คนจีนคลั่งออเจ้า แนะเร่งเจาะตลาด


เพิ่มเพื่อน    

    ไทย-จีนสานสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมผ่านสื่อบันเทิง เผยละครบุพเพสันนิวาสฮิตระเบิดในเมืองจีน ปลุกกระแสขึ้นถึงอันดับ 1 ทั้งที่ยังไม่มีการติดต่อซื้อขายลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ ไม่ต่างอะไรจากที่คนไทยติดซีรีส์เกาหลี หนุนช่อง 3 เจาะตลาดสร้างรายได้มหาศาล
    เมื่อวันที่ 29 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพฯ มีการจัดงานเสวนา การส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างยั่งยืนผ่านสื่อบันเทิง โดย นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดจากความพยายามผลักดันใช้สื่อบันเทิงสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสองประเทศได้ระดมพลังภาครัฐและเอกชนมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เพื่อหาแนวผลักดันการผลิตในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร และแอนิเมชั่นร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาจีนให้ความสำคัญกับศักยภาพการผลิตอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของผู้ประกอบการไทย เนื่องจากภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องไปสร้างชื่อเสียงในประเทศจีน แต่ติดปัญหาการจำกัดโควตาของภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในจีน ดังนั้น หากมีการผลิตและถ่ายทำภาพยนตร์ร่วมกันจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้  
    นายวีระกล่าวว่า ตลอด 10 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการพัฒนาวงการภาพยนตร์ ทั้งการมี พ.ร.บ.ภาพยนตร์ และการจัดตั้งบอร์ดภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ การให้ทุนสนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง เทริด ที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับประเทศ ล่าสุดยังมีกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่จะสนับสนุนผู้ผลิตสื่อประเภทต่างๆ ในเดือนพฤษภาคม รวมถึงมีมาตรการภาษีสนับสนุนผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยสามารถคืนภาษีได้ถึง 15% ซึ่งในปีที่ผ่านมากรมการท่องเที่ยวรายงานว่า มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ของจีนเข้ามาถ่ายทำในไทยถึง 74 เรื่อง สร้างรายได้กว่า 524 ล้านบาท ขณะเดียวกันในอนาคตจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์ ให้มีเรื่องกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์โดยเฉพาะ เชื่อว่าจะทำให้ไทยยังคงครองอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมอาเซียน และเลื่อนลำดับขึ้นจากลำดับที่ 5 ของเอเชียได้ ส่วนความคืบหน้าการเชิญผู้ประกอบการและผู้จัดละครของค่ายต่างๆ มาหารือตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการอนุรักษ์และส่งเสริมความเป็นไทยนั้น ล่าสุดได้มีการประสานงานไปยังค่ายต่างๆ เพื่อร่วมกันหาแนวทางสร้างภาพยนตร์แนวรักชาติ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านช่างสิบหมู่ ให้สอดแทรกไปในละครหรือซีรีส์ต่างๆ ด้วย    
    ด้านนายพันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ รองเลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวถึงกระแสละครบุพเพสันนิวาสในสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า กระแสละครไทยในจีนช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าการฉายละครไทยในจีนยังไม่ได้มีการซื้อขายลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ แต่แฟนละครก็หาชมได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีผู้นำละครมาลงไว้ในอินเทอร์เน็ต มีซับไตเติลแปลเป็นภาษาจีนให้พร้อมสรรพ ส่งให้นักแสดง ดาราไทย ไปโด่งดังที่จีนจำนวนมาก ทั้งไมค์-พิรัชต์, ออม-สุชา, มาริโอ้ และล่าสุด ละครบุพเพสันนิวาส ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้สร้างปรากฏการณ์กระแสความนิยมในจีน มีชาวจีนมีการทวีตข้อความถึงละครเรื่องนี้พุ่งเป็นอันดับ 1 มาแล้ว นั่นแปลว่ากระแสละครก่อเกิดความนิยมตั้งแต่ยังไม่มีการซื้อขายละครอย่างถูกกฎหมาย
    “ผมเชื่อว่าจนถึงวันนี้ ช่อง 3 ยังคงไม่ได้ขายละครเรื่องบุพเพสันนิวาสให้กับทางผู้ประกอบการจีน แต่ด้วยกระแสของละครในประเทศไทยก่อให้เกิดความสนใจของคนจีนที่ติดตามละครไทยมาโดยตลอด และเมื่อได้ข่าวก็ยิ่งอยากติดตามชม ลองเปรียบเทียบได้กับกลุ่มแฟนละครคนไทยที่ติดตามภาพยนตร์หรือซีรีส์เกาหลีหลายเรื่อง ที่หาดูได้จากอินเทอร์เน็ต บางเรื่องมีการพากย์ บางเรื่องขึ้นซับแปลภาษาไทย ซึ่งพอมีเรื่องอะไรใหม่ๆ มาก็มาคุยกันจนเกิดเป็นกระแสติดตามเชียร์จนได้รับความนิยมจากคนไทย และตามรอยไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ อย่างเกาะนามิ เป็นต้น  เช่นเดียวกันกับบุพเพสันนิวาส ที่มีคอมมูนิตี้ชาวจีนที่เป็นแฟนคลับละครไทยที่เหนียวแน่น เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้เกิดปรากฏการณ์ฮิตในประเทศไทยก็มีการพูดคุยกัน และเรียกร้องให้มีการแปลเป็นภาษาจีน เมื่อฉายออกมาแล้ว คนชื่นชอบ เพราะเนื้อหาสนุก ได้เห็นการแต่งตัวแปลกๆ ของนักแสดง คนก็ทวีตกันจนครั้งหนึ่งขึ้นประวัติศาสตร์จีนเป็นอันดับ 1 ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ของละครไทยที่โด่งดัง”
    รองเลขาฯ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าหากประเทศไทยและจีนมีการซื้อขายละครกันอย่างถูกกฎหมาย ก็จะนำไปสู่การโปรโมตกันเป็นเรื่องเป็นราว ลองนึกดูว่า ถ้ามีการนำโป๊ปและเบลล่าไปเดินสายพบปะแฟนคลับ คงจะเกิดปรากฏการณ์เหมือนช่วงงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ขึ้นที่ปักกิ่งได้แน่นอน เพราะเพียงช่วงเวลาที่ผ่านมา สื่อต่างๆ ได้นำเสนอให้เห็นว่า ด้วยกระแสละครบุพเพสันนิวาสทำให้คนไทยร่วมแต่งกายแบบไทย และกลุ่มแฟนคลับละครจะต้องตามกระแส แต่งตัวตามละครเรื่องนี้ ทั้งคุณพี่หมื่น หรือแม่การะเกด ซึ่งแม้จะเป็นเพียงคอมมูนิตี้เล็กๆ ของคนจีนเพียงพันคน หมื่นคนที่คนสนใจ แต่ก็จะเป็นภาพที่ส่งผลให้คนจีนกว่า 1,000 ล้านคนได้เห็น ซึ่งก่อให้เกิดภาพการข้ามวัฒนธรรมที่น่าสนใจระหว่าง 2 ประเทศ อีกทั้งยังนำไปสู่การดึงดูดให้มาตามรอยสถานที่ถ่ายทำในละคร สนใจอยากรู้จักอาหารไทยตามไปด้วย  
    อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ ณ วันนี้มีการนำละครไปฉายแบบที่ช่อง 3 ไม่ได้รับประโยชน์ เพราะยังไม่มีการทำให้ถูกกฎหมาย ก็เลยยังไม่มีการโปรโมตอย่างเต็มตัว ดังนั้นประเทศไทยควรหาโอกาสเข้าไปทำการตลาดกับจีน เพื่อให้อุตสาหกรรมละครไทยไปได้ไกลกว่านี้.     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"