"บัตรทอง"ขงของบฯกลางเพิ่ม3.6พันล้าน สู้โควิด ปิ๊งไอเดีย ผนึกกำลังเงิน 3กองทุนสุขภาพ มาร่วมดูแลผู้ติดเชื้อ


เพิ่มเพื่อน    


 12 มี.ค.63- ในการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน (วาระพิเศษ) โดยมี พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร และนางดวงตา ตันโช กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน ได้พิจารณาร่างข้อเสนอประเภทและขอบเขตบริการ งบประมาณ และหลักเกณฑ์ แนวทางการดำเนินงานและบริหารการจ่ายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  

          พญ.ประสบศรี กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นประธาน มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ให้กรณีโรคติดเชื้อ โควิด-19  อยู่ในประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) มอบให้ “คณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและดำรงชีวิต” พิจารณารายละเอียดมาตรฐานและแนวทางบริการ และ “คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน” พิจารณาแหล่งงบประมาณและกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินงาน วิธี เงื่อนไข และอัตราการรับค่าใช้จ่าย


 ที่ประชุมสรุปว่า สิทธิ์บัตรทองจะครอบคลุมทั้งการป้องกันโรคสร้างเสริมสุขภาพ คัดกรองและตรวจวินิจฉัยโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์  ซึ่งการเตรียมงบฯบัตรทอง ครั้งนี้   เพื่อรองรับการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทั้งในระยะที่ 2 และ 3 โดยผู้ป่วยร้อยละ 70.8 เป็นผู้มีสิทธิบัตรทอง  และได้ทำการคำนวณโดยอ้างอิงค่าใช้จ่ายการดูแลผู้ป่วยของสธ.  ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อ ค่ายารักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคโควิด-19 ค่าห้องควบคุมและค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (ชุด PPE) และค่าพาหนะรับส่งต่อผู้ป่วยระหว่างหน่วยบริการ รวมเป็นงบประมาณที่ต้องเตรียมรองรับจำนวน 4,649 ล้านบาท  

ด้าน นางดวงตา กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน 1,020 ล้านบาท มาจากรายการรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสมของกองทุนบัตรทองตามที่บอร์ด สปสช. ได้มีการอนุมัติไปแล้ว ส่วนงบประมาณที่เหลือจำนวน 3,629 ล้านบาท คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรเสนอต่อ บอร์ด สปสช. เพื่อขอให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางสนับสนุนเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อการรับมือการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปีงบประมาณ 2563 นี้


“การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นสถานการณ์ไม่ธรรมดา การระดมทรัพยากรเป็นสิ่งจำเป็น     ที่ประชุม จึงได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการบูรณาการ 3 กองทุนสุขภาพ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่เข้าข่ายหรือได้รับเชื้อโควิด -19  เพราะด้วย 3 กองทุนมีหลักเกณฑ์การจ่ายที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการ ขณะเดียวกันยังลดความยุ่งยากการเบิกจ่ายให้กับหน่วยบริการที่ดูแลผู้ป่วยด้วย”    นางดวงตากล่าว
          


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"