่อลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายแก่เอไอเอส ในชั้นนี้ฟังได้ว่า ทศท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ต่อมาแปรสภาพเป็นบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน และภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด และคณะกรรมการ ทศท. มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้อำนวยการ ทศท. ต่อมาจำเลยแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ฉบับหลักลงวันที่ 27 มี.ค.2533) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2544 ปรับส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้าแก่เอไอเอส ซึ่งตามสัญญาหลักเอไอเอสต้องจ่ายภาษีในปีที่ 1-5 อัตราร้อยละ 15, ปีที่ 6-10 อัตราร้อยละ 20, ปีที่ 11-15 อัตราร้อยละ 25 และปีที่ 16-20 อัตราร้อยละ 30 เป็นอัตราก้าวหน้าแก่ ทศท 
    ต่อมาในการประชุมคณะกรรมการ ทศท. ครั้งที่ 5/2544 เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2544 จำเลยเข้าร่วมประชุมและพิจารณามีความเห็นกรณีบริษัทเอไอเอสขอลดส่วนแบ่งรายได้จากร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 20 นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมแล้ว ทศท.และประชาชนน่าจะได้รับผลประโยชน์โดยตรง จึงมีมติเห็นชอบที่ ทศท.จะเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าหน้าบัตร โดยมีเงื่อนไขให้ ทศท.เจรจากับเอไอเอสให้ได้ข้อยุติเรื่องการนำส่งส่วนแบ่งรายได้ให้ ทศท.เป็นรายเดือน และนำผลประโยชน์ที่เอไอเอสได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ให้บริการพร้อมให้กำหนดเงื่อนไขไว้ในท้ายสัญญา โดยจำเลยในฐานะผู้อำนวยการ ทศท.ลงนามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาครั้งที่ 6 กับบริษัทเอไอเอสมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2544 ว่าให้เอไอเอสแบ่งส่วนรายได้ในอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าหน้าบัตร ซึ่งศาลฎีกาฯ เคยวินิจฉัยว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอไอเอส ไม่ใช่การทำเพื่อประโยชน์ของราชการ และทำให้ ทศท.เสียหาย อีกทั้งการแก้ไขสัญญาในครั้งนั้นอัตราส่วนแบ่งรายได้แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า ควรเป็นไปตามสัญญาหลัก เนื่องจากการกำหนดส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องจ่ายแก่คู่สัญญาภาครัฐในแบบอัตราก้าวหน้าหรือขั้นบันได เป็นการกำหนดอัตราที่มีความเป็นธรรมแก่คู่สัญญาฝ่ายรัฐผู้ให้สัญญา เพราะได้กำหนดค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐผู้ให้สัญญาตามสัดส่วนของรายได้ 
    ศาลเห็นว่า หลังจากจำเลยลงนามในสัญญาลดส่วนแบ่งรายได้ครั้งที่ 6 ให้แก่บริษัทเอไอเอส ในการประชุม ทศท.ครั้งที่ 8/2544 จำเลยกลับรายงานต่อที่ประชุมว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการทำร่างข้อตกลงต่อท้ายสัญญาครั้งที่ 6 ทั้งที่ความจริงจำเลยได้ลงนามในข้อตกลงครั้งที่ 6 ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2544 โดยมิได้กำหนดข้อตกลงให้มีการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การเรียกเก็บเงินส่วนแบ่งรายได้ในโอกาสต่อไป อีกทั้งจำเลยทราบดีว่าการกำหนดอัตราค่าเชื่อมโยงแก่บริษัท TAC จากอัตราร้อยละ 200 บาท ต่อหมายเลข ต่อเดือน เป็นอัตราร้อยละ 18 ของราคาหน้าบัตร เป็นอัตราเชื่อมโยงขึ้นใหม่ ไม่ใช่การลดอัตราตามที่เอไอเอสกล่าวอ้าง และ TAC ยังจ่ายผลตอบแทนให้ ทศท.สูงกว่าที่เอไอเอสจ่าย แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยปกปิดข้อเท็จจริง ไม่แจ้งให้ที่ประชุมทราบด้วยเจตนาจะให้เอไอเอสได้รับผลประโยชน์จากการลดส่วนแบ่ง และศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัยไว้ชัดแจ้งว่าข้อตกลงสัญญาฉบับที่ 6 ที่จำเลยลงนามเอื้อประโยชน์แก่เอไอเอส 
ต้องชดใช้ 4.6 หมื่นล้าน
    "ที่จำเลยอ้างว่าที่ประชุมไม่มีคำถาม จำเลยจึงไม่ต้องรายงานข้อเท็จจริง นอกจากเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผลแล้ว โดยตำแหน่งที่จำเลยดำรงอยู่นั้น ต้องรักษาผลประโยชน์ขององค์กร สมควรแจ้งข้อเท็จจริงที่เป็นผลประโยชน์ได้เสียขององค์กรให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาด้วยความรอบคอบ บ่งชี้ให้เห็นเจตนาของจำเลยในการลงนามสัญญาครั้งที่ 6 ถือว่าเป็นการใช้อำนาจตำแหน่งโดยทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ทศท.ได้รับส่วนแบ่งน้อยลง การกระทำที่มุ่งให้เอไอเอสได้ประโยชน์ เป็นการกระทำโดยทุจริตครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 เมื่อการกระทำจำเลยเป็นความผิดอันเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่ปรับบทมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นบททั่วไป ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น"
    ส่วนจำเลยต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัททีโอทีหรือไม่ เห็นว่าแม้ทีโอทีจะไม่ได้อุทธรณ์ในส่วนคดีแพ่งก็ตาม แต่ได้ยื่นคำร้องเข้ามา ตามมาตรา 44/1 เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์จึงถือว่าคำร้องดังกล่าวได้อุทธรณ์ด้วยทำนองเดียวกัน และเมื่อข้อเท็จจริงส่วนอาญาฟังว่าจำเลยใช้อำนาจในทางทุจริต จำเลยต้องรับผิดชอบใช้เงินแก่ทีโอที โดยบริษัททีโอทีได้คำนวณค่าเสียหายที่ต้องขาดรายได้จากเงินส่วนแบ่งตลอดอายุสัญญาแต่ละช่วงเป็นต้นเงิน 66,060,686,735.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดนำมาไต่สวนเป็นอย่างอื่น แต่ข้อเท็จจริงแม้เชื่อได้ว่าบริษัททีโอทีได้รับความเสียหายตามจำนวนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุมัติลดอัตราส่วนแบ่งรายได้แก่เอไอเอสเป็นมติคณะกรรมการฯ จำเลยไม่ได้พิจารณาแต่เพียงลำพัง หากจำเลยต้องรับผิดเต็มจำนวนความเสียหายคงไม่เป็นธรรม จึงสมควรให้จำเลยรับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง เป็นเงิน 46,855,463,990.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 33,030,343,367.97 นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.2559 ซึ่งเป็นวันที่บริษัททีโอทียื่นคำร้อง
    พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 9 ปี พยานหลักฐานที่จำเลยนำเข้าไต่สวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 6 ปี และให้จำเลยชำระเงิน 46,855,463,990.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 33,030,343,367.97 บาท นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2559
    ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 8 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวไป โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"