ปะทะเดือดเขื่อนปัตตานี ทหารพรานพลีชีพ1เจ็บ2


เพิ่มเพื่อน    

 ปิดล้อมเขื่อนปัตตานีกดดันแนวร่วมบีอาร์เอ็นมอบตัววันที่ 7 ปะทะเดือด! คนร้ายยิงทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย "มทภ.4" เผยเป็นกลุ่มยิงถล่ม 15 ศพ ชรบ.ลำพญา "ศอ.บต." เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น หลังโดนคาร์บอมบ์ "กสม." ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุ 

    ความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจยะลา และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ 22 อ.ยะรัง สนธิกำลังตำรวจและทหารเข้าปิดล้อมอ่างเก็บน้ำตาเซะ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา กับ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อกดดันแนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็น ที่เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณริมเขื่อนปัตตานี เป็นวันที่ 7 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา
    ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เวลา 13.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมกระชับพื้นที่กดดันให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามอบตัวนั้น กลุ่มคนร้ายที่ยังคงหลบซ่อนตัวได้เปิดฉากใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่อย่างหนัก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.เสนีย์ พงษ์สมบัติ และได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.อ.สุภาพ ตะเคียนทอง และ อส.ทพ.กิตติชัย อินทติน 
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เจ้าหน้าที่รุกคืบฐานที่มั่นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ พบศพคนร้าย 3 ศพที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ จึงนำศพออกจากพื้นที่เพื่อทำการพิสูจน์ดีเอ็นเอและประวัติบุคคล โดยยังเหลือที่ยังต่อสู้ไม่ยอมวางอาวุธอีก 4 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว แต่คนร้ายยังไม่มีท่าทีที่จะมอบตัว กระทั่งเกิดการปะทะดังกล่าวจนมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
    พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การปะทะครั้งนี้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และมีการใช้มาตรการเบาไปหาหนัก ใช้ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา ทำการเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธและมอบตัว แต่คนร้ายไม่ยอม จึงต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด 
    "ในเบื้องต้นพบคนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิง ชรบ.ที่ ต.ลำพญา เสียชีวิต 15 ศพ ส่วนคนร้ายที่ระเบิดหน้า ศอ.บต.เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้มีรายละเอียดพอสมควร ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
    ที่บริเวณหน้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) จ.ยะลา เวลา 08.00 น. พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการ ศอ.บต. นำรองเลขาธิการ ศอ.บต., ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ศอ.บต. รวมทั้ง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของ ศอ.บต. ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณด้านหน้า ศอ.บต. จนทำให้ป้าย ศอ.บต.เสียหาย
    จากนั้นทั้งหมดร่วมในพิธีเปิดป้ายเพื่อชาวใต้สันติสุข โดยทุกคนนำกระถางต้นไม้นำมาวางหน้าป้าย ศอ.บต. เพื่อตกแต่งให้มีความสวยงาม และสื่อถึงว่า ศอ.บต.พร้อมที่จะทำหน้าที่ด้านการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันภายใต้ครอบครัวสันติสุข
    พล.ร.ต.สมเกียรติกล่าวว่า กำแพงป้ายชื่อ ศอ.บต.พังเสียหายไปเพราะแรงระเบิด แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเรียบร้อยแล้วก็ระดมกำลังก่ออิฐขึ้นมาใหม่ ซึ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันนี้ รอเพียงตัวหนังสือที่ต้องดำเนินการต่อไป 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานความมั่นคงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจากพื้นที่ อ.กรงปินัง และจากพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา มาทำการซักถามเพื่อหารายละเอียดของขบวนการในครั้งนี้ที่ ฉก.ยะลา 
    "เจ้าหน้าที่ได้ไล่กล้องวงจรปิดเพื่อหาคนร้ายคนที่ 3 ทำหน้าที่จุดระเบิดด้วยวิทยุรับ-ส่ง ซึ่งจะต้องอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 50-100 เมตร เป็นผู้ที่จุดระเบิดคาร์บอมบ์ในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นพบบุคคลผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด" แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนระบุ
    พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า มีการรวบรวมหลักฐานที่เกิดเหตุและภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน วัตถุพยานในการสาวไปยังผู้ต้องสงสัย ภาพที่ได้ค่อนข้างชัด ทั้งคนขับขี่รถจักรยานยนต์และคาร์บอมบ์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานและสอบพยานบุคคล รวมทั้งสอบสวนผู้ต้องสงสัยอีกระยะหนึ่ง เชื่อว่าจะรู้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้
    วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ประณามการวางระเบิดหน้า ศอ.บต.ยะลา ขณะประชุมเตรียมรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19 โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า กสม.ขอประณามการกระทำอันอุกอาจของกลุ่มคนร้ายที่มุ่งหมายให้เจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับอันตรายต่อชีวิต และขาดมนุษยธรรมในการเลือกโจมตีระหว่างที่ฝ่ายต่างๆ กำลังร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่กำลังคุกคามชีวิตและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ การโจมตีครั้งนี้นอกจากจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่มั่นใจแก่ประชาชนในการเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือเข้าถึงการคุ้มครองสิทธิในสุขภาพและชีวิต ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้
    "ขอให้รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างทั่วถึง และขอให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ได้ติดตามนำกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต่อไป" แถลงการณ์ระบุ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"