โควิดบททดสอบฝีมือรัฐบาล


เพิ่มเพื่อน    

 

             ในขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้ ตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อโควิด-19 มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพอจะเรียกได้ว่ามันได้ลุกลามไปทั่วโลกแล้ว ในตอนนี้เกือบทุกประเทศมีการพบผู้ติดเชื้อแทบทั้งสิ้น

                จากนี้เจ้าเชื้อโควิด-19 กลายเป็นบททดสอบสำคัญของ มวลมนุษยชาติว่า จะรับมือกันอย่างไร ซึ่งแต่ละประเทศก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และมันกลายเป็นการวัดฝีมือของรัฐบาลแต่ละประเทศว่าจะจัดการกับการระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ดีแค่ไหน

                แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศต้นกำเนิด อย่างประเทศจีนจะดีขึ้น จนสามารถปิดโรงพยาบาลเฉพาะกิจในเมืองอู่ฮั่นเกือบหมด และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 20 คน นับเป็นความสำเร็จจากการเด็ดขาดของรัฐบาลจีน ที่ใช้เวลาเพียง 1 เดือนครึ่งที่ยุติการระบาดในวงกว้างได้

                อันที่จริงถ้าจีนไม่ประกาศปิดเมืองในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคนจีนหลายล้านคนเตรียมตัวจะเดินทางออกไปทั่วโลก นั้นนึกภาพไม่ออกเลยว่า สถานการณ์การระบาดจะเป็นอย่างไร เพราะขนาดที่มีมาตรการเข้มงวดมากขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังสามารถระบาดใหญ่ไปทั่วโลกได้ในที่สุด

                อย่างตอนนี้แม้ว่าในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย สถานการณ์การควบคุมการระบาดดูเหมือนทำได้ดีขึ้น ทั้งใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แต่เชื้อดันไประบาดในภูมิภาค ยุโรป สหรัฐอเมริกา และล่าสุดที่น่าเป็นห่วง คือ อินเดีย และอินโดนีเชีย 2 ประเทศที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และระบบสาธารณสุขยังไม่สู้ดีนัก จะสามารถรับมือกับวิกฤติในครั้งนี้ได้หรือไม่

                ซึ่งในตอนนี้ต้องยอมรับว่า การควบคุมการระบาดแบบจำกัด คงทำไม่ได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถทำให้คนหยุดเดินทางได้ ในเมื่อคนในโลกมีการเชื่อมโยงและไปมาหาสู่ถึงกันหมด เจ้าเชื้อโรคร้ายก็มีสิทธิที่จะไปปรากฏตัวได้ในทุกที่

                ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว อย่างประเทศที่มีการพัฒนาอย่างอิตาลีเพียง 2 สัปดาห์ยอดผู้ติดเชื้อทะยานเกิน 10,000 คน และในฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี รวมถึงสหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อทะยานเป็นหลักพันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ถึงจุดพีก ยังเพิ่มจำนวนไปได้อีก หากรัฐบาลประเทศไหนไม่มีประสิทธิภาพ หรือมีมาตรการเพียงพอจำนวนผู้ติดเชื้อจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันสามารถกระจายตัวได้อย่างทวีคูณ ขึ้นอยู่กับพาหะ จะรับผิดชอบกับตัวเองและระมัดระวังแค่ไหน ซึ่งแสดงให้เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ super spreader ในเกาหลีใต้และเวียดนาม

                ไวรัสโควิด-19 จึงเปรียบเสมือนข้อสอบที่เกิดขึ้นมาท้าทายทีมงานบริหารทุกประเทศว่า จะ 'เอาอยู่' ไหม

                สำหรับไทยเราเอง แม้ว่าทางรัฐบาลจะยังบอกว่า ไทยยังไม่เข้าสู่ขั้นที่ 3 ของการระบาด แต่ก็ได้ทำงานด้วยแผนรับมือระดับ 3 มาซักพักแล้ว คัดกรอง, แยกผู้ป่วย, ตามติดผู้ใกล้ชิด ซึ่งทุกกระบวนการทำขึ้นเพื่อยืดเวลาการเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะที่คนในประเทศแพร่เชื้อกันเองให้ช้าที่สุด

                อันที่จริงก็ยังบอกไม่ได้ว่าประเทศไทยนั้นเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือยัง เพราะจำนวนการสุ่มตรวจหาเชื้อนั้นมีน้อยมาก ถ้าเทียบกับหลายประเทศที่เขาทำงานกันเชิงรุก และพบว่าคนป่วยในไทยก็เกิดมาจากการมาหาหมอตรวจกันเอง ไม่ได้มาจากการคัดกรองของเจ้าหน้าที่ ซึ่งข้อมูลจำนวนคนที่ตรวจพบ ก็น่าจะเป็นตัวเลขที่อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงหรือไม่

                แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ตอนนี้ทุกคนในชาติจะต้องแสดงออกซึ่งความสามัคคี รับผิดชอบต่อส่วนร่วม และยึดแนวทางตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เพราะแม้ว่าเราจะติดเชื้อหรือป่วย เราก็ยังไม่ได้เป็นผู้ที่ปล่อยเชื้อให้เกิดการระบาดของผู้อื่น ดังนั้นหมั่นระวังตัว สังเกตตัวเอง แม้ว่าเราจะไม่ได้มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ในไทยเราก็มีเชื้ออยู่แล้ว มันก็มีโอกาสที่จะติดในประเทศเช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่าประมาท ต้องดูแลตัวเอง และประเมินความเสี่ยงที่สูงไว้ก่อน เพื่อป้องกันการระวังตัว อย่าไปหวังพึ่งแต่ภาครัฐอย่างเดียว เพราะประสิทธิภาพก็ใช่ว่าจะดีนัก มีเรื่องราววุ่นวายกันตลอด.  

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"